ช่วงเวลาแห่งความเป็นความตายในความมืดมิดมีแสงสลัวอยู่ไกลออกไปหลินซินเหยียนที่ร่างกายบอบช้ำจากแรงกระแทกเธอคิดว่าอย่างไรเสียเธอคงตายไปแล้วอย่างแน่นอนเครื่องบินตกกระแทกหน้าผาขนาดนั้นหากรอดออกไปได้ก็ปาฏิหาริย์แล้วล่ะ แล้วนั่นคือแสงอะไรกัน
หลินซินเหยียนดั่งฝันเธอวิ่งออกไปฝ่าความมืดเพื่อไปหาแสงสว่างรำไรที่อยู่ตรงหน้า แต่ครั้นเมื่อใกล้จะถึงร่างทั้งร่างของเธอก็หล่นวูบลงไป เธอรู้เพียงว่าตัวเองนั้นถูกดูดลงไปในบ่อลึกที่ไม่มีที่สิ้นสุด จนกระทั่ง
"เฮือก!!" ร่างบอบบางที่สิ้นใจอยู่ในศาลาจมกองเลือดอยู่ จู่ๆก็ลืมตาขึ้นโพลงขึ้นมา ร่างบางค่อยๆพยุงตัวเองขึ้นมาแล้วหันมองสำรวจบริเวณรอบๆ จากนั้น "ซี้ด....อ่าา เจ็บหัวชะมัด"
มือเรียวเล็กขาวดุจหิมะกอบกุมบาดแผลที่ศรีษะเอาไว้ พร้อมกับลุกเดินไปที่บันไดริมสระเพื่อล้างคราบเลือด แต่เพียงแค่เห็นเงาของคนในน้ำ หลินซินเหยียนก็ตกตะลึงไปในทันที
หลินซินเหยียนจำได้ว่านางได้เดินทางเพื่อไปเข้าร่วมการประชุมแพทย์โอสถของสมาคมแพทย์แผนโบราณ เรียนรู้การฝังเข็มแบบผสมผสานและที่สำคัญคือ นางต้องการนำตำราโอสถสวรรค์ของบรรพบุรุษไปมอบให้พิพิธภัณฑ์นานาชาติเก็บเอาไว้ แต่แล้วการเดินทางเกิดปัญหาเครื่องบินตก แล้วนี่....
"ที่นี่ที่ไหน? แล้วนี่ใคร? " สองมือที่เต็มไปด้วยคราบเลือด ลูบคลำใบหน้าของเด็กสาวที่เป็นเงาสะท้อนในน้ำด้วยความมึนงง ไม่บอกไม่ได้ว่าสตรีในน้ำนี้สวยงามมากจริงๆ ใบหน้ารูปไข่ หน้าผากโค้งมน แม้เวลานี้จะเต็มไปด้วยคราบเลือดก็ตาม ดวงตาของนางกลมโต ขนตาหนาเป็นแพ จมูกเรียวเล็กโด่งรับกับริมฝีปากอิ่มบางอมชมพู
แต่ว่า....ในขณะที่หลินซินเหยียนก้มมองสำรวจร่างกาย พลันศรีษะที่ปวดอยู่แล้วก็มีความเจ็บปวดมากยิ่งขึ้น เรื่องราวต่างๆมากมายที่ไม่ใช่ของนางหลั่งไหลเข้ามาในสมองมากมาย หลินซินเหยียนพยายามที่จะตั้งสติรับรู้เรื่องราวเหล่านั้น
หลินซินเหยียนรู้สึกเจ็บปวดราวกับสมองถูกฉีกออกเป็นชิ้นๆนางค่อยๆลูบศรีษะพร้อมกับความเจ็บปวดแทบขาดใจเมื่อสักครู่ค่อยๆจางหายไป
"แคว้นลั่วเฉิน?" นี่เราโผล่มาอยู่ ยุคสมัยเมื่อครั้งห้าร้อยปีที่แล้วอย่างนั้นหรือ แล้วนี่คือ หลินซินเหยียนล้างคราบเลือดออกจากใบหน้าพร้อมกับลุกขึ้นเดินมานั่งพิงต้นเสาในศาลา
จากความทรงจำที่หลังไหลเข้ามาเมื่อสักครู่นางพอจับใจความได้ว่า นางได้ย้อนเวลากลับมาในยุคสมัยที่คนจีนโบราณให้ความสำคัญกับการฝึกลมปราณ วิทยายุทธเป็นที่ ที่ให้การยอมรับเกี่ยวกับวิชาโอสถที่เป็นประเภทมีฤทธิ์ช่วยในด้านการเสริมสร้างและใช้จุดตันเถียนเพื่อใช้ในการฝึกสะสมพลังลมปรานและยังมีการแบ่งลำดับชั้นเฉกเช่นในตำราโอสถได้กล่าวไว้นั่นเอง
และร่างที่นางมาอาศัยอยู่นี้เป็นร่างของหญิงสาวที่มีชื่อคล้ายกันกับเธอแต่ความสามารถของนางนั้นนับอยู่ในขั้นไร้ค่าหรือเป็นเพราะว่าก่อนหน้านี้นางไม่สามารถต่อสู้กับศัตรูที่ทำร้ายนางทำให้นางนั้นต้องตายไป
เมื่ออยู่ที่ทศวรรษที่ยี่สิบหลินซินเหยียนเป็นอาจารย์แพทย์และเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านแพทย์แผนโบราณผสมผสานที่อายุน้อยที่สุด หญิงสาวได้รับการถ่ายทอดวิชาความรู้จากบรรพบุรุษที่สืบทอดกันมา โดยคุณปู่และคุณย่าเป็นผู้ฝึกสอนตั้งแต่จำความได้ ตำราลมปราณการฝึกพลังควบคุมพลังนางได้อ่านและคลุกคลีมาตั้งแต่ยังเด็ก
รวมถึงตำราแพทย์โอสถของบรรพบุรุษนั่นด้วย ไม่มีตกหล่นแม้แต่ตัวอักษรเดียว แต่ถ้าเทียบกับผู้ฝึกยุทธ์ในยุคสมัยโบราณแล้วนางเองก็ยังห่างไกลอยู่ มาก โลกในยุคสมัยโบราณนี้ไม่ว่าด้วยเรื่องอะไรก็สามารถเกิดขึ้นได้ทั้งนั้น เมื่อคิดมาถึงตรงนี้หลินซินเหยียนก็ขมวดคิ้วถอนหายใจออกมา
วิญญาณของนางได้ข้ามภพมาแล้วซ้ำยังมาอยู่ในร่างของสตรีไร้ค่าอีกด้วย!
ในขณะที่หลินซินเหยียนกำลังนั่งทำความเข้าใจกับเรื่องราวต่างๆของเจ้าของร่างนี้อยู่นั้น พลันก็ได้ยินเสียงอ่อนหวานเอ่ยขึ้นมาด้วยความตื่นเต้นตกใจ
"ท่านพี่ท่านยังมีชีวิตอยู่?" หญิงสาวที่มีรูปโฉมงดงาม ทำให้คนที่พบเห็นต่างก็หลงใหลกล่าวขึ้น
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จอมนางหมอ