กับโม่ฉีจื้อ ที่จริงแล้วโม่โยวนั้นไม่ได้คุ้นเคยมากนัก
ในเวลาห้าปีมานี้ นอกจากตอนสองปีแรก เธอกับคุณอาโม่ท่านนี้ก็เคยเจอกันอีกสองสามครั้ง หลังๆก็ดูเหมือนว่าไม่ได้เจอกันอีกเลย
โม่ฉีจื้อมองเธอ อายุห้าสิบปีแต่เพราะว่าดูแลตัวเองเป็นอย่างดร พอมองก็เลยดูเหมือนคนอายุสิบสี่ต้นๆ หน้าตาคมเข้ม ช่วงหัวคิ้วก็ดูโหงวเฮ้งดี ร่างกายสูงใหญ่ อายุมากขึ้น กลับทำให้เขานั้นดูภูมิฐานและมีเสน่ห์
เขามองโม่โยว ริมฝีปากประดับไว้ด้วยรอยยิ้ม "แม่หนูโม่ นึกไม่ถึงเลยว่าหนูจะมาร่วมงานเลี้ยงด้วย"
โม่โยวจัดชุดให้เรียบร้อยเข้าที่ ยิ้มแล้วก็พยักหน้าให้ "เจ้านายต้องการผู้หญิงมาออกงานด้วย ก็เลยให้ฉันมาทำหน้าที่นั้นค่ะ" แน่นอนว่าเธอไม่มีทางเอ่ยถึงความสัมพันธ์ของเธอกับลู่จิ้นยวนโดยละเอียด
โม่ฉีจื้อพยักหน้า จากนั้นก็หยิบแก้วแชมเปนส่งให้กับเธอ "นับๆแล้ว พวกเราทั้งสองคนไม่ได้เจอหน้ากันตั้งนานแล้วนะ จะเจอหน้ากันทีก็ยาก อยู่คุยเป็นเพื่อนอาหน่อยเป็นไง"
แน่นอนว่าเธอไม่มีทางปฏิเสธ
"หลายปีที่ผ่านมาอาอยู่แต่ที่ต่างประเทศ ก่อนหน้าเพิ่งจะได้กลับมา ได้ยินว่า หนูกับเทียนยวี๋มีปัญหากันอย่างนั้นเหรอ?" เขาจิบเหล้า แล้วว่าขึ้นอย่างสบายๆ
โม่โยวเม้มปาก ไม่นึกเลยว่าอีกฝ่ายพอเริ่มคุยกันก็จะเริ่มด้วยหัวข้อนี้ แต่ว่าคิดๆไปแล้วก็ถูก ยังไงเสียท่านนี้ก็เป็นถึงอาแท้ๆของโม่เทียนยวี๋ สนใจเรื่องหลานชายของตัวเองก็เป็นเรื่องที่สมควรแล้ว
"เทียนยวี๋เจ้าเด็กคนนี้คือคนที่ฉันเลี้ยงมาตั้งแต่เด็กจนโต ความสัมพันธ์ของพวกเธอ เมื่อห้าปีก่อนฉันเองก็ได้เห็นอยู่เหมือนกัน เด็กคนนี้ตั้งแต่ไหนแต่ไรมายังไม่เคยใส่ใจผู้หญิงคนไหนมากขนาดนี้"
โม่โยวไม่พูดอะไร แต่ว่าพอจะแอบเดาได้บ้างแล้วว่าโม่ฉีจื้ออยากจะพูดอะไร
"ถึงแม้ว่าเขาจะเป็นสายรองของตระกูลโม่ แต่ว่าคุณอาอย่างฉันคนนี้ ก็เห็นว่าเขาสำคัญเหมือนกัน ในอนาคตบริษัทของตระกูลโม่ ฉันก็เตรียมที่จะส่งต่อให้เขา"
"โม่โยว เรื่องของความรักความสัมพันธ์น่ะ มีการกระทบกระทั่งกันบ้างผิดใจกันบ้างล้วนเป็นเรื่องที่เลี่ยงไม่ได้ แต่ว่ายังไงเสียพวกหนูก็คบกันมาตั้งห้าปี มิตรภาพที่ยาวนานขนาดนี้ ำม่ใช่แค่พูดว่าตัดขาดก็จะตัดแล้วขาดเลย หนูว่ายังไง?" โม่ฉีจื้อมองเธอ
