เย่หวานจิ้งย่อมไม่สามารถฝ่าฝืนคำสั่งของนายท่านลู่อยู่แล้ว จึงรีบกลับไปที่คฤหาสน์หลังเก่าของตระกูลลู่ทันที
ทันทีที่เปิดประตูเข้าไป นายท่านลู่นั่งรอเธออยู่ในห้องรับแขกอยู่แล้ว พอเห็นเธอก็กวักมือเรียกเธอ " เรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อกี้คนของพ่อได้บอกพ่อทั้งหมดแล้ว พ่อรู้สึกว่าเวินหนิงเด็กคนนี้ไม่เลวจริงๆ ก่อนหน้าเป็นเพราะตระกูลลู่เรามีความเข้าใจผิดต่อเธอไม่น้อย แต่ท้ายที่สุดแล้วมันไม่เกี่ยวข้องกับความรู้สึกของพวกเขาเลย ตอนนี้ก็ถึงเวลาปล่อยวางอคติได้แล้ว "
เมื่อได้ยินเช่นนี้ เย่หวานจิ้งมีลางสังหรณ์ที่ไม่ดีทันที เป็นไปได้หรือไม่ว่านายท่านตัดสินใจแล้วว่าที่ช่วยสนับสนุนให้ทั้งสองอยู่ด้วยกัน
แต่ก่อนนั้นแม้ว่านายท่านจะเคยมีความคิดนี้ แต่เพราะเห็นว่าเย่หวานจิ้งค่อนข้างที่จะต่อต้านอย่างหนัก จึงไม่ได้พูดอะไรมาก
แต่ตอนนี้……
" คุณพ่อคะ ... การตัดสินใจครั้งนี้ไม่ดูรีบร้อนเกินไปหน่อยเหรอคะ ต่อให้หยงซือเหม่ยจะไม่ผ่าน ฉันไม่เชื่อว่าจะไม่มีผู้หญิงคนอื่นที่จะไม่สามารถผ่านด่านทดสอบของจิ้นยวนได้ ฉัน ... "
"หวานจิ้งเอย เธอไม่เข้าใจจริงๆ หรือว่ามองไม่ออกจริงๆว่าคนที่จิ้นยวนต้องการคือเวินหนิง และที่สำคัญเวินหนิงก็ไม่ได้ทำให้เขาผิดหวัง ในสถานการณ์แบบนั้น ยังไม่ยอมทอดทิ้งกัน ความสัมพันธ์ของพวกเขานี้มันหายากจริงๆ พ่อรู้ว่าก่อนหน้านั้นเธอมีความขัดแย้งกับเวินหนิงไม่น้อย และเวินหนิงก็มีอคติกับเธอเล็กน้อย และที่สำคัญ เรื่องก่อนหน้านั้นเธอเป็นคนผิดสักส่วนใหญ่ ... "
ตอนนี้นายท่านลู่ปล่อยวางแล้ว และได้พูดอย่างยุติธรรม
แต่ก่อนหน้านั้น เวินหนิงไม่ได้ทำอะไรผิดเลย แต่ดันเป็นตระกูลลู่ที่คอยทำร้ายเธอซ้ำแล้วซ้ำเล่า
แต่เมื่อได้ยินเช่นนี้ แม้กระทั่งนายท่านยังมาตำหนิตัวเอง ทันใดนั้นเย่หวานจิ้งรู้สึกน้อยเนื้อต่ำใจมาก “ คุณพ่อคะ ตลอดเวลาที่ผ่านมา ตั้งแต่ที่ฉันเข้ามาอยู่ในบ้านตระกูลลู่ไม่มีผลงานก็มีแรงไม่น้อยที่ทุ่มเทให้กับตระกูลลู่ ฉันคิดไม่ถึงเลยว่า ในท้ายที่สุดแล้วฉันยังสู้เวินหนิงที่เป็นรุ่นหลานไม่ได้ ตอนนี้เธอยังไม่ได้เข้ามาอยู่ในบ้านตระกูลลู่ก็ขนาดนี้แล้ว บางที่รอให้เธอเข้ามาอยู่จริงๆ ถึงเวลานั้นบ้านนี้ก็คงไม่มีที่ให้ฉันยืนแล้ว "
