แน่นอนที่แม้ว่าในใจเธอจะขยะแขยงจนอยากจะอ้วกออกมา แต่ก็ยังคงไม่ลืมว่าอีกฝ่ายนั้นเป็นลูกค้า ส่วนตนเป็นเพียงแค่พนักงานบริการเท่านั้น ดังนั้นบนใบหน้าจึงยังคงประดับด้วยรอยยิ้มพิมพ์ใจส่งไปให้ ไม่มีการชักสีหน้าใดๆ ทั้งสิ้น แต่คำที่เอ่ยออกมานั้น กลับทำให้คนรู้สึกแสลงหูได้
“คุณผู้ชายคะ ไม่ทราบว่าจะรูดบัตรเครดิตหรือชำระด้วยเงินสดคะ”
คำพูดที่เอ่ยออกมาเบาๆ เพียงแค่ประโยคเดียว ทำให้สีหน้าของโม่เทียนยวี๋ดูแย่มากขึ้น ซ้ำกลับรับรู้ได้ว่าพนักงานบริการคนนี้จงใจให้เขามีช่วงเวลาที่ต้องรู้สึกลำบากใจ ตัวเลขขึ้นไปถึงห้าแสนกว่าๆ แล้วเขาจะไปจ่ายเงินสดได้อย่างไรกันล่ะ
แต่เขาเองก็ทราบดี ไม่ว่าจะเป็นเพราะอยู่ภายใต้สถานการ์ที่อยู่ในที่สาธารณะแบบนี้ หรือว่าจะเพราะเป็นไอ้เด็กผีลูกชายของโม่โยว เขาก็ไม่อาจที่จะเอาไฟโทสะไปสุมเข้าใส่ได้
โม่เทียนยวี๋สูดหายใจเข้าลึกๆ มองไปที่ลู่อันหราน แม้ว่าในใจจะอยากขยี้เขาให้แหลกจนเละคามือ แต่ก็พยายามเค้นเอารอยยิ้มให้ขึ้นมาปรากฏอยู่บนใบหน้า
“อันหราน ไม่ใช่ว่าเสื้อผ้าพวกนี้จะเยอะเกินไปหรอกเหรอ ถ้าไม่อย่างนั้นหยิบออกไปสักหน่อยไหม อันหรานเป็นเด็กดี เด็กดีก็จะต้องเชื่อฟังคำพูดของผู้ใหญ่ใช่หรือเปล่า”
ในใจของลู่อันหรานรู้สึกระอาจนกลอกตาออกมา ไอ้ยาจกกระจอกเอ้ย หึ
เขายังคงตีหน้ามึน มองโม่เทียนยวี๋ด้วยดวงตากลมโต ราวกับไม่เข้าใจความหมายของคำพูดที่เขาได้เอ่ยออกไปก่อนหน้า ปากก็เริ่มเบะออก ขอบดวงตาเริ่มร้อนผ่าวขึ้นสีแดงระเรื่อ
“คุณลุง ถ้าไม่ยอมให้ผมซื้อล่ะก็ งั้นผมจ่ายเงินซื้อเองก็ได้ ผมพอมีเศษเงินเหลืออยู่”
เขาพูดแล้วก็หันไปมองพนักงาน “พี่สาวคนสวยครับ ผมมีกระปุกออมสินรูปเจ้าหมูน้อยอยู่อันหนึ่ง ข้างในมีเหรียญอยู่เยอะแยะเต็มไปหมดเลย ผมซื้อเองได้ครับ”
คำพูดที่ดูเด็กน้อยของเขาทำให้บรรดาพนักงานยิ้มออกมาอย่างเอ็นดู แต่แววตาของโม่เทียนยวี๋ก็แย่ลงขึ้นไปอีก รอยยิ้มที่ปรากฏอยู่บนใบหน้าก็ดูอ่อนลงไปเรื่อยๆ
“ผู้ชายแบบนี้คือพอกันที ต่อไปนี้ฉันจะไม่หาผู้ชายไร้น้ำยาแบบนี้เด็ดขาดแน่นอน”
