หินทิพย์ที่เต็มไปด้วยพลัง ฟางเหยียนพยักหน้าอย่างครุ่นคิดแล้วถาม “งั้นพลังที่อยู่ข้างในนี้ พวกคุณกลั่นออกมาแล้วยัง?”
ศาสตราจารย์โจวรีบส่ายหน้าแล้วกล่าว “ไม่ๆๆ หินทิพย์แบบนี้ พวกเราจะกลั่นออกมาได้อย่างไรกัน?ต่อให้อยากเอาออกมา ก็กลั่นออกมาไม่ได้อยู่ดี ศาสตราจารย์ฟาง พูดให้เว่อร์ๆหน่อย หินทิพย์แบบนี้ คนที่บำเพ็ญตนในตอนนั้นเท่านั้นถึงจะกลั่นส่วนสำคัญข้างในนี้ออกมาได้ อย่างพวกเราคนปกติทั่วไปไม่สามารถกลั่นพลังที่อยู่ด้านในนี้ออกมาได้ อ้อ หินก้อนนี้คุณไปได้มาจากไหนเหรอครับ?”
ฟางเหยียนมองศาสตราจารย์โจว แล้วตอบ “เพื่อนเก่าคนหนึ่งให้มาครับ”
“หินทิพย์นี้ไม่ใช่สิ่งที่จะหาได้ทั่วไป ดูๆแล้วเพื่อนเก่าของคุณคนนี้ต้องไม่ธรรมดาแน่เลย!” ศาสตราจารย์โจวถอดหายใจอย่างครุ่นคิด จากนั้นก็กล่าวต่อว่า “คุณรู้จักคนแบบนี้ได้ ก็ไม่แปลกที่จะไม่ให้ความสำคัญกับตำแหน่งอาจารย์และผู้เชี่ยวชาญแบบนี้”
ฟางเหยียนโบกมือกล่าว “อะไรกัน ผมก็แค่ไม่มีสิทธิ์รับตำแหน่งนี้ก็เท่านั้น”
ศาสตราจารย์โจวถอนหายใจยาวๆ แล้วกล่าว “เสียดายจริงๆ อ้อ ศาสตราจารย์ฟาง หินทิพย์เม็ดนี้ของคุณต้องเก็บรวบรวมมั้ยครับ?ถ้าคุณต้องการ ผมสามารถติดต่อเพื่อนที่ต่างประเทศให้คุณ ให้พวกเขาเอาอุปกรณ์ขั้นสูงมา หลังจากที่พวกเรารวบรวมเสร็จแล้ว ต้องการศึกษาค้นคว้าลึกเข้าไปอีก ถ้าเป็นข้อมูลในการวิจัยอย่างอื่นด้วย พวกเราก็อาจได้ใช้มัน ถึงตอนนั้นไม่แน่อาจจะสะเทือนการวิทยาศาสตร์ วงการประวัติศาสตร์อีกทั้งวงการแพทย์ก็เป็นได้”
“หินทิพย์นี้ของคุณ แค่ไม่อนุญาตให้ผมป่าวประกาศก็เท่านั้น ถ้าอนุญาตนะ บางทีหินทิพย์นี้ได้สั่นสะเทือนวงการโบราณคดีไปนานแล้ว สิ่งที่มีพลัง หาได้ยากมากในโลกของโบราณคดี”
ฟางเหยียนเข้าใจความหมายของศาตราจารย์โจว ด้วยเหตุนี้จึงได้ปฏิเสธไปว่า “ไม่เป็นไรครับ ขอบคุณมากครับ ศาสตราจารย์โจว”
พอพูดจบเขาก็เอาหินทิพย์สองเม็ดนั้นใส่ไว้ในกระเป๋า แล้วถามอีกว่า “คุณรู้จักคนที่สามารถกลั่นเอาพลังหินทิพย์แบบนี้ออกมาได้มั้ย? คือผู้บำเพ็ญตนที่คุณพูดถึงนั่นอะครับ”
ฟางเหยียนนึกถึงผู้เฒ่าตาบอดคนนั้น การแต่งกายของเขา เหมือนกับคนที่บำเพ็ญตนจริงๆ แม้ฟางเหยียนจะรู้สึกว่าเรื่องนี้มันบ้าบอคอแตก แต่ถ้าเจออะไรมาเยอะ ตนก็รู้ดีว่าบนโลกนี้มียอดฝีมืออีกมากมาย พวกเขาเหมือนกับนินจา โลกมันช่างใหญ่ มนุษยชาติก็เป็นคนมดเท่านั้น
