ตอนที่มองเห็นชื่อนี้ ความคิดของฟางเหยียนเพียงครู่เดียวก็กลับมาถึงตรงนี้ เขาหันศีรษะมองไปทางด้านนอกหน้าต่างแวบหนึ่ง ในเวลานี้ม่านราตรีได้เข้ามาเยือน เวลานี้ฟางจินหยวนโทรศัพท์หาตนเองทำไมกัน? พูดคุยชีวิตประจำวันหรอ?
เขากับฟางจินหยวนไม่มีชีวิตประจำวันอะไรที่น่าคุย งั้นจุดประสงค์ที่เขาโทรเข้ามานี้คืออะไรกันอีกล่ะ?
ไตร่ตรองอยู่ครู่หนึ่ง ฟางเหยียนก็ยังคงรับโทรศัพท์ขึ้น ความเคยชินของเขาก็คือหลังจากที่รับโทรศัพท์แล้วไม่พูดจา รอดูว่าฝั่งนั้นจะพูดอะไร นี่ไม่เพียงแต่ทำกับฟางจินหยวนเท่านั้น กับใครต่างก็เป็นเช่นนี้!
โทรศัพท์เพิ่งจะติด ฝั่งนั้นก็ส่งเสียงที่แฝงไปด้วยความดีใจเล็กน้อยของฟางจินหยวนออกมา “เสี่ยวเหยียน มีข่าวดีจะบอกกับแก!”
ฝั่งนั้นเงียบมาก มีเพียงแค่เสียงของฟางจินหยวน แต่ยิ่งเป็นเช่นนี้ ก็ยิ่งสามารถสะท้อนออกมาให้เห็นว่าฝั่งนั้นมีคนจำนวนไม่น้อย โทรศัพท์ที่มีคนกับไม่มีคนนั้นไม่เหมือนกัน อย่างน้อยที่สุดบรรยากาศที่ฝั่งนั้นแผ่กระจายออกมาก็คือไม่เหมือนกัน
ฟางเหยียนนิ่งเงียบอยู่หลายวินาที ไม่ได้ตอบกลับคำพูดของฟางจินหยวน
ฟางจินหยวนที่อยู่ทางฝั่งนั้นร้อนรนแล้ว เอ่ยถามว่า “เสี่ยวเหยียน แกได้ยินที่ฉันพูดไหม?”
“มีเรื่องก็พูดมา!” คำพูดของฟางเหยียนเย็นชามาก ฟังความรู้สึกไม่ออกแม้แต่นิดเดียว
ฟางจินหยวนยิ้มพร้อมกับเอ่ยขึ้นอย่างเก้อเขิน “คืออย่างนี้ พี่ชายลูกพี่ลูกน้องของแกฟางเหมี่ยวเขาจะแต่งงานแล้ว กับตงฟางหยุนเอ๋อร์คุณหนูแห่งตระกูลตงฟาง นี่เป็นเรื่องมงคลใหญ่ของตระกูลฟางเรา และก็เป็นช่วงเวลาที่สำคัญที่สุดในชีวิตของพี่ชายแก ฉันคิดว่าแกควรจะมาร่วมงานแต่งงานของเขาหน่อยล่ะมั้ง!”
ตงฟางหยุนเอ๋อร์ ไม่ต้องสงสัยเลยว่า นี่คือคนของตระกูลตงฟาง ตระกูลตงฟางเป็นพี่ใหญ่ของภูมิภาคตะวันออกทางนั้น พูดถึงอิทธิพลของตระกูล ในประเทศหวาเทียบไม่ได้กับตระกูลฟาง แต่หากพูดถึงสถานะระดับโลก แน่นอนว่าคือตระกูลตงฟางที่ดีกว่าหน่อย เพราะว่าธุรกิจของพวกเขาคือทำไปทางทั่วโลก แทบจะที่ต่างๆในโลกต่างก็มีเงาของธุรกิจพวกเขา สองตระกูล แต่ละตระกูลมีความยาวนาน สามารถส่งเสริมซึ่งกันและกันได้!
