จอมนักรบอหังการ นิยาย บท 410

เย่อู๋เทียนที่อยู่ในห้องได้ยินเสียงที่ดังผ่านเข้ามาจากด้านนอกประตู

ก็ขมวดคิ้วขึ้นเล็กน้อย

เหมือนจะเกิดความสงสัยขึ้น อย่างไม่รู้ตัว

ชายหนุ่มที่พูดอยู่ด้านนอกประตูนั้น น้ำเสียงของเขา ทำไมถึงได้คล้ายคลึงกับตนเองขนาดนี้?

กัวจื่อจู๋ ที่คุกเข่าอยู่ที่ด้านหลังของเย่อู๋เทียน ก็เกิดความสงสัยขึ้นเช่นกัน

แต่ไม่ทันจะคิดอะไรมาก ก็ลุกขึ้นและพุ่งออกไปที่ด้านนอกประตูทันที

ซึ่งไม่มีเหตุผลอื่น

เพราะในเมื่อมีคนที่คิดจะฆ่าเย่อู๋เทียน หากว่าตัวเองสามารถต้านทานเอาไว้ได้บ้างก็ยังดี ต่อให้ต้านทานเอาไว้ไม่ได้......

แต่อย่างน้อย ก็คงจะสร้างความประทับใจให้กับเย่อู๋เทียนบ้าง!

หรือจะพูดอีกอย่างว่า

ตอนนี้กัวจื่อจู๋ คิดอยากจะตาย แต่ถ้าหากสามารถมีชีวิตอยู่รอดต่อไปได้ จะยอมรับการตายได้อย่างไร?

ยิ่งไปกว่านั้น

ความปรารถนาของเธอในตอนนี้ ก็ไม่ใช่มีแค่เพียงอย่างเดียว

ความปรารถนาที่เธอกับเฉิงโม่หนงได้พบเจอและรับทราบถึงสถานะระหว่างกันนั้น ได้ผลลัพธ์ดังที่ต้องการแล้ว

ดังนั้น เธอจึงอยากที่จะพบเจอกับเหวินไท่จี๋สักครั้ง

การที่คิดอย่างนี้นั้น กัวจื่อจู๋ ก็ได้ทำใจเตรียมพร้อมเอาไว้อย่างดีแล้ว

ต่อให้พลังในร่างกายได้ถูกเย่อู๋เทียนปิดผนึกเอาไว้แล้ว!

เธอเองก็คิดที่จะใช้วิชาต้องห้ามปลดล็อคการปิดผนึกนี้ ต่อให้ต้องแลกมาด้วยความยากลำบากอย่างที่สุด ก็ยอม!

คำเดียว!

มีชีวิตอยู่รอดต่อไป สำคัญกว่าอะไรทุกอย่าง!

เพื่อที่จะมีชีวิตรอดต่อไป กัวจื่อจู๋ จะต้องใช้แผนทรมานร่างกายตัวเอง ต่อหน้าของเย่อู๋เทียน!

ยิ่งน่าสังเวชมากเท่าไรก็ยิ่งดี!

มิเช่นนั้น จะได้รับความเห็นใจจากเย่อู๋เทียนได้อย่างไร?

แต่ทว่า เมื่อกัวจื่อจู๋ ล่วงหน้าออกไปปรากฏตัวขึ้นที่ประตูห้องรับแขกของคฤหาสน์โบราณนั้น ขณะที่เธอมองเห็นฉู่เทียนสิง

เธอก็เกิดความตกตะลึงขึ้นอย่างหนัก!

แผนการเอาชีวิตรอดที่คิดอยู่ในใจนั้น เหมือนว่าเมื่อพบเจอกับฉู่เทียนสิงแล้ว......

แทบจะกลายเป็นความว่างเปล่าไปเลย!

บนโลกใบนี้ ทำไมถึงได้มีผู้ชายคนหนึ่งที่คล้ายคลึงกับเย่อู๋เทียนมากขนาดนี้?

เขา ตกลงเขาเป็นใครกัน?

กัวจื่อจู๋ ยืนงุนงงอยู่กับที่

สายตาที่มองไปยังฉู่เทียนสิงนั้น เต็มไปด้วยความน่าเหลือเชื่อ!