ศาสตราจารย์เห็นแววตาของฟางเหยียนเปลี่ยนไป เขาก็หัวเราะออกมา กล่าวด้วยความชื่นชอบว่า “ศาตราจารย์ฟาง คุณก็คิดว่าบนโลกนี้มีผู้ที่บำเพ็ญเซียนอยู่เหมือนกันเหรอครับ? ความจริงผมก็คิดเช่นนั้นเหมือนกัน ช่วงหลายปีมานี้ผมศึกษาค้นคว้าด้านนี้ มีความคิดใหม่ต่อเซียนของประเทศหวาของเรา ที่แท้นี่ไม่ใช่สิ่งที่คนโบราณกุขึ้นมา ของพวกนี้เป็นความจริงทั้งนั้น เช่นคัมภีร์ซานไห่จิง คนในยุคปัจจุบันล้วนพูดว่ามันไม่เป็นความจริง ความจริงแล้วสัตว์ที่อยู่ในนั้นคือความจริงทั้งหมด
ที่เขาเรียกศาสตราจารย์บ้า แล้วยังค้นคว้าด้านนี้มีความสัมพันธ์สนิทสนมกันอีก เขามักจะพูดอะไรที่คนอื่นคิดว่าเป็นคำพูดที่สมมุติขึ้น ดังนั้นจึงยากที่จะให้คนอยู่ร่วมกับเขาได้ เวลานานเข้า เขาจึงกลายเป็นคนที่โดดเดี่ยว ถ้าไม่ใช่เพราะความสัมพันธ์ คนจำนวนมากในมหาลัยล้วนไม่อยากคบค้าสมาคมกับผู้เฒ่าเพี้ยนคนนี้หรอก
“งั้นคุณมีคนที่รู้จักมั้ย?” ฟางเหยียนถามอย่างตรงจุด
ศาตราจารย์โจวส่ายหน้าแล้วกล่าว “ไม่รู้จัก ผมไม่มีโชคชะตาในด้านนี้! จะรู้จักคนในด้านนี้ได้ ตรงมีพรหมลิขิต”
ฟางเหยียนไม่พูดต่อ จากนั้นก็หยิบมุกเทพที่ได้มาจากตระกูลเจี่ยแห่งเจียงตูออกมา แล้วถาม “ศาสตราจารย์โจว คุณรู้จักสิ่งนี้มั้ย?”
เมื่อเห็นมุกเทพ ศาสตราจารย์โจวก็ตาลุกวาวขึ้นทันที ตาทั้งสองข้างส่องประกายออกมา เขาอ้าปากค้าง พูดอย่างตะลึงว่า “นี่ นี่ๆๆๆมันมุกเทพที่อยู่ในบันทึกนั่นไม่ใช่เหรอ? สิ่งที่อยู่บนตัวมังกร มันสุดยอดมาก ที่ท่องไปได้ทุกหนแห่งก็พึ่งสิ่งนี้นี้แหละ นี่คือมุกเทพนั่นใช่มั้ย?” ที่แท้ ความรู้ของศาสตราจารย์โจวไม่ใช่คนธรรมดาเทียบได้ การที่รู้จักเขา เหมือนครอบครองสารานุกรมที่พูดได้ทั้งเล่มไว้ ศาตราจารย์โจวมองมุกเทพ หรี่ตาแล้วถาม “ผมดูหน่อยได้มั้ย?”
ฟางเหยียนพยักหน้า แล้วยื่นมุกเทพไปให้ศาสตราจารย์โจว ศาสตราจารย์โจวเอามือเช็ดที่ชุด กลัวจะจะแปดเปื้อนมุกเทพนี้ เขาตะลึงกับความแปลกประหลาดของมัน แล้วรับมุกเทพมาอย่างระมัดระวัง
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จอมนักรบทรงเกียรติยศ