“ฉัน.......”
เวินหนิงลังเลไปชั่วครู่ เมื่อก่อนเธอนั้น เคยคิดจะตกลงรับคำไปจริงๆ
หากแต่ตอนนี้ จะเอาอย่างไรดี
เธอมีพันธะผูกพันธ์มากมาย คิดที่อยากจะหลีกหนีจากไป แต่ก็ไม่ได้ง่ายดายเช่นนั้น
“ในเมื่อมันเป็นเรื่องยากขนาดนี้ ฉันก็ไม่ได้บังคับให้เธอตัดสินใจตอนนี้หรอกนะ แต่ว่าฉันเองก็คาดหวังให้เธอลองพิจารณาดูสักหน่อยนะ”
เหอจื่ออันมองออกว่าเวินหนิงรู้สึกลำบากใจ จึงไม่ได้เร่งเร้าจะเอาคำตอบ
ไม่แน่ว่าบางที หากถามต่อไปอีก ก็จะได้รับการปฏิเสธกลับมา
เขาไม่กล้าที่จะรีบร้อนจนเกินไป ช้าๆ ได้พร้าเล่มงาม
“โอเค งั้นฉันจะลองไปคิดเรื่องนี้ดูดีๆ”
เวินหนิงพยักหน้า ตอบปากรับคำเรื่องที่จะทำตามดังว่าไป
และในขณะนั้นนั่นเอง อาหารก็ถูกนำมาเสิร์ฟพอดี
เวินหนิงเองก็สั่งอาหารไม่กี่อย่างที่เป็นของที่ลู่อันหรานชอบไป คิดว่าจะห่อหลับบ้านเอาไปเป็นอาหารเที่ยงให้เจ้าตัวน้อยได้ทาน
หลังจากนั้น ทั้งสองคนก็กินข้าวไปพลาง พูดคุยกันไปพลาง
และแล้วเวลาทานข้าวก็ได้ผ่านไปจนหมดอย่างรวดเร็ว
เหอจื่ออันยังคงมีความรู้สึกอาลัยอาวรณ์อยู่ ราวกับว่าเวลาที่ได้ใช้ร่วมกับเวินหนิงนั้นช่างสั้นแสนเหลือเกิน
“ตอนนี้ก็ยังเช้าอยู่นะ ถ้าไม่อย่างนั้น ฉันเลี้ยงหนังเธอเอง”
หลายปีมานี้เหอจื่ออันยุ่งอยู่กับการทำงาน และก็ไม่มีประสบการณ์ในการจีบผู้หญิงมากเท่าไหร่นัก จึงได้เสนอเรื่องการดูหนังขึ้นมา
เวินหนิงยิ้มแล้วส่ายหน้า “ไม่ได้ อันหรานกำลังนอนหลับอยู่ที่บ้าน ฉันต้องรีบกลับไป ไม่อย่างนั้นถ้าเขาตื่นขึ้นมาแล้วหาแม่ไม่เจอแล้วจะอารมณ์บูดเอาน่ะ”
ได้ยินเธอพูดดังว่า เหอจื่ออันจึงเป็นอันต้องล้มเลิกไป
“อันหรานตอนนี้ สบายดีไหม”
แม้ว่าลู่อันหรานจะเป็นลูกชายของลู่จิ้นยวน แต่เพราะว่าในกายของเขาก็มีเลือดของเวินหนิงไหลเวียนอยู่ด้วยเหมือนกัน อีกทั้งยังเป็นเด็กที่เวินหนิงเกือบจะต้องสละซึ่งชีวิตถึงจะคลอดออกมาได้อีกด้วย ดังนั้น เหอจื่ออันจึงค่อนข้างเป็นห่วงเขาอยู่มาก
“เขาสบายดี ถ้าหากว่ามีเวลาฉันจะพานายไปเจอเขา ก็ในเมื่อ ถ้าปีนั้นไม่ได้นายเอาไว้ ตัวเขาเองก็อาจจะได้เจอปัญหาแล้ว.........”
เหอจื่ออันจึงยิ้มออกมาแล้วพยักหน้าไปหลายที “งั้น ฉันไปส่งเธอกลับบ้านนะ?”
