จอมนักรบอหังการ นิยาย บท 393

ในข้อเท็จจริงแล้ว หลายปีมานี้ เฉิงโม่หนงได้มีการฝันถึงพรานป่าคนหนึ่งมาตลอด

เพียงแต่ว่า ทุกครั้งเวลาที่ฝันถึงพรานป่าคนนั้น ไม่สามารถเห็นหน้าตาเขาได้อย่างชัดเจน

ทุกครั้งที่ฝัน

พรานป่าคนนั้น มักจะใช้ท่าทางที่อ่อนโยน ยืนอยู่ท่ามกลางป่าทึบ

ถึงแม้จะมองหน้าตาของเขาไม่ชัด

เฉิงโม่หนงก็มีความรู้สึกได้ว่า เขาจะต้องเป็นผู้ชายที่แสนดีทีเดียว

มีอยู่ครั้งหนึ่ง

เฉิงโม่หนงยังฝันถึงเขาพูดกับหล่อนด้วย

เขายืนห่างออกไม่ไกลนัก มองมาด้วยความเอื้ออารี พูดมาว่า

“เด็กดี เชื่อฟังนะ”

หลังจากนั้น เฉิงโม่หนงก็วิ่งไปหา

แต่ ไม่ว่าเฉิงโม่หนงจะตามไปยังไง พรานป่านายนั้น ก็จะยืนอยู่ห่างไม่ไกลจากตัวเองไปมาก

ไม่ว่าตัวเองจะวิ่งไปเร็วแค่ไหน ดูเหมือนไม่มีทางจะเข้าใกล้ฝ่ายตรงข้ามได้เลย

พรานป่านายนั้นเป็นใคร?

กี่ครั้งต่อกี่ครั้ง

เฉิงโม่หนงก็ถามตัวเองแบบนี้ทุกครั้ง

แต่

ไม่มีคำตอบ

สมัยเด็ก เฉิงโม่หนงเคยบอกกับเย่อู๋เทียน ตัวเองมักจะฝันถึงพรานป่านายหนึ่ง

แต่ไม่รู้ว่าฝ่ายนั้นเป็นใคร

วันนี้.......

จะได้คำตอบแล้วไหมในที่สุด?

พรานป่านายนั้น จะใช่คุณพ่อของหล่อนเองหรือไม่?

เย่อู๋เทียนมองไปที่เฉิงโม่หนง เสมือนมองทะลุความนึกคิดของหล่อน สายตาเต็มไปด้วยความอาทร พูดเบา ๆ ว่า

“พรานป่านายนั้น ไม่ใช่พ่อแท้ ๆ ของเธอ แต่ว่า เขาดีกับเธอมาก บุญคุณที่มีต่อเธอ ยังจะมากกว่าพ่อแท้ ๆ ของเธอเสียอีก”

เฉิงโม่หนงขอบตาเริ่มแดงถาม

“งั้น เขาเป็นใคร?”

เย่อู๋เทียนนิ่งอึ้งไปพักหนึ่ง แล้วตอบ

“ตามที่ฉันได้สืบสาวมาในปีนั้น เขาชื่อสือหย่ง มีความแค้นท่วมท้นล้นทะเล หลังจากฆ่าคนที่ฆ่าพ่อเขาจนหมดบ้านทั้งสี่สิบเจ็ดคนแล้ว ก็หลบหนีไปอยู่บริเวณเทือกเขาเอ๋อเหมย ระหว่างนั้น เขาได้ช่วยเด็กทารกหญิงคนหนึ่ง ออกพ้นจากปากเสือ และเด็กหญิงคนนั้น ก็คือเธอ!”

เฉิงโม่หนงน้ำตาทะลักออกมาเป็นเขื่อนแตก

“แล้วหลังจากนั้นหละ?”

เย่อู๋เทียนตอบไปต่อ

“หลังจากนั้น เขาก็อาศัยล่าสัตว์เป็นอาชีพ เลี้ยงจนเธอรอด”

เฉิงโม่หนงถาม

“เขาเลี้ยงฉันจนอายุถึงสามขวบหรือ?”