เพียงแต่สิ่งเหล่านี้สำหรับฟางเหยียนแล้วไม่ใช่สาระสำคัญ นี่มีส่วนเกี่ยวข้องอะไรกับเขากันล่ะ
“อ้อ!ถึงเวลาค่อยดูก็แล้วกัน ยังมีธุระอย่างอื่นอีกไหม? หากไม่มีเรื่องอะไร ก็วางแล้ว!ผมยังมีธุระ” ฟางเหยียนเอ่ยขึ้นอย่างเย็นชา
ฟางจินหยวนที่อยู่ฝั่งนั้นทำตัวไม่ถูกอย่างหาใดเปรียบ เขามีคำพูดมากมายจะพูดกับฟางเหยียน แต่ประโยคนี้ของฟางเหยียนทำให้บทสนทนาของทั้งสองถึงทางตันโดยสมบูรณ์แบบ แต่ว่าเขาได้พึงพอใจมากแล้ว อย่างน้อยฟางเหยียนก็ไม่ได้พูดคำรุนแรงเหล่านั้นกับเขาเหมือนอย่างเมื่อก่อน
ในขณะที่เขาไม่รู้จะพูดอะไรอยู่นั้นเอง เด็กผู้หญิงที่ผมสั้นประณีตคนหนึ่งก็หยิงเอาโทรศัพท์มือถือไป เอ่ยว่า “พี่เหยียน พี่กลับมาเถอะ พวกเราทั้งครอบครัวต่างก็อยู่กันครบ!คราวก่อนไม่ได้กินข้าวด้วยกัน คราวนี้กินข้าวพร้อมหน้าพร้อมตากันสักครั้งเถอะ!”
ฟางเหยียนยังคงไม่ได้ตอบกลับ แต่ว่าสายโทรศัพท์ฝั่งนั้นก็ไม่ได้รีบร้อนที่จะพูด ดูเหมือนมีเสียงของการเดินอยู่
ไม่นาน ฟางฟังก็เอ่ยขึ้นด้วยเสียงกระซิบว่า “แอบบอกกับพี่ คราวก่อนหลังจากที่เจอพี่แล้ว ฉันก็ทำหุ่นแกะสลักดินปั้นให้พี่อีกแล้วล่ะ อันนี้เหมือนพี่มากยิ่งกว่าเดิม พี่รีบกลับมา ฉันมอบให้พี่!”
“อ้อ!” ฟางเหยียนพ่นคำแบบนั้นออกไป จากนั้นก็ตัดสายลงไปในทันที
เขาดูเหมือนไม่ได้เกลียดตระกูลฟางขนาดนั้นอย่างเมื่อก่อนแล้ว แต่นี่ก็ไม่ได้แสดงว่าเขาสามารถให้อภัยบาดแผลที่ตระกูลฟางสร้างกับเขาได้ บ้านหลังหนึ่งที่ทำให้ชีวิตในวัยเด็กของเขาเปลี่ยนเป็นสีเทาดำเช่นนี้ เขาจะเห็นเป็นบ้านจริงๆได้ยังไงกันล่ะ
ฟางจินหยวนช่างไร้เดียงสาจริงๆ เขานึกว่ามอบฟางซื่อกรุ๊ปให้กับตนเองแล้ว ก็จะสามารถได้รับการให้อภัยจากตนเองงั้นหรอ? งานแต่งงานเขาไม่อาจจะไปเข้าร่วมได้ แต่เขาจะส่งคนไป
คิดถึงตรงนี้ เขาล้วงเอาโทรศัพท์มือถือออกมาโทรออกเบอร์ๆหนึ่ง นั่นคือเบอร์โทรศัพท์ของหวังชิงชิง โทรศัพท์ไม่ได้ต่อติด สายฝั่งนั้นสะท้อนคำแจ้งเตือนไม่สามารถติดต่อได้ออกมา ไม่สามารถติดต่อได้มีสองสถานการณ์ อย่างแรกคือโหมดปิดเครื่อง อีกอย่างคือไม่มีสัญญาณ
หวังชิงชิงไม่มีทางปิดเครื่องง่ายๆ โทรศัพท์มือถือปกติจะอยู่ในโหมดแสตนด์บายตลอดเวลา งั้นก็คงจะไม่มีสัญญาณแล้ว คิดมาถึงตรงนี้ ฟางเหยียนก็โทรขึ้นอีกครั้ง ยังคงแจ้งเตือนเหมือนเดิม ไม่สามารถรับสายได้!
หรือว่าอยู่ที่บริษัทยังไม่ได้กลับไป โทรศัพท์มือถือแบตหมดแล้วหรอ? ไม่มีทางเลือก เขาโทรเบอร์ห้องทำงานอีกครั้ง ฝั่งนั้นไม่ช้าก็มีคนรับแล้ว แต่ไม่ใช่เสียงของหญิงสาว เป็นเสียงของผู้ชายคนหนึ่ง
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จอมนักรบทรงเกียรติยศ