“ใช่แล้ว เมื่อดี้ฉันได้ยินด้วยนะว่า ตอนที่เขาอยู่หน้าประตูยังวางท่าวางก้ามสะใหญ่โต บอกว่าอยากได้อะไรก็เลือกได้ตามสบาย แต่พอเจ้าตัวน้อยเลือกเสร็จแล้ว เขากลับไม่พอใจ บ่นว่าแพงเฉยเลย”
“ห้าแสนกว่าๆ ก็ไม่ใช่ตัวเลขที่น้อยๆ นะ และเจ้าหนูก็เลือกมาค่อนข้างเยอะอีกด้วย”
พนักงานเพียงหนึ่งเดียวที่เอ่ยปากพูดช่วยโม่เทียนยวี๋ได้รับโดยการรุมประณามจากในกลุ่มทันที
“หึ เด็กมันตัวแค่นี้จะไปรู้เรื่องอะไรล่ะ ยังไม่รู้เลยมั้งว่าอันไหนแพงอันถูก”
“ใช่ๆ ถ้าไม่ใช่เพราะว่าผู้ชายคนนั้นเอ่ยปากรับรองมาเสียก่อน เจ้าตัวเล็กก็คงไม่เลือกของพวกนี้มาหรอก”
“ไม่มีเงินแล้วยังมาทำหน้าใหญ่อวดเบ่งไปทั่วแบบนี้ น่าอายที่สุดเลย”
พนักงานบริการพวกนี้คุยกระซิบกระซาบกันด้วยเสียงที่เบามาก แต่ว่าเนื่องจากภายในร้านค่อนข้างที่จะเงียบมาก ซ้ำลูกค้าก็มีอยู่ไม่เยอะ ดังนั้นจึงทำให้มีบางประโยคเล็ดลอดไปเข้าหูของโม่เทียนยวี๋ได้
เขาไม่เคยออกมาข้างนอกแล้วเสียหน้าครั้งใหญ่ขนาดนี้มาก่อนเลย โกรธจนกระดูกทั่วร่างปวดแปลบไปหมด
ไม่ ถ้าจะให้พูดล่ะก็ วันนี้ทั้งวันเขาขายหน้ามามาก ซ้ำแล้วราวกับว่าเรื่องทั้งหมดล้วนแล้วแต่มีเหตุมาจากได้เด็กผีนี่
วางแผนมาอย่างดีว่าจะส่งดอกไม้ไปขอแต่งงาน แหวนแต่งงานในเค้กที่แสนจะโรแมนติก ทุกอย่างกลับล้มเหลวไม่เป็นท่า
ช่อดอกกุหลาบช่อใหญ่เสียขนาดนั้นกลับล่องลอยหายไปกับสายลมอย่างไร้เงื่อนงำ
หลังจากนั้นก็เค้กที่จัดเตรียมเอาไว้อย่างพิถีพิถัน ปรากฏว่าไอ้เด็กผีนี่จู่ๆ ก็โผล่มาทำลายเค้กของเขา แล้วยังไม่พอ ซ้ำยังมาทำให้แหวนแต่งงานมูลค่าเป็นแสนๆ ของเขามีราคีอีก
พอพาเขาออกมาเดินเล่นที่ห้าง คิดว่าจะใช้ความใจดีกับของเล็กๆ น้อยๆ ซื้อใจไอ้เด็กนี่มา หวังจะซื้อตัวมันมาได้ ปรากฏว่าจะต้องขนหน้าแข้งล่วงจนเลือดไหลซิบ นี่มันช่าง.........
โม่เทียนยวี๋รู้สึกว่าไม่เคยมีครั้งไหนที่จะโชคร้ายแล้วขายหน้าได้เท่าวันนี้มาก่อนเลย โกรธจนตัวสั่นไปหมด แต่สุดท้ายแล้ว เขาก็สูดหายใจเข้าลึกๆ และเพื่อกู้หน้าคืนมาก็เลยยังคงแสร้งยิ้มออกมาบางๆ
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บ่วงแค้นแสนรัก