บ่วงแค้นแสนรัก นิยาย บท 370

กับโม่ฉีจื้อ ที่จริงแล้วโม่โยวนั้นไม่ได้คุ้นเคยมากนัก

ในเวลาห้าปีมานี้ นอกจากตอนสองปีแรก เธอกับคุณอาโม่ท่านนี้ก็เคยเจอกันอีกสองสามครั้ง หลังๆก็ดูเหมือนว่าไม่ได้เจอกันอีกเลย

โม่ฉีจื้อมองเธอ อายุห้าสิบปีแต่เพราะว่าดูแลตัวเองเป็นอย่างดร พอมองก็เลยดูเหมือนคนอายุสิบสี่ต้นๆ หน้าตาคมเข้ม ช่วงหัวคิ้วก็ดูโหงวเฮ้งดี ร่างกายสูงใหญ่ อายุมากขึ้น กลับทำให้เขานั้นดูภูมิฐานและมีเสน่ห์

เขามองโม่โยว ริมฝีปากประดับไว้ด้วยรอยยิ้ม "แม่หนูโม่ นึกไม่ถึงเลยว่าหนูจะมาร่วมงานเลี้ยงด้วย"

โม่โยวจัดชุดให้เรียบร้อยเข้าที่ ยิ้มแล้วก็พยักหน้าให้ "เจ้านายต้องการผู้หญิงมาออกงานด้วย ก็เลยให้ฉันมาทำหน้าที่นั้นค่ะ" แน่นอนว่าเธอไม่มีทางเอ่ยถึงความสัมพันธ์ของเธอกับลู่จิ้นยวนโดยละเอียด

โม่ฉีจื้อพยักหน้า จากนั้นก็หยิบแก้วแชมเปนส่งให้กับเธอ "นับๆแล้ว พวกเราทั้งสองคนไม่ได้เจอหน้ากันตั้งนานแล้วนะ จะเจอหน้ากันทีก็ยาก อยู่คุยเป็นเพื่อนอาหน่อยเป็นไง"

แน่นอนว่าเธอไม่มีทางปฏิเสธ

"หลายปีที่ผ่านมาอาอยู่แต่ที่ต่างประเทศ ก่อนหน้าเพิ่งจะได้กลับมา ได้ยินว่า หนูกับเทียนยวี๋มีปัญหากันอย่างนั้นเหรอ?" เขาจิบเหล้า แล้วว่าขึ้นอย่างสบายๆ

โม่โยวเม้มปาก ไม่นึกเลยว่าอีกฝ่ายพอเริ่มคุยกันก็จะเริ่มด้วยหัวข้อนี้ แต่ว่าคิดๆไปแล้วก็ถูก ยังไงเสียท่านนี้ก็เป็นถึงอาแท้ๆของโม่เทียนยวี๋ สนใจเรื่องหลานชายของตัวเองก็เป็นเรื่องที่สมควรแล้ว

"เทียนยวี๋เจ้าเด็กคนนี้คือคนที่ฉันเลี้ยงมาตั้งแต่เด็กจนโต ความสัมพันธ์ของพวกเธอ เมื่อห้าปีก่อนฉันเองก็ได้เห็นอยู่เหมือนกัน เด็กคนนี้ตั้งแต่ไหนแต่ไรมายังไม่เคยใส่ใจผู้หญิงคนไหนมากขนาดนี้"

โม่โยวไม่พูดอะไร แต่ว่าพอจะแอบเดาได้บ้างแล้วว่าโม่ฉีจื้ออยากจะพูดอะไร

"ถึงแม้ว่าเขาจะเป็นสายรองของตระกูลโม่ แต่ว่าคุณอาอย่างฉันคนนี้ ก็เห็นว่าเขาสำคัญเหมือนกัน ในอนาคตบริษัทของตระกูลโม่ ฉันก็เตรียมที่จะส่งต่อให้เขา"

"โม่โยว เรื่องของความรักความสัมพันธ์น่ะ มีการกระทบกระทั่งกันบ้างผิดใจกันบ้างล้วนเป็นเรื่องที่เลี่ยงไม่ได้ แต่ว่ายังไงเสียพวกหนูก็คบกันมาตั้งห้าปี มิตรภาพที่ยาวนานขนาดนี้ ำม่ใช่แค่พูดว่าตัดขาดก็จะตัดแล้วขาดเลย หนูว่ายังไง?" โม่ฉีจื้อมองเธอ