ไม่เพียงแต่จะตกตะลึงกับรูปลักษณ์ของฉู่เทียนสิงเท่านั้น ยังตกตะลึงกับท่วงท่าลักษณะของฉู่เทียนสิงที่แสดงออกมาในตอนนี้ด้วย

ฉู่เทียนสิงยืนอยู่ที่ตรงกลางของลานกว้าง มีเกราะปราณโอบล้อมรอบตัว!

แม้ว่าเกราะปราณจะไร้รูปร่าง

แต่ ก็สามารถมองเห็นด้วยตาเปล่าได้

ก็เหมือนกับ คนหนึ่ง ที่อยู่ในท่ามกลางกลุ่มไอความร้อน!

หลังจากที่กลุ่มไอความร้อนนี้ได้ปกคลุมไปบนร่างกายของคนหนึ่งแล้ว คนภายนอกจะมองเห็นว่า คนผู้นี้อยู่ในสภาพที่บิดเบี้ยว!

ที่สำคัญก็คือ รอบกายของฉู่เทียนสิงนั้น ไม่เพียงแต่จะมีเกราะปราณชั้นเดียว อย่างน้อยมีถึงสิบชั้น

เกราะปราณชั้นแรก แนบชิดร่างกายอย่างเห็นได้ชัด ราวกับว่ายอดเยี่ยมกว่า เสื้อเกราะล้ำค่าอื่น ๆ!

เกราะปราณชั้นที่สอง ปรากฏขึ้นที่บริเวณห่างจากฉู่เทียนสิงไปหนึ่งเมตร ราวกับเป็นเกราะระฆังทอง ที่แข็งแกร่งทนทาน!

เกราะปราณชั้นที่สาม ปรากฏขึ้นที่บริเวณห่างจากฉู่เทียนสิงไปสามเมตร......

พูดได้ว่า มีฉู่เทียนสิงเป็นใจกลาง ต่อให้ทั้งคฤหาสน์โบราณ ต่างก็ถูกเกราะปราณที่แผ่กระจายของเขาปกคลุมไปทั่วทั้งหมดแล้ว!

นี่ไม่ใช่การวาดพื้นดินเป็นคุกหรอกเหรอ?

ช่างเหมือนกับอรหันต์แกร่งที่มีปรากฏอยู่แต่ในตำนานเสียจริงเลย!

คืออรหันต์แกร่งอย่างแท้จริง!

นักบู๊ทั่วไปนั้น เกรงว่าจะเข้าประชิดตัว ก็คงจะไม่มีคุณสมบัติเพียงพอ!

และในขณะเดียวกันนั้น ไม่ว่าจะเป็นเย่อู๋เทียน รวมถึงเสิ่นรั่วชิง หานจื่อเซียนและคนอื่น ๆ

ต่างก็ปรากฏตัวขึ้นที่บริเวณประตูห้องรับแขกทั้งหมด

ทุกสายตา ต่างจับจ้องไปที่ร่างของฉู่เทียนสิงคนเดียว

ใบหน้าเต็มไปด้วยความตกตะลึง โดยไม่มีข้อยกเว้น

โดยเฉพาะอย่างยิ่งหานจื่อเซียน......

ที่ในหัวสมอง แทบจะว่างเปล่าไปหมด!

ชายหนุ่มที่อยู่เบื้องหน้านี้ ทำไมถึงได้มีรูปร่างหน้าตาที่คล้ายคลึงกับเย่อู๋เทียนมากขนาดนี้?

แม้แต่เย่อู๋เทียนเอง หลังจากที่ตกใจเหม่อลอยไปชั่วขณะ ถึงได้ค่อย ๆ มองสังเกตฉู่เทียนสิงอย่างละเอียดอีกรอบหนึ่ง

โดยไม่พูดถึงว่าทำไมชายผู้นี้ถึงได้มีความคล้ายคลึงกับตนเองมากขนาดนี้

ลำพังแค่เกราะปราณที่แผ่กระจายออกมาจากร่างของเขานั้น ก็ถึงกับทำให้ตนเองประหลาดใจ

ทางด้านหานจื่อเซียน

ที่ตั้งสติกลับคืนมาได้แล้วนั้น

เวลานี้ เธอได้เดินขึ้นไปด้านหน้า และยืนขวางอยู่ที่เบื้องหน้าของเย่อู๋เทียน

พร้อมกับจ้องมองไปที่ฉู่เทียนสิง และสอบถามขึ้นว่า

“นายเป็นใคร? ”

