พอออกจากบ้านมาแล้ว ฟางเหยียนก็ตรงไปหาเทียนขุยที่ฐานทัพเมืองจินโจวเลย ว่ากันตามจริงแล้ว สถานที่แห่งนี้เขายังไม่เคยไปเลย นี่เป็นครั้งแรก ที่นี่อยู่ค่อนข้างใกล้กับเรือนจำดังนั้นทันทีที่เข้ามายังที่นี่ก็แฝงกลิ่นอายความตายไว้แล้ว
สถานที่ก่อสร้างเรือนจำล้วนค่อนข้างอัปมงคล ส่วนใหญ่จะก่อสร้างขึ้นบนสุสานร้างบางส่วน ก็เหมือนกับที่นี่ของพวกเขา ในอดีตคือสุสานแห่งหนึ่ง นี่คือฐานทัพของพวกเขา และเป็นสถานที่ที่เทียนขุยอยู่ด้วย
ที่นี่ปลีกวิเวก ไม่ถูกคนนอกค้นพบง่ายๆ ยังมีข้อดีอย่างหนึ่ง นั่นก็คือมีส่วนช่วยในการฝึกฝนของเทียนขุย หมัดแปดทิศที่เทียนขุยฝึกฝนคือวิชาหมัดสายหยาง ด้วยความเป็นหยางมากเกินไป ดังนั้นเขาจะต้องฝึกฝนอยู่ในสถานที่สายหยิน ถึงจะปรับให้หยินหยางสมดุล หลังจากที่หยินหยางประสานกันอย่างสมดุลแล้ว หลังจากที่ไอหยินผสานเข้ากับวิชาหมัดมวยที่เทียนขุยฝึกฝนแล้ว จะก้าวหน้าขึ้นมหาศาลมากจริงๆ
พอมาถึงปากทางเข้าฐานทัพ ฟางเหยียนก็มองเห็นซากศพทหารของกองทัพกว่าสิบร่างกองเกลื่อนกลาดอยู่บนพื้น!
เลือดยังไม่จับตัวแข็ง ดูทรงแล้วน่าจะเพิ่งตายได้ไม่นานนัก
ฟางเหยียนย่อกายลงข้างศพร่างหนึ่ง ยื่นมือไปตรวจสอบศพดุเล็กน้อย กระดูกถูกซัดจนแหลก ดูจากลักษณะการตายของเขาแล้ว เป็นการถูกคนทุบเข้าที่ศีรษะโดยตรง แล้วซัดจนตาย!
ฟางเหยียนลุกขึ้นมา เดินเข้าไปในส่วนตัวอาคารของฐานทัพ ประตูส่วนใหญ่ถูกถีบจนพัง ด่านในเละเทะวุ่นวายไปหมด มองแวบเดียวก็รู้แล้วว่าเพิ่งเกิดการต่อสู้ที่ดุเดือนยิ่งนักขึ้น ไมนไม่ช้า เขาก็มองเห็นเทียนขุนนอนฟุบอยู่ใจกลางห้องโถง ร่างของเทียนขุยเต็มไปด้วยเลือด แม้แต่บนพื้นก็ล้วนเปรอะไปด้วยเลือดเช่นกัน หรือว่า เทียนขุยตายแล้วเหรอ?
พอนึกเช่นนี้ หัวใจของฟางเหยียนก็ตระหนกอย่างยิ่ง เขาสาวเท้าก้าวเข้าไป พุ่งเข้าไปเอ่ยเรียกเทียนขุย “เทียนขุย นายไม่เป็นไรใช่ไหม?”
