พี่เหยียน ช่วงนี้คุณปู่นอนน้อยมาก เมื่อก่อนช่วงกลางวันท่านจะอยู่ที่ห้องโถงของบ้าน หรือไปเดินเล่นข้างๆ แต่ตอนนี้ท่านไม่ทำแบบนั้นแล้ว ไม่รู้ว่าเป็นเพราะร่างกายหรือเปล่า ท่านมักจะอยู่ในหอบรรพบุรุษ บางทีอยู่ตั้งแต่เช้าจรดค่ำ มีอยู่วันหนึ่งที่ฉันตื่นขึ้นมาตอนกลางคืน พบว่าในหอบรรพบุรุษยังเปิดไฟอยู่ ฉันได้ยินเสียงคุณปู่ร้องที่ด้านใน ฉันจึงแอบเข้าไปดู และได้เห็นคุณปู่กำลังกอดขอโทษป้ายวิญญาณของลุงรองอยู่
นั่นไปภาพที่ฉันเห็นจากด้านนอก คุณปู่ร้องอย่างเจ็บปวดใจมาก ท่านกำลังเสียใจกับสิ่งที่ตัวเองทำลงไป
มีอยู่วันหนึ่ง ฉันไปหาคุณปู่ที่ห้องของเขา พบว่าเขากำลังกอดรูปถ่ายครอบครัวของพวกพี่แล้วหลับไป
พี่เหยียน ฉันมีเรื่องอยากจะขอร้องพี่ พี่อย่าโทษคุณปู่อีกเลยได้มั้ย?เขาเสียใจกับการกระทำมากแล้วจริงๆ
เนื้อหาในจดหมายจบลงเท่านี้ อารมณ์ของฟางเหยียนเปลี่ยนไปอย่างคาดเดาไม่ได้ เพียงแค่ไม่กี่ร้อยตัวอักษรสั้น ทำให้เขารู้สึกเปลี่ยนไปได้
ฟางจินหยวนเสียใจกับการกระทำแล้วเหรอ?ในเมื่อเสียใจที่ทำลงไปแล้วแสดงว่าเรื่องนี้มีลับลมคมในอย่างอื่นอีก เงื่อนงำอะไรกันแน่นะที่ทำให้ผู้นำตระกูลอันดับหนึ่งของเจียงตูต้องฆ่าลูกชายของตัวเอง?เป็นการกดดันขององค์กรนั้นเหรอ?
ถ้าองค์กรนั้นเกี่ยวข้องกับเรื่องอันยาวนานขนาดนั้น เกี่ยวข้องกับเรื่องของตัวเอง งั้นตนจะไม่ใจเย็นกับพวกมันอีกต่อไปแล้ว ต้องรีบหาพวกมันให้เจอ จากนั้นก็กวาดล้างให้สิ้นซาก ไม่ให้เหลือ!
เมื่อนึกถึงจุดนี้ ฟางเหยียนพิงพนักพิงโดยปริยาย แล้วถอนหายใจยาวๆ
ผ่านไปสักพัก เขาจึงได้ดันหัวมาด้านหน้า มองไปที่คนแคระดินเหนียวนั่น แล้วยิ้มอย่างมีเลศนัยออกมา
เทียนขุยเห็นรอยยิ้มของฟางเหยียนจากกระจกมองหลัง แล้วกล่าวอย่างเป็นธรรมชาติว่า “จอมพลโผ้จวิน น้องสาวคนนี้ของท่านดีกับท่านจริงๆนะครับ!ถ้าผมมีน้องสาวแบบนี้บ้าง ก็คงดี”
ฟางเหยียนชะงักไป พยักหน้าเบาๆแล้วกล่าว “ก็ดีนะ จิตใจไม่เลว!ไม่เหมือนกับเหล่าพ่อๆของเธอ”
“ถ้าวันหนึ่งท่านต้องจัดการกับตระกูลฟาง ท่านจะปล่อยน้องสาวคนนี้มั้ยครับ?” จู่ๆเทียนขุยก็ถามคำถามแบบนี้ออกมา
ฟางเหยียนใจเต้นตุบๆ เขาปิดกล่องนั่นไป หน้าตาบูดบึ้ง ดูไม่ดีในทันใด
เทียนขุยก็รู้สึกได้ว่าตัวเองอาจจะพูดอะไรผิดไปแล้ว จึงได้รีบกล่าว “ขอโทษครับ จอมพลโผ้จวิน ผมไม่ควรพูดแบบนั้น”
ฟางเหยียนส่ายหน้า แอบถอนหายใจแล้วกล่าว “ไม่เป็นไร!”
รถขับไปข้างหน้าได้ไม่นาน เทียนขุยได้ถามขึ้นมาอีกว่า “พวกเราไปไหนครับ?จะไปหาคุณชายเจี่ยนั่นมั้ยครับ?”
ฟางเหยียนมองดูเวลา แล้วกล่าว “ไม่ไปก่อน ไปรอบๆเจียงตูหน่อยก็แล้วกัน”
เทียนขุยรับคำสั่ง จากนั้นก็เริ่มขับรถวนไปรอบๆเมือง
ฟางเหยียนไม่ค่อยคุ้นเคยกับเจียงตู รู้เพียงแค่ว่านี่คือเมืองที่ใหญ่ที่สุดของประเทศหวา และเป็นที่ๆคนรวมตัวกันมากที่สุด รถแล่นอยู่บนถนนใหญ่อย่างน่าเบื่อ ถึงแม้ในรถจะสะดวกสบาย แต่ก็ทำให้คนรู้สึกเบื่อได้
ขับไปสักพัก ทั้งสองก็มาถึงถนนที่ค่อนข้างเงียบเหงาเส้นหนึ่ง ฟางเหยียนให้เทียนขุยหยุดรถ แล้วทั้งสองก็ลงจากรถไป
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จอมนักรบทรงเกียรติยศ