ฉู่เทียนสิงอมยิ้ม

“ฉันคือเด็กกำพร้าของตระกูลฉู่เผ่าโบราณ ที่เป็นหนึ่งในร้อยตระกูลแห่งพันธมิตรมังกร มีชื่อว่า ฉู่เทียนสิง! ”

“แต่น่าเสียดายที่ บนโลกใบนี้ ผู้ที่รับรู้ถึงสถานภาพของฉัน มีอยู่เพียงแค่สองคน คนแรกก็คือพ่อบุญธรรมของฉัน อีกคนหนึ่งก็คือ เหวินไท่จี๋! ”

“นอกจากนี้แล้ว ผู้ที่รับรู้ถึงสถานภาพของฉันนั้น ก็ต้องตาย! ”

เมื่อพูดถึงตรงนี้ ฉู่เทียนสิง ในที่สุดก็ได้ส่งสายตาจ้องมองไปที่ร่างของเย่อู๋เทียน

โดยที่ใบหน้าก็ยังคงมีรอยยิ้มอยู่อย่างไม่เปลี่ยนแปลง

“จะฆ่าตัวตายเอง หรือจะให้ฉันลงมือ? ”

เย่อู๋เทียนขมวดคิ้วขึ้น

“พ่อบุญธรรมของนายเป็นใคร? นายกับเหวินไท่จี๋ มีความเกี่ยวข้องกันอย่างไร? ”

ฉู่เทียนสิงยักไหล่

“นายไม่คู่ควรที่จะรับรู้ แต่ เมื่อพิจารณาจากที่ก่อนหน้านี้นายได้ทำเพื่อประเทศหลงมากมายหลายเรื่อง ฉันก็สามารถที่จะตอบกลับนายได้ นาย ก็แค่หมากตัวหนึ่งของพ่อบุญธรรมของฉันและเหวินไท่จี๋เท่านั้น ท้ายที่สุด นายก็ต้องถูกกลั่นเป็นยาสองเม็ดอยู่ดี! ”

เย่อู๋เทียนหัวเราะฮึฮึ

“อย่างนายน่ะเหรอ? ”

ฉู่เทียนสิงอมยิ้ม

“นายน่าจะรู้สึกยินดีต่างหาก ที่นับตั้งแต่วันนี้ไป ฉันจะใช้สถานะของนาย ดำรงชีวิตอยู่ต่อไปบนโลกนี้ จนกว่าฉันจะสมหวังปณิธานเพียงหนึ่งเดียวบนโลกใบนี้แล้ว ฉันถึงจะ ใช้สถานะของฉู่เทียนสิง กับทุกคน! ”

เย่อู๋เทียนหรี่ตาลง

“ความหมายก็คือ นายจะลงมือฆ่าทุกคนในที่แห่งนี้ทั้งหมด? ”

ฉู่เทียนสิงหันมองไปที่เสิ่นรั่วชิง

แล้วก็ยิ้ม

“หลังจากที่ฆ่านายแล้ว ฉันสามารถที่จะเป็นสามีของภรรยาของนายสักหนึ่งคืน”

เมื่อพูดถึงตรงนี้

ฉู่เทียนสิงก็หันมองไปที่หานจื่อเซียน และพูดเสริมขึ้นว่า

“และยังสามารถ ที่จะเป็นพ่อเลี้ยงของนายอีกหนึ่งวันด้วย! ”

เย่อู๋เทียนได้ยื่นมือออกมาขยับตัวของหานจื่อเซียนที่อยู่เบื้องหน้า แล้วเดินตรงเข้ามาหา

แต่ ในขณะที่เย่อู๋เทียนกำลังจะลงมือนั้น

เงาสีขาวร่างหนึ่ง ก็ลงมาจากท้องฟ้าโดยพลัน!

ตูมม!

บริเวณที่เงาร่างนี้ตกลงมานั้น ก็คือเบื้องหน้าของฉู่เทียนสิง

เวลานี้ ฉู่เทียนสิงมีสีหน้าที่เปลี่ยนไปอย่างมาก

ไม่อยากจะเชื่อว่า

จะมีแขกผู้มาเยือนจากฟากฟ้า อาศัยวิธีการแบบนี้ มาถึงที่แห่งนี้ได้

อีกทั้ง ฝ่ายตรงข้ามยังจะหมางเหมินต่อเกราะปราณรอบกายของตนเองเหล่านี้อย่างง่ายดายด้วย!