พอเขาไปถึงข้างกายเทียนขุย ก็ค้นพบในทันใดว่าสองมือของเทียนขุยบวมแดง กระดูกข้อนิ้วล้วนแหลกไปหมดแล้ว ถูกทุบจนแหลก นอกจากมือแล้ว แม้แต่กะโหลกของเทียนขุย ล้วนถูกทุบทุบจนทั้งบวมทั้งแดง มีโลหิตไหลซึมออกมาจากศีรษะ และไหนรินออกมาจากริมฝีปาก เป็นการถูกบางสิ่งทุบกระแทกเช่นกัน
ฟางเหยียนยื่นมือไปแตะลำคอของเทียนขุยดู ยังมีลมหายใจที่แผ่วระโหยยิ่งนักอยู่
คนๆ นั้นไม่ยั้งมือเลย ใช้กระบวนท่าสังหาร แต่เทียนขุยมีจิตใจที่เข้มแข็งเด็ดเดี่ยว ดังนั้นจึงเหลือลมหายใจสายหนึ่งอยู่
นี่คือเทียนขุยหนึ่งในเจ็ดเทียนใต้สังกัดของฟางเหยียน แม้จะจากมาจากชายแดนเขตเหนือกว่าหนึ่งปีแล้ว ทว่านับตั้งแต่ตนเข้าสู่เมืองจินโจว เทียนขุยก็ไม่เคยแยกห่างจากตนไปเลย ไม่น่าเชื่อว่ามีคนกล้าลงมือกับเทียนขุยเช่นนี้ นี่ถือเป็นการประกาศศึกกับฟางเหยียน!
คนประกาศศึกด้วย ในฐานะของจอมพล ไม่มีเหตุผลอะไรที่จะไม่รับคำท้า!
ฟางเหยียนกำหมัด ข้อนิ้วส่งเสียงดังกรอกแกรกขึ้นมา คนผู้นั้น เขาจะต้องสังหารคนผู้นั้นด้วยมือตนให้ได้!
เขาหยิบยาลูกกลอนสีดำเม็ดหนึ่งออกมาจากกระเป๋าเสื้อ ป้อนใส่ปากของเทียนขุยทันที เพื่อทำให้เทียนขุยกลืนลงไปได้ เขาจึงยกมือกดหน้าอกของเทียนขุย ทำให้เทียนขุยสูดหายใจเข้าไป
จากนั้นเขาก็พยุงร่างของเทียนขุยขึ้นมาจากพื้น หลังจากจัดท่าทางให้เทียนขุยอยู่ในท่างนั่งขัดสมาธิ ฟางเหยียนก็นั่งลงด้านหลังเขา ยกฝ่ามือขึ้นมา สองมือทาบลงบนแผ่นหลังของเทียนขุย มองเห็นเพียงหมอกควันชั้นหนึ่งแผ่ออกมาจากด้านหลังของเทียนขุย
ผ่านไปครู่หนึ่ง เทียนขุยพลันสำลักอย่างรุนแรง พ่นโลหิตปนหนองออกมาคำหนึ่ง
ร่างกายของเทียนขุยอ่อนยวบล้มฟุบลง เป็นฟางเหยียนที่รับตัวเขาไว้ พยุงอยู่ด้านหลังเขา เทียนขุยลืมตาขึ้นมานิดๆ ลมหายใจของเขาอ่อนระโหยยิ่ง แต่เพียงพอจะเอ่ยวาจาได้แล้ว เมื่อเขามองเห็นใบหน้าของฟางเหยียน ก็จับต้นแขนของเขาไว้แน่น เอ่ยด้วยสีหน้าละอาย “โผ้จวิน เทียนขุยไม่อาจรักษาศพของเขาไว้ได้ ขอโผ้จวินโปรดลงโทษด้วย”
นี่คือความภักดีของเทียนขุย แม้ว่าลมหายใจจะรวยรินแล้ว ยังไม่ลืมขอรับโทษจากฟางเหยียน ไม่เพียงแต่เทียนขุยเท่านั้น แต่เจ็ดเทียนของสำนักเจ็ดพิฆาต ไม่ว่าคนใดก็เป็นเช่นนี้ทั้งสิ้น
ฟางเหยียนส่ายหน้าเอ่ยไปว่า “บอกฉันสิ เกิดอะไรขึ้น? ฉันอยากรู้เหตุการณ์ทั้งหมด”
ด้วยศักยภาพของเทียนขุย ฟางเหยียนจึงมีความมั่นใจให้เขาปกครองฝั่งหนึ่ง คนที่สามารถทำให้เขาบาดเจ็บสาหัสขนาดนี้ได้ ซ้ำยังเกือบสิ้นชีพ นี่ไม่ใช่สัญญาณที่ดีเลย
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จอมนักรบทรงเกียรติยศ