ถูกต้อง เธอกำลังยั่วยุเธอ เรื่องนี้ใครๆ ก็มองออกกันทั้งนั้น
การต่อสู้ระหว่างผู้หญิงทั้งสอง ลู่จิ้นยวนอยู่ข้างๆ รับบทเป็นกำแพงโดยสมบูรณ์ เขาไม่คิดว่าสิ่งที่เวินหนิงทำไปเมื่อครู่นี้นั้นเกินไป
อย่างไรแล้ว เมื่อเทียบความเจ็บปวดที่แม่เขาเคยทำเวินหนิง ในตอนนี้ เวินหนิงแค่พูดสิ่งที่ไม่น่าฟังเท่านั้นเอง
“เธอมันป่าเถื่อน……”
เย่หวานจิ้งโกรธแล้ว แทบกัดฟันกรอดพูดขึ้น
“ดูสิ ฉันแค่พูดเท่านั้นเอง คุณก็รับไม่ได้แล้ว ถ้าฉันทำจริงๆ ล่ะ……”
“กล้าดียังไง”
เย่หวานจิ้งโกรธมาก ชี้หน้าเธอ ปลายนิ้วกำลังสั่น เธอไม่ได้โกรธแบบนี้มานานมากแล้ว
“เธอคิดว่านายท่านยินยอมแล้วเธอมั่นใจเหรอ? ฉันจะบอกเธอให้นะ ตราบใดที่ฉันไม่เห็นด้วย ถึงจะเป็นนายท่าน ก็ไม่มีทางเลือกหรอก”
สุดท้ายลู่จิ้นยวนก็เอ่ยปาก สำหรับการต่อต้านที่ดุเดือดแบบนี้ของแม่เขา สีหน้าก็เย็นชาลงตั้งนานแล้ว
“แม่ ถึงพูดแบบนี้แล้วแม่อาจจะไม่พอใจ แต่ตระกูลลู่คนที่ตัดสินใจก็คือคุณปู่ เรื่องที่เขาเห็นด้วย ถึงจะเป็นแม่ ก็หยุดเขาไม่ได้ ยิ่งไม่มีสิทธิคัดค้าน”
“ลูก……”
เย่หวานจิ้งจะโกรธแทบตายแล้ว ยิ่งเป็นแบบนี้อีก ลูกชายตนต่อต้านตนเหมือนเมื่อห้าปีก่อน ห้าปีต่อมาก็ยังเป็นแบบนั้น
และยังเป็นเพราะผู้หญิงคนเดิม
เมื่อคิดถึงตรงนี้ สายตาที่เธอมองเวินหนิง ก็มีความรังเกียจและโกรธอย่าสุดซึ้ง
สีหน้าลู่จิ้นยวนยิ่งหนักอึ้ง
เวินหนิงสีหน้าไร้อารมณ์ ก็รู้สึกเหนื่อยล้าในใจ เธอหลับตา ยืนขึ้นมา “ฉันไปก่อนนะคะ”
“ฉัน……” ลู่จิ้นยวนอยากบอกว่าจะไปกับเธอ ไปส่งเธอกลับ
เธอก็พูดขึ้นทันที “ฉันอยากไปสงบสติอารมณ์คนเดียว คุณไม่ต้องตามฉันมา”
ป่าสีเขียวรอบคฤหาสน์หลังใหญ่ตระกูลลู่ ถ้าไม่พึ่งรถในการเดินทาง ต้องการออกไปจากที่นี่ไม่รู้ต้องเดินนานแค่ไหน เวินหนิงไม่ปฏิเสธที่พ่อบ้านจัดเตรียมรถให้เธอ พาเธอไปส่งนอกคฤหาสน์ตระกูลลู่
เธอเดินริมถนนขนเดียว นึกถึงท่าทางของตัวเองตอนอยู่ตระกูลลู่เมื่อครู่นี้ อดไม่ได้ที่จะยกมุมปากขึ้นอย่างขมขื่น แม้แต่ตัวเอง ก็ไม่ค่อยรู้จักตัวเองเมื่อครู่นี้เลย
เวินหนิงเดินแบบนี้ ไม่รู้เดินไปนานแค่ไหน จู่ๆ ก็เดินโซซัดโซเซเกือบล้มจึงตื่นขึ้นมากะทันหัน นั่งเก้าอี้คนเดียวริมถนน มองดูผู้คนทุกประเภท
ผ่านไปนานสักพัก เธอก็หยิบโทรศัพท์ออกมา เปิดดูรายชื่อผู้ติดต่อ ส่ายหัวเมื่อเห็นว่ามีผู้ติดต่อไม่มาก ผู้ติดต่อสามารถนับนิ้วได้เลย
สังคมในปัจจุบันนี้ สมุดบันทึกที่เรียบง่ายและหยาบๆ แบบนี้ ก็ถือว่าค่อนข้างแปลกล่ะมั้ง
เธอโทรหาเย่ซือเยวี่ย พูดไม่กี่ประโยคก็วางสาย
ผ่านไปไม่นาน รถสีแดงเพลิงก็จอดตรงหน้าเธอ ลดกระจกรถลง เย่ซือเยวี่ยถอดแว่นกันแดดออก กวักมือให้เธอ แล้วผิวปาก
“เฮ้ สาวสวย จะไปไหนจ๊ะ ให้ฉันไปส่งไหม”
เวินหนิงอดขำออกมาไม่ได้ อารมณ์ที่ขุ่นมัวดูเหมือนสดใสทันที
เห็นเธอขึ้นรถ เย่ซือเยวี่ยก็เหยียบคันเร่ง “ว่ามาสิ อยากเที่ยวไหน?”
“……บาร์เหล้า”
เบรกเอี๊ยด รถจอด เย่ซือเยวี่ยยกกระจกด้านหน้าขึ้นแล้วมองเธอ กะพริบตา “เมื่อกี้เธอบอกว่าจะไปไหนนะ?”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บ่วงแค้นแสนรัก