เวินหนิงเหลือบตามองดูเวลา เวลาค่อนข้างจะช้าไปนิดแล้ว จึงไม่ได้ทำอวดดีแล้วนั่งรถไปกับเหอจื่ออัน
……..
ภายในบ้านของเวินหนิง
ลู่จิ้นยวนนั่งอยู่บนโซฟา ขาอันยาวสง่าเอามาพาดไว้บนท่อนขาอีกข้าง แม้ว่าบนใบหน้าจะไร้ซึ่งอารมณ์ก็ตาม แต่แววตาของเขานั้นมีความกังวลฉายชัดอยู่ ยังคงแสดงออกมาให้เห็นถึงความไม่สงบใจของเขาอยู่
เมื่อสักครู่ ให้คนไปค้นหาตำแหน่งของเวินหนิง แต่ก็ยังหาไม่เจอ
อีกทั้งโทรศัพท์ของเธอก็ถูกปิดอยู่ ตอนนี้อยู่ในสถานการณ์แบบไหนกันนั้น ตัวเขาไม่อาจทราบได้เลยแม้แต่น้อย
แต่ว่า ลู่จิ้นยวนเองก็กังวลว่าถ้าหากลู่อันหรานอยู่คนเดียวที่บ้านแล้วจะคิดฟุ้งซ่าน จนเกิดเรื่องอะไรขึ้นได้ จึงได้รีบมาที่นี่ในทันที
ตอนนี้ จึงทำได้เพียงแต่รอเท่านั้น
“พ่อครับ เมื่อไหร่จะหาเจอเหรอครับ”
ลู่อันหรานเดินออกมาจากห้องรับแขก เอามือพาดไปที่บริเวณด้านหลังของตน ทำท่าทางราวกับคนแก่ก็ไม่ปาน เดินมาได้สองก้าวก็ถอนหายใจออกมา
“ลูกอย่าเป็นกังวลเดินไปเดินมาแบบนี้สิ ลูกทำให้พ่อรู้สึกเครียดไปด้วย”
ลู่จิ้นยวนเองก็อารมณ์ไม่ดี ไอ้เด็กคนนี้เอาแต่ทำท่าทางประหลาดๆ อยู่ตลอดเวลา แผ่บรรยากาศความเป็นกังวลออกมาไปทั่ว
“งั้นจะให้ผมทำยังไงล่ะ จะให้นั่งก็นั่งไม่อยู่กับที่แล้ว! ”
ฉับพลันนั้นลู่อันหรานเองก็ระเบิดอารมณ์ออกมาเช่นกัน จากนั้นก็นั่งลงกับพื้น ทำท่าทางราวกับว่าแล้วพ่อจะเอายังไงกับผมล่ะ
ลู่จิ้นยวนที่กำลังจะพูดอะไรกับเขาต่ออีกไม่กี่ประโยค แต่โทรศัพท์ของเขาในที่สุดก็ดังขึ้นมา
“พวกเราตรวจสอบตามกล้องวงจรปิดแล้ว ดูเหมือนว่าคุณหนูเวินจะไปกับผู้ชายอีกท่านครับ”
“อะไรนะ
รีบส่งภาพกล้องวงจรปิดมาให้เดี๋ยวนี้เลย”
เมื่อได้ยินว่าเวินหนิงไปกับผู้ชายคนหนึ่ง ลู่จิ้นยวนก็มีลางสังหรณ์ไม่ดีขึ้นมา
คงไม่ใช่เป็นการหาที่พึ่งสุดท้ายของความหวังในการรักษาหรอก หรือจะถูกลักพาตัวไปแล้ว?
เมื่อไม่กี่วันก่อนเองที่ลู่กรุ๊ปพึ่งถกประเด็นเรื่องจะช้อนซื้อบริษัทไป ถ้าหากมีบุคคลล้มละลายที่ทำใจยอมรับไม่ได้ปรากฏตัวขึ้นมา แล้วมาลักพาตัวไปจะทำอย่างไรดีล่ะ?
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บ่วงแค้นแสนรัก