หลังจากพูดเสร็จ เย่หวานจิ้งก็คว้ากระเป๋าถือที่วางไว้บนโซฟาแล้ววิ่งออกไป
“หวานจิ้ง พ่อไม่ได้หมายความอย่างนั้น ... ”
เมื่อนายท่านเห็นเช่นนี้ จึงพยายามจะห้ามเย่หวานจิ้งไว้ แต่เธอวิ่งออกไปเร็วมาก คนรับใช้หลายคนก็ไม่กล้าที่จะหยุดหรือห้ามเธอไว้ เลยต้องปล่อยเธอออกไป
"เหย……"
เมื่อเย่หวานจิ้งวิ่งออกไป นายท่านลู่ได้แต่ถอนหายใจ
แต่ก่อนหน้านั้นเขาไม่ได้รู้สึกอะไร แต่ตอนนี้คิดไปคิดมา เรื่องที่แม่ผัวกับลูกสะโภ้ไม่ถูกกันก็เป็นเรื่องที่ปวดหัวไม่เบาจริงๆ
เมื่อพ่อบ้านเห็นนายท่านถอนหายใจเช่นนี้ ก็อดเปิดปากเกลี้ยกล่อมท่านไม่ได้ “ นิสัยของนายหญิงท่านก็ไม่ใช่ว่าจะไม่รู้ เธอแค่รู้สึกไม่มีหน้า ขนาดท่านยังมาต่อว่าเธอ เธอย่อมรู้สึกน้อยใจเป็นเรื่องธรรมดา หรือไม่ก็ลองไปหาคุณหนูเวินหนิงดู นิสัยของเธอค่อนข้างที่อ่อนโยน บางทียังพอเจรจาต่อรองกันได้ "
พ่อบ้านเป็นเก่าคนแก่ที่ติดตามนายท่านมาหลายสิบปี ตอนที่เวินหนิงเข้ามาอยู่ที่นี่ เขานั้นเห็นอยู่กับตา
เขารู้สึกว่าเวินหนิงเป็นคนที่พูดด้วยเหตุและผล เป็นเพราะแต่ก่อนเธอลำบากมาไม่น้อย ทำให้เขารู้สึกดีกับเธอไม่น้อย
" แกพูดถูก ฉันจำได้ว่าเธอเปิดบริษัทออกแบบชื่ออะไรนะ "
นายท่านลู่เห็นว่าเย่หวานจิ้งไม่ฟังเหตุและผล จึงเริ่มคิดหาทางใหม่
หลังจากนั้นไม่นาน ก็เรียกคนเข้ามาทำการร่างข้อตกลงขึ้นมา
" เอาสิ่งนี้ไปด้วย ไปพวกเราไปหาเวินหนิงกัน น่าจะราบรื่นไปด้วยดี"
...
เวินหนิงกลับไปถึงที่โรงพยาบาล แล้วเข้าไปที่ห้องผู้ป่วยเพื่อไปดูอาการของแม่ของเธอ
ซ่งรั่วอวิ้นกำลังคุยกับไป๋หลินยวี่อยู่ แม้ว่าทั้งสองเพิ่งจะรู้จักกันได้ไม่นาน แต่พวกเขากับรู้สึกสนิทสนมกันมาก ดูเหมือนว่าพวกเขาจะเป็นแม่ลูกที่มีความสัมพันธ์ที่ดีไม่น้อย
“ หนิงหนิงกลับมาแล้วเหรอ”
ทันทีที่เวินหนิงเดินเข้าไปไป๋หลินยวี่ก็ทักทายเธอด้วยรอยยิ้ม
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บ่วงแค้นแสนรัก