เทียนขุยเห็นเหตุการณ์ จึงได้มองไปที่ฟางเหยียน ในแววตาเต็มไปด้วยความสงสัย หม่าจงหัวนี่มันหมายความว่ายังไง ดีๆอยู่ทำไมถึงได้คุกเข่าลงล่ะ?
ฟางเหยียนก็ไม่รู้เช่นกันว่าหม่าจงหัวหมายความว่าไง ทำไมอยู่ดีๆก็คุกเข่าลง ยังไงหม่าจงหัวก็เป็นคนที่อายุหกสิบเจ็ดสิบปีไปแล้ว แม้ร่างกายจะแข็งแรงมีพลัง แต่เมื่อคุกเข่าต่อหน้าตัวเอง ฟางเหยียนก็รู้สึกไม่เหมาะสมอยู่ดี
ยังไงตระกูลหม่าก็ส่งคนเก