เรื่องที่โม่เทียนยวี๋คุกเข่าที่คาเฟ่ แน่นอนว่าโม่ฉีจื้อเองก็รู้เรื่อง ในขณะเดียวกัน ท่าทางของโม่โยวก็เป็นสิ่งที่เขาให้ความสำคัญเหมือนกัน
เขาเองก็คิดไม่ถึง โม่โยวที่ดูนิสัยนุ่มนวลอ่อนโยน ในสถานะการณ์แบบนั้น กลับไม่ได้เปลี่ยนใจเลยแม้แต่น้อย
หมากตัวที่เขาเคยวางเอาไว้ในระยะเวลาห้าปีมานี้ แน่นอนว่าเขาหวังว่ามันจะไม่มีข้อบกพร่องอะไร ถ้าไม่สามารถที่จะฝากความหวังทั้งหมดไว้บนตัวโม่เทียนยวี๋หลายชายไม่เอาถ่าน เขาก็ทำได้แค่เพียงต้องออกโรงเอง
แต่ว่าโม่ฉีจื้อลืมไปแล้ว ถึงแม้ว่าในตอนนั้นเป็นเขาที่ช่วยชีวิตของโม่โยวเอาไว้ แต่ว่าเรื่องๆนี้โม่โยวไม่รู้เรื่อง
ในแผนของเขา จากการเข้าใจผิดของเธอ โม่โยวเข้าใจมาตลอดว่าโม่เทียนยวี๋เป็นคนที่ช่วยชีวิตเธอไว้ ส่วนโม่ฉีจื้อ ก็เป็นผู้ใหญ่ที่คนตระกูลโม่ไม่ค่อยสนิทเท่าไหร่
ขนาดโม่เทียนยวี๋ที่ 'ช่วย' ชีวิตเธอเอาไว้ เธอยังไม่ได้เปลี่ยนใจจากความตั้งใจเดิม ก็ไม่ต้องพูดถึงโม่ฉีจื้อแล้ว
"คุณอาโม่ แต่เรื่องความรักนั้นก็เป็นเรื่องที่ซับซ้อนและบอกยากเหมือนกันนะคะ ความทราบซึ้งที่หนูมีต่อตระกูลโม่นั้นเกิดขึ้นอยู่ตลอด แต่ว่าเรื่องความรัก ปล่อยให้มันเป็นไปตามธรรมชาติจะดีกว่า"
โม่โยวบอกออกมาด้วยความเกรงใจ กลัวว่าโม่ฉีจื้อจะโน้มน้าวเธออีก เลยตัดสินพูดออกไปเลย "คุณอาโม่ งานเลี้ยงกำลังจะเริ่มแล้ว หนูขอตัวก่อนนะคะ"
เธอพูดจบ ก็ยกชายกระโปรงขึ้นมาเล็กน้อย แล้วรีบเดินจากไป ไม่ทันได้มองเห็นสายตาขุ่นมัวของโม่ฉีจื้อที่อยู่ทางด้านหลัง
โม่โยวเห็นว่าที่สวนดอกไม้ด้านหน้ามีเก้าอี้วางอยู่ รอบๆไม่มีคนอยู่สักคน เตรียมที่เข้าไปนั่ง
ในตอนนี้เอง ก็เกือบจะชนเข้ากับพนักงานบริการที่คอยยกถาดมาเสิร์ฟ ทันใดนั้น พนักงานคนนี้ดูเหมือนว่าจะเดินเซไปเล็กน้อย ร่างกายเขาซวนเซ แล้วก็ชนเข้ากับโม่โยว
มือของเขาเอียงไปข้างหนึ่ง แก้วไวน์แดงแก้วหนึ่งหกรดลงมาบนตัวของโม่โยว ตั้งแต่บ่าจนถึงหน้าอก ดูเหมือนว่าจะโดนทั้งหมด
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บ่วงแค้นแสนรัก