ถึงแม้ว่าเธอจะรู้สึกประหลาดใจและตกใจไม่น้อย แต่เวินหนิงก็ไม่ได้ซาบซึ้งใจจนตอบตกลงทันที
“ นายท่านลู่คะ ก่อนหน้านั้นถ้าไม่ใช่เพราะท่าน บางทีก็คงไม่มีฉันในวันนี้ ”
น้ำเสียงของเวินหนิงค่อนข้างที่จะนิ่ง หากตอนนั้นถ้าไม่ใช่เพราะนายท่านลู่เชื่อคำพูดของหมอดูแล้วช่วยตัวเองออกมาจะเรือนจำแล้วล่ะก็ บางที่ก็คงไม่มีเธอคนนี้ไปตั้งนานแล้ว ถึงแม้ว่าที่ท่านเขาทำลงไปก็เพื่อที่จะช่วยหลายชายของตัวเอง แต่นี่ก็ถือว่าเป็นหนี้บุญคุณหนึ่งที่เธอไม่เคยลืม
เมื่อได้ยินในสิ่งที่เวินหนิงพูด นายท่านลู่รู้สึกว่าเรื่องนี้น่าจะมีหวัง ท่าทางที่จริงจังของเขาผ่อนคลายลงมาก " แล้วเธอคิดว่ายังไง ถ้าหากเธอตอบตกลง เธอดูข้อตกลงนี้ก่อน ฉันสัญญาว่าจะสามารถช่วยให้หนูมีชื่อเสียงไปทั่วมุมของโลกได้ในเวลาอันสั้นที่สุด "
เวินหนิงรับข้อตกลงนั้นมา แต่ก็ไม่ได้เปิดออกมาอ่าน
เธอรู้ว่านายท่านลู่อายุขนาดนี้แล้ว ไม่จำเป็นต้องหลอกตัวเองด้วยการพูดโกหกอย่างแน่นอน ท่านเขาสามารถทำตามที่เขาพูดได้อย่างแน่นอน ดังนั้นจึงไม่จำเป็นต้องเปิดออกมาอ่านเพื่อยืนยันข้อเท็จจริง
นี่น่าจะถือว่าเป็นวิธีที่ตระกูลลู่แสดงความจริงใจที่ดีที่สุดแล้ว แต่สำหรับเวินหนิงแล้ว มันยังไม่เพียงพอสำหรับเธอ
" หนูขอขอบคุณความจริงใจของท่านนะคะ แต่มีเรื่องบางเรื่องมันไม่สามารถปล่อยให้มันผ่านเลยตามเลยได้ค่ะ ยกเว้นแต่ว่าคุณแม่ของลู่จิ้นยวนจะมาขอโทษฉันด้วยตัวเอง สำหรับพฤติกรรมในแต่ก่อนที่เคยทำกับฉัน และพิจารนาตัวเองอย่างจริงใจ ไม่นั้น โปรดยกโทษให้ฉันด้วยที่ไม่สามารถยอมรับขอเสนอของท่านได้"
เวินหนิงวางข้อตกลงกลับไปอย่างระมัดระวัง แต่ท่าทีของเธอไม่ได้ถ่อมตัวหรือหยิ่งยโส
เธอยอมรับว่า จริงๆแล้วเธอไม่สามารถปล่อยวางลู่จิ้นยวนได้เลย และไม่อาจบังคับลู่อันหรานที่ต้องการความรักความเอาใจใส่จากพ่อของเขาเพื่อไปอยู่กับเธอได้
แต่นี่ก็ไม่ได้หมายความว่าเธอจะให้อภัยได้ทุกอย่าง
หากเย่หวานจิ้งไม่มีการเปลี่ยนแปลงใดๆ เธอจะไม่มีวันประนีประนอม
“ อย่างไรก็ตาม อนาคตหนูจะใช้ชีวิตอยู่กับจิ้นยวน หนูก็คงไม่มีเวลามากมายที่จะกลับไปที่คฤหาสน์หลังเก่าของตระกูลลู่ซะหน่อย ไม่ว่าอย่างไร อย่าให้เวลาอันมีค่าของทั้งคู่ต้องเสียไปเปล่าๆเพราะปัญหาหรือเรื่องเล็กๆแค่นี้เลย "
เวินหนิงส่ายหัวเมื่อได้ยินคำพูดนี้ “ ไม่ว่าจะห่างไกลหรือห่างเหินกกันแค่ไหน ลู่จิ้นยวนยังคงเป็นลูกชายของเธอ และอันหรานยังคงเป็นหลานชายแท้ๆของเธอเช่นกัน ฉันไม่อยากให้ลูกชายของฉันวันๆได้ยินแต่ย่าของเขาดูถูกแม่ผู้ให้กำเนิดของเขาหรือรังเกียจตัวเองอยู่ตลอดเวลา "
หลังจากฟังเวินหนิงพูดจบ นายท่านลู่เห็นถึงท่าทีของเวินหนิงอย่างชัดเจน
แต่ว่าการที่จะไปเปลี่ยนแปลงความคิดของคนอย่างเย่หวานจิ้งนั้นไม่ใช่เรื่องง่ายเอาซะเลย นายท่านจึงได้แต่ถอนหายใจอย่างช่วยไม่ได้ ในเมื่อเวินหนิงไม่เห็นด้วย เขาก็ไม่อาจบังคับให้พวกเขาอยู่ด้วยกันได้ แบบนี้จะไม่ดูเหมือนการรังแกกันเหรอ
“ ในเมื่อเธอพูดเช่นนี้ ฉันก็เข้าใจล่ะ ถือว่าวันนี้ฉันรีบร้อนไปหน่อย ฉันจะกลับไปพูดคุยกับหวานจิ้งดูก่อน ”
นายท่านลู่ส่ายหัวแล้วเดินกลับเข้าไปที่รถ
เวินหนิงเห็นฝีเท้าที่เดินโซซัดโซเซของนายท่าน ถึงได้สังเกตเห็นว่านายท่านที่เธอนับถือและเป็นที่เกรงขามของผู้คนมากมายแก่ไปไม่น้อย เห็นแล้วทำให้คนรู้สึกว่าเวลาไม่เคยรอใคร ทำให้เธอถึงกับถอนหายใจ
ถึงแม้เธอจะถอนหายใจก็จริง แต่เธอไม่เคยคิดที่จะยอมเสียสละความสุขของตัวเองเพื่อทำให้คนอื่นมีความสุข
เวินหนิงรอจนรถของนายท่านลู่ขับกลับไปแล้ว ก็ได้กลับเข้ามาที่โรงพยาบาลอีกครั้ง
แต่ว่าครั้งนี้เธอยังไม่ทันได้เข้าไปถึงที่ประตูโรงพยาบาลก็ได้เจอกับเหอจื่ออัน
เมื่อเห็นเธอ เหอจื่ออันก็เดินเข้ามา แล้วยื่นเอกสารหนึ่งให้เธอ " หนิงหนิง อาการป่วยของคุณป้าก็เกือบจะหายดีแล้ว นี่คือข้อมูลการย้ายถิ่นฐานที่ผมเตรียมไว้ ดูสิว่าคุณชอบประเทศไหนมากกว่ากัน
ผมรู้สึกว่าประเทศ f ไม่เลวนะ คุณสามารถศึกษาการออกแบบแฟชั่นที่คุณชอบต่อไปได้ ที่นั้นเป็นสถานที่ที่ดีที่สุดและเป็นความฝันของนักออกแบบแฟชั่นทุกคน ... "
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บ่วงแค้นแสนรัก