นี่มัน......

เป็นอย่างนี้ได้อย่างไร?

ในขณะที่ฉู่เทียนสิงกำลังตกใจเหม่อลอยอยู่นั้น

เงาร่างสีขาวที่อยู่เบื้องหน้าของเขานั้น ก็พลันคุกเข่าลงไปที่พื้น

หันหลังให้กับฉู่เทียนสิง

หันหน้าให้กับเย่อู๋เทียน

เงาร่างสีขาวนี้ หากไม่ใช่เหวินไท่จี๋แล้วจะเป็นใครได้อีก?

การปรากฏตัวขึ้นอย่างกะทันหันของเหวินไท่จี๋ ทำให้ทุกคนถึงกับเบิกตาโพลงกันไปหมด

โดยเฉพาะกัวจื่อจู๋

ในขณะที่มองเห็นรูปลักษณ์อย่างชัดเจนของเหวินไท่จี๋แล้วนั้น

สีหน้าท่าทางของเธอ ก็ประหลาดใจขึ้น

ชายชราคนนี้......

เหมือนจะเป็นเหวินไท่จี๋!

เพียงแต่ ทำไมเขาถึงได้แก่ชราขนาดนี้แล้ว?

เมื่อสามสิบปีก่อนตอนที่ตัวเองพบเจอกับเขา รูปลักษณ์ของเขานั้น ก็คือชายหนุ่มอย่างชัดเจน

ต่อให้ไม่เจอกันสามสิบปี......

เขาก็คงจะไม่เปลี่ยนไปถึงกับมีสภาพที่แก่ชราผมขาวโพลนอย่างนี้หรอก?

อีกทั้ง......

เขา ทำไมเมื่อเขามาถึงแล้วก็ได้คุกเข่าลงกับพื้นแบบนี้ด้วย?

แม้ว่าฉู่เทียนสิงจะไม่ได้เห็นหน้าของเหวินไท่จี๋อย่างชัดเจน แต่ ลำพังแค่แผ่นหลังของเขา ก็สามารถแน่ใจได้แล้วว่า

คนผู้นี้ ก็คือเหวินไท่จี๋ที่เมื่อครู่กำลังเล่นหมากรุกอยู่กับพ่อบุญธรรมของตนเอง!

ทำไมเขาถึงได้มาที่นี่อย่างกะทันหันด้วย?

มิน่าล่ะ......

ที่เขาถึงได้หมางเหมินเกราะปราณรอบกายของตนเองอย่างง่ายดายแบบนี้!

เขาก็คือเหวินไท่จี๋!

ที่มีการดำรงอยู่ในระดับเดียวกันกับพ่อบุญธรรมของเขา!

หรือเรียกขานได้ว่า เป็นตำนานของโลกปัจจุบันนี้!

แต่ตอนนี้......

เขาคุกเข่าอยู่ที่พื้น?

เหวินไท่จี๋ไม่เพียงแต่คุกเข่าอยู่บนพื้น อีกทั้งขณะที่มองเห็นเย่อู๋เทียน

ก็ยังได้ทำการคำนับลงไปที่พื้นอีกด้วย

ตุบบ!

เมื่อหน้าผากกระทบไปกับพื้น พื้นดินก็สั่นสะเทือนขึ้น

ในขณะเดียวกัน

เหวินไท่จี๋ ก็พูดขึ้นด้วยเสียงที่สั่นเทาอย่างตื่นตระหนก

“หนึ่ง! ”

เมื่อพูดจบ

เหวินไท่จี๋ก็ไม่ชักช้า คำนับลงไปอีกครั้ง

“สอง! ”

จากนั้น......

“สาม! ”

“สี่! ”

ทุกคนต่างก็ตะลึงงันกันไปหมด

เหวินไท่จี๋ผู้นี้ เป็นบ้าอะไรไปแล้วอย่างนั้นเหรอ?

แต่ ไม่ว่าทุกคนในที่แห่งนี้จะตกตะลึงกันขนาดไหน เหวินไท่จี๋ ก็ยังคงคำนับต่อไปอย่างไม่หยุด!

เพราะว่าพ่อของเย่อู๋เทียน เย่ฝูถู สั่งให้เขาคำนับเย่อู๋เทียนเก้าพันเก้าร้อยครั้ง ถึงจะไว้ชีวิตเขา!

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จอมนักรบอหังการ