เย่อู๋เทียนตอบ

“ให้ชัด ๆ เลย คือสองขวบกับอีกเก้าเดือน”

เฉิงโม่หนงถามอีกทั้งน้ำตา

“แล้วทำไมคุณไม่บอกฉันตั้งแต่แรก?คุณไปสืบรายละเอียดเรื่องนี้มาตั้งแต่เมื่อไหร่กัน?”

เย่อู๋เทียนมองหน้าเฉิงโม่หนงอย่างลึกซึ้ง เอื้อมมือเช็ดน้ำตาให้หล่อน

“เธอกับฉันตอนเด็ก ๆ ก็นอนใต้ผ้าห่มผืนเดียวกัน ตัวเธอเองก็คงอาจจะไม่รู้ตัว เธอมักจะละเมอ และยังเรียกฉายาของใครคนหนึ่ง เรียกเขาว่า คนหน้าบาก”

“เพราะในส่วนความจำลึก ๆ ของเธอ ก็คือรอยบากบนหน้าของสือหย่ง นั่นคือจุดเดียวที่เธอเก็บอยู่ในความทรงจำ”

“ทุกครั้งที่เธอละเมอเรียกเขาว่าคนหน้าบาก เธอก็มักจะหัวเราะ”

“อีกทั้ง ตอนนั้นที่ฉันไปสืบสวนเรื่องนี้ ยังเข้าไปดูห้องในโพรงหิน เห็นมีก้อนหินก้อนหนึ่งสลักตัวหนังสือไว้ ข้อความตัวหนังสือนั้นก็คือ......เด็กดี เชื่อฟังนะ”

“ด้วยเพราะเหตนี้.......เขาหวังให้เธอได้ดี ตัวพี่เอง ทุกครั้งเวลาที่ฝันถึงเขา ก็มักจะมีความสุขกับอดีตในความคิด ด้วยเหตุผลข้างต้นนี้ ฉันจะกล้าไปรื้อเรื่องเก่านี้มาเล่า แล้วทำให้เธอเจ็บปวดทำไม?”

เฉิงโม่หนงร้องไห้ไม่ยอมหยุด

จิตใจ

ว้าวุ่นไปอย่างที่สุด

เวลาผ่านมาตั้งหลายปีแล้ว ในที่สุดหล่อนก็ได้รู้ ตัวหล่อนเองไม่ได้ถูกเฉิงเฟยหูกับเฉิงจิ้นซองอุ้มมาเลี้ยงดูที่บ้านตระกูลเฉินนี้

แต่ว่า เป็นคนร้ายสองคนนี้ แย่งมาจากพ่อเลี้ยงแท้ ๆ ของหล่อน เอามาอยู่ที่บ้านตระกูลเฉิน!

ชั่วเวลานั้นเอง

แววตาที่เฉินโม่หนงหันไปมองเฉิงเฟยหู เหมือนมองฆาตกรคู่แค้นที่ฆ่าพ่อตัวเอง

สงสารตัวเอง

ยอมรับฆาตกรเป็นพ่ออยู่หลายปี!

ดูที่ เฉิงเฟยหูในตอนนี้ ไม่กล้าสบตากับเฉิงโม่หนงแล้ว

เอาแต่โขกหัวกับพื้น

ตัวสั่นงันงกร้องขออภัยโทษ

“ไว้ชีวิตด้วย!ไว้ชีวิตฉันเถอะ!”

“ลูกหนง!พวกเราถึงแม้จะชิงตัวเธอมาอยู่บ้านตระกูลเฉิง แต่หลายปีมานี้ ก็ไม่ได้ปล่อยให้เธอลำบากนะ!”

“อภัยให้ตระกูลเฉิงของเราเถอะ!”

เฉิงโม่หนงยืนมองลงไปที่เฉิงเฟยหู ความคับแค้นเต็มใบหน้า

“แกกับเฉิงจิ้นซอง ฆ่าพ่อเลี้ยงของฉัน!”

“พวกแก สมควรตาย!”

เฉิงเฟยหูหน้าซีดเป็นกระดาษขาว

แต่แล้วในขณะนั้นเอง เย่อู๋เทียนก็พูดขึ้นมาอีกประโยคหนึ่ง

“สือหย่ง ยังไม่ตาย”

คำพูดนี้พูดออกมา ไม่เพียงเฉิงเฟยหูเหมือนถูกฟ้าผ่า บนใบหน้าของเฉิงโม่หนง ก็เต็มไปด้วยความไม่อยากเชื่อ

เฉิงโม่หนงมองไปที่เย่อู๋เทียนอย่างฉับพลัน พูดเสียงสั่น

“ก็คุณพูดเองไม่ใช่หรือ พ่อเลี้ยงของฉันถูกไอ้โจรวายร้ายพ่อลูกสองคนนี้ฆ่าไปแล้วไม่ใช่หรือ?”

เย่อู๋เทียนพูดยิ้ม ๆ

“ถ้าพวกมันฆ่าสือหย่งตายไปแล้วในปีนั้น ฉันมีหรือจะปล่อยบ้านตระกูลเฉิง?”

“แล้วจะมีหรือ จะปล่อยให้เธอไปอาศัยอยู่ในบ้านตระกูลเฉิงเสียหลายปี?”

“ที่เมื่อกี้นี้บอกว่าสือหย่งถูกพวกมันฆ่า ก็เพียงเพื่อว่า ให้ไอ้โจรเฒ่าเฉิงเฟยหู ยอมสารภาพรับโทษเท่านั้น!”

เฉิงโม่หนงถาม

“ถ้างั้นเรื่องราวเป็นยังไงกันแน่?”

เย่อู๋เทียนนิ่งเงียบไปครู่หนึ่ง ในที่สุดก็เล่าความเป็นจริงออกมา

“เฉิงเฟยหูกับเฉิงจิ้นซองสองพ่อลูก ปีนั้นได้ใช้มีด แทงใส่เข้าไปทางขั้วหัวใจสือหย่งจริง แต่ สือหย่งดวงแข็ง หัวใจของเขา กลับอยู่ที่ด้านขวา แทงมีดนั้นลงไป เขาไม่ถึงตาย!”

“หลังจากนั้น เฉิงเฟยหูกับเฉิงจิ้นซอง จุดไฟเผาที่อยู่เทือกเขาเอ๋อเหมยของสือหย่ง ก็ไม่ได้ทำให้เขาถูกเผาไปด้วย!”

“แต่ทว่า หลังจากสือหย่งรับบาดเจ็บสหัส ก็กลายเป็นคนก็ไม่ใช่ผีก็ไม่ได้เป็น เขาก็เลยไม่อยากพบกับเธออีก เวลานี้ เขาน่าจะยังอยู่ที่เขาเอ๋อเหมยนะ!”

“เพราะเมื่อคราวที่แล้วฉันไปที่เขาเอ๋อเหมยตอนนั้น ฉันได้พบกับเขา!”

“ตอนนั้นเขาถามฉันว่า เธออยู่สบายดีไหม ฉันก็บอกเขาไปว่า ไม่เลวทีเดียว เขาก็สบายใจ”

เฉินโม่หนงได้ยินดังนั้น ดีใจจนร้องไห้

“เขา!เขายังมีชีวิต!คนหน้าบาก!คนหน้าบากยังมีชีวิตอยู่!”

เย่อู๋เทียนยิ้ม ๆ

“ในช่วงนี้ ฉันอาจจะต้องไปที่เขาเอ๋อเหมยสักเที่ยว ก็น่าจะพาเธอไปพบกับเขา ถือโอกาส ก็จะได้ดูรอยบาดแผลตามตัวและที่หน้าของเขา จะได้ทำการรักษาไปทีเดียว”

เฉินโม่หนงมองเย่อู๋เทียนอย่างไม่มั่นใจ

“เขา เขายังมีชีวิตอยู่จริงหรือ?”

เย่อู๋เทียนผงกหัว

“ยังมีชีวิตอยู่”

เฉิงเฟยหูที่คุกเข่าอยู่กับพื้น มองเย่อู๋เทียนอย่างอัศจรรย์ใจ

ทำยังไงก็คิดไม่ถึง

คุณสือหย่งคนนั้น ยังมีชีวิตอยู่ได้!

ถ้าเป็นอย่างนี้แล้ว โทษของตัวเขาเองนั้น ก็จะได้ลดเบาลงอีกมากเลยสินะ?

แต่เฉิงเฟยหูก็ได้แต่คิดไปเอง

เย่อู๋เทียนมองมาที่ตัวเขา พูดเสียงชืด ๆ ออกไปว่า

“เดิมที คุณก็น่าจะมีชีวิตอยู่ได้ แต่คุณไม่น่าเลยจริง ๆ ไม่น่าพาเฉิงโม่หนงมา พามาถึงที่วิลล่าว่อหลงนี่!”

คำพูดนี้ฟังเข้าไปในหูของเฉิงเฟยหู

ฉับพลันก็เหมือนกับ......

ตกวูบลงมาจากฟ้า

แต่เวลาขณะนั้นเอง ที่นอกประตูเรือน มีเงาดำร่างหนึ่งวูบเข้ามา

คือหนึ่งในสี่เหล่าจู่ผู้ยิ่งใหญ่แห่งตระกูลหานเผ่าโบราณนั่นเอง

หานวี่เซียว

ก่อนหน้านี้ เย่อู๋เทียนเคยได้บอกเขา

ให้เขาไปจัดการขจัดคนที่เหลือในตระกูลหานเผ่าโบราณ

ตอนนี้

หานวี่เซียวหิ้วหัวมนุษย์เข้ามา

และมีถึงสี่หัว ถือมาในมือข้างละสองหัว

อีกทั้ง ตามตัวของหานวี่เซียว ก็เหมือนหานตี้ซือ แดงเลือดทั้งตัว

เฉิงเฟยหูมองไปเห็นเขาเข้า แม้จะดูน่ากลัวเหมือนภูตผี แต่ก็เหมือนได้เห็นฟางเส้นสุดท้ายที่จะช่วยชีวิตเขาได้!

เพราะก่อนหน้านี้ที่บังเอิญได้พบหานจื่อฉีในสวนสาธารณะนั้น ก็ได้พบกับหานวี่เซียว ท่านนี้ด้วย

ตอนนั้น หานวี่เซียวเดินตามหลังหานจื่อฉี จะขยับมือหรือก้าวเท้า ล้วนเหมือนลอยอยู่กับเมฆ!

ในสายตาของเฉิงเฟยหู

หานวี่เซียวท่านนี้ ก็เหมือนหานจื่อฉี ล้วนแต่เป็นคนประเภทเซียนเทพ!

หานวี่เซียวท่านนี้ ถึงแม้อาจไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเทพสังหารเย่อู๋เทียนองค์นี้ แต่ก็น่าจะสามารถพาตัวเขาเองออกพ้นไปจากที่นี่ได้มัง?

คิดไปได้แบบนี้

เฉิงเฟยหูก็ไม่ได้ใส่ใจว่าทำไมหานวี่เซียวถึงได้หิ้วหัวมนุษย์มาปรากฏตัวที่นี่ทำไม ค้อมหัวก็เตรียมจะกราบลงไป!

แต่.......

ก็ยังช้าไปก้าวหนึ่ง

เพราะว่าหานวี่เซียว ก็ได้คุกเข่าลงตรงเบื้องหน้าเย่อู๋เทียนแล้ว

อีกทั้ง ตัวสั่นเทาเหมือนตัวตะแกรงกำลังร่อนรำฉันว

เอ่ยปากพูดเสียงแหบแห้ง

“บ่าวสมควรรับโทษ ที่ไม่สามารถปฏิบัติตามความประสงค์ของท่านชิงตี้ ที่สั่งให้จัดการคนในตระกูลหานเผ่าโบราณพวกนั้น ขจัดทิ้งหมดให้สิ้นซาก!แต่ที่ทำแค่ฆ่าทิ้งไปได้สิบเก้าคน!ที่เหลือนอกนั้น ต่างพากันหนีไปหมด ทั้งหมดหนีไปเขาเอ๋อเหมย ไปขอคนช่วย!”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จอมนักรบอหังการ