ความโกรธและความรู้สึกไม่ยินยอมพวยพุ่งขึ้นมาในจิตใจ แต่มู่เยียนหรานก็ไม่ได้แสดงออกมาให้เห็น เธอพยายามสะกดกลั้นอารมณ์ด้านนั้นของตัวเอง “แต่ว่า ถ้าคุณออกไปคนเดียวแบบนี้ ฉันก็ไม่มีหน้าไปพบเถ้าแก่ลู่แล้วนะคะ”
ลู่จิ้นยวนเห็นว่ามู่เยียนหรานปักหลักอย่างแน่วแน่ไม่ยอมปล่อยเขาไปอย่างง่ายๆ สีหน้าก็เคร่งขรึมขึ้นมาเล็กน้อย พูดออกมาด้วยน้ำเสียงที่เข้มขึ้นมาอีกระดับ “จอดรถข้างหน้า”
มู่เยียนหรานได้ยินน้ำเสียงที่เย็นชานั้นของเขา ความรู้สึกก็มาถึงขีดสุดแล้ว “จิ้นยวน นี่คุณต่อต้านฉันถึงขนาดนี้เชียวเหรอ หรือว่าพวกเราไม่ใช่เพื่อนกัน ฉันไม่เข้าใจคุณเลยแม้แต่น้อย”
“เป็นเพื่อนก็ต้องมีการรักษาระยะห่างระหว่างกัน หยุดรถเดี๋ยวนี้”
ลู่จิ้นยวนตอบกลับอย่างเรียบๆ เช่นนั้น ทำให้มือของมู่เยียนหรานที่กำอยู่ที่พวงมาลัยรถแน่นขึ้นไปอีก เส้นเลือดปูดโปนออกจนจะระเบิดให้ได้ ทว่าเธอก็ไม่กล้าทำอะไรโดยไม่คิดให้รอบคอบก่อน หรือไม่กล้าแสดงท่าทีเรียกร้องความสนใจอะไรเสียด้วยซ้ำ เช่นนี้แล้วเธอก็ทำได้เพียงหยิบยื่นเขาไปให้ผู้หญิงอีกคนหนึ่ง
“ได้ ฉันเข้าใจแล้ว” อดกลั้นความกรุ่นโกรธเอาไว้ มู่เยียนหรานจอดรถส่งให้ลู่จิ้นยวนลงไป อันเฉินที่รออยู่ก่อนเป็นเวลานานมากแล้ว เมื่อได้เห็นพวกเขาทั้งคู่ปรากฏตัวขึ้นก็ชะงักอย่างงุนงงไปเล็กน้อย
“ตอนนี้เธออยู่ที่ไหน” ลู่จิ้นยวนไม่ได้สนใจสิ่งอื่นใดเลย ถามออกไปอย่างตรงๆ ทันที
“ตอนนี้น่าจะไปที่โรงแรมโซเฟียต้า บอสครับ คนที่คุณหนูเวินพึ่งจะติดต่อด้วยคือยวี๋เฟยหมิงครับ”
ขณะที่อันเฉินพูดนั้น ก็พลางสังเกตท่าทีของลู่จิ้นยวนไปด้วย กลัวว่าประโยคนี้จะไปจุดประกายความโกรธขึ้งของลู่จิ้นยวนเข้าได้
สีหน้าของลู่จิ้นยวนเงียบขรึม ขณะนั้นนัยน์ตาสีดำมืดสนิทก็ดูเยียบเฉียบขึ้นมา ดีมาก สรุปแล้วเวินหนิงไม่ฟังคำที่เขาพูดเลย ราวกับว่าเป็นเพียงลมที่พัดผ่านข้างหูไป แล้วยังกล้าไปเปิดห้องกับคนประเภทนั้นแล้วงั้นเหรอ
“ไปกันเดี๋ยวนี้เลย” ริมฝีปากของลู่จิ้นยวนขยับเอ่ยพูดคำไม่กี่คำนี้ออกมาอย่างเย็นๆ ทันทีที่นั่งลงที่ที่นั่งผู้โดยสารข้างหลัง อันเฉินก็ไม่กล้าที่จะเฉยเมยแม้แต่น้อย รีบเคลื่อนรถพุ่งออกไปทันที
มู่เยียนหรานที่ไม่ได้จากไปไหนและมองดูอยู่จากที่ไกลๆ สายตาเธอจับจ้องไปที่เงาของรถที่พุ่งตัวออกไปด้วยความเร็วสูง กำหมัดแน่น ใช้เล็กจิกเข้าไปที่ฝ่ามืออย่างแรง มือที่ปกติจะเรียวยาวสวยคู่นั้นก็ปรากฏรอยจ้ำสีแดง แต่เธอกลับไม่ได้สนใจสังเกตเห็นมันเลยเสียด้วยซ้ำ
ไม่มีการลังเลใจ มู่เยียนหรานตามไปด้วยในทันที
เธออยากจะรู้นักว่าเวินหนิง ผู้หญิงแบบนั้นจะมีเสน่ห์อะไรมากมายขนาดนั้น ที่กลับทำให้ลู่จิ้นยวนไม่ยอมแม้แต่ที่จะร่วมงานพบปะของครอบครัว แล้วไปหาเธอเช่นนี้
……….
เวินหนิงไปตามที่อยู่ที่ยวี๋เฟยหมิงส่งมาให้จนเจอโรงแรมนั้น
หลังจากที่ถึงโรงแรม เวินหนิงไม่ได้เร่งรีบที่จะเข้าไปข้างใน แต่กลับรอคนๆ หนึ่งที่บริเวณประตูทางเข้า
ไม่กี่วันก่อนหน้านี้ เธอบอกแผนการนี้ให้กับไป๋อี้อันรู้ เพื่อที่จะได้ให้แผนนี้สำเร็จลุล่วงไปได้อย่างราบลื่น เขาเลยส่งข้อมูลติดต่อของคนคนหนึ่งมาให้ กล่าวคือ คนๆ นี้มีประสบการณ์ในการรับมือกับคนเจ้าชู้ประเภทนี้อย่างยวี๋เฟยหมิงได้เป็นอย่างดี
เวินหนิงรออยู่สักพัก ก็เห็นผู้หญิงที่มีเสน่ห์และเซ็กซี่มากเดินเข้ามาหา ทันทีที่เห็นเธอ ผู้หญิงคนนั้นก็สอดส่องมองเธอตั้งแต่หัวจรดเท้าหนึ่งที “คนที่ไป๋อี้อันบอกมาก็คือเธองั้นเหรอ”
เวินหนิงพยักหน้า ผู้หญิงตรงหน้ายิ้มตอบ “ฉันชื่อแมรี่”
ในทันทีต่อมาเวินหนิงก็อธิบายแผนการที่เธอคิดเอาไว้ให้ผู้หญิงคนนั้นฟัง ตอนนี้เธอได้เตรียมอุปกณ์ป้องกันตัวมาด้วยไม่กี้ชิ้น แถมยังมียานอนหลับชนิดบดผงอยู่อีกหนึ่งห่อ เธอคิดเอาไว้ว่าจะอดใจรอไปก่อน รอให้ยวี๋เฟยหมิงมึนง่วงงุน หลังจากนั้นก็ทำให้เขาที่ไม่ระมัดระวังตัวนอนหลับไป สุดท้ายแล้วก็ถ่ายรูปเขาเอาไว้สักไม่กี่รูป แล้วจึงให้เข้าคายเรื่องที่ไม่ควรให้คนอื่นรู้ออกมาให้หมด
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บ่วงแค้นแสนรัก