เรื่องที่โม่เทียนยวี๋คุกเข่าที่คาเฟ่ แน่นอนว่าโม่ฉีจื้อเองก็รู้เรื่อง ในขณะเดียวกัน ท่าทางของโม่โยวก็เป็นสิ่งที่เขาให้ความสำคัญเหมือนกัน

เขาเองก็คิดไม่ถึง โม่โยวที่ดูนิสัยนุ่มนวลอ่อนโยน ในสถานะการณ์แบบนั้น กลับไม่ได้เปลี่ยนใจเลยแม้แต่น้อย

หมากตัวที่เขาเคยวางเอาไว้ในระยะเวลาห้าปีมานี้ แน่นอนว่าเขาหวังว่ามันจะไม่มีข้อบกพร่องอะไร ถ้าไม่สามารถที่จะฝากความหวังทั้งหมดไว้บนตัวโม่เทียนยวี๋หลายชายไม่เอาถ่าน เขาก็ทำได้แค่เพียงต้องออกโรงเอง

แต่ว่าโม่ฉีจื้อลืมไปแล้ว ถึงแม้ว่าในตอนนั้นเป็นเขาที่ช่วยชีวิตของโม่โยวเอาไว้ แต่ว่าเรื่องๆนี้โม่โยวไม่รู้เรื่อง

ในแผนของเขา จากการเข้าใจผิดของเธอ โม่โยวเข้าใจมาตลอดว่าโม่เทียนยวี๋เป็นคนที่ช่วยชีวิตเธอไว้ ส่วนโม่ฉีจื้อ ก็เป็นผู้ใหญ่ที่คนตระกูลโม่ไม่ค่อยสนิทเท่าไหร่

ขนาดโม่เทียนยวี๋ที่ 'ช่วย' ชีวิตเธอเอาไว้ เธอยังไม่ได้เปลี่ยนใจจากความตั้งใจเดิม ก็ไม่ต้องพูดถึงโม่ฉีจื้อแล้ว

"คุณอาโม่ แต่เรื่องความรักนั้นก็เป็นเรื่องที่ซับซ้อนและบอกยากเหมือนกันนะคะ ความทราบซึ้งที่หนูมีต่อตระกูลโม่นั้นเกิดขึ้นอยู่ตลอด แต่ว่าเรื่องความรัก ปล่อยให้มันเป็นไปตามธรรมชาติจะดีกว่า"

โม่โยวบอกออกมาด้วยความเกรงใจ กลัวว่าโม่ฉีจื้อจะโน้มน้าวเธออีก เลยตัดสินพูดออกไปเลย "คุณอาโม่ งานเลี้ยงกำลังจะเริ่มแล้ว หนูขอตัวก่อนนะคะ"

เธอพูดจบ ก็ยกชายกระโปรงขึ้นมาเล็กน้อย แล้วรีบเดินจากไป ไม่ทันได้มองเห็นสายตาขุ่นมัวของโม่ฉีจื้อที่อยู่ทางด้านหลัง

โม่โยวเห็นว่าที่สวนดอกไม้ด้านหน้ามีเก้าอี้วางอยู่ รอบๆไม่มีคนอยู่สักคน เตรียมที่เข้าไปนั่ง

ในตอนนี้เอง ก็เกือบจะชนเข้ากับพนักงานบริการที่คอยยกถาดมาเสิร์ฟ ทันใดนั้น พนักงานคนนี้ดูเหมือนว่าจะเดินเซไปเล็กน้อย ร่างกายเขาซวนเซ แล้วก็ชนเข้ากับโม่โยว

มือของเขาเอียงไปข้างหนึ่ง แก้วไวน์แดงแก้วหนึ่งหกรดลงมาบนตัวของโม่โยว ตั้งแต่บ่าจนถึงหน้าอก ดูเหมือนว่าจะโดนทั้งหมด

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บ่วงแค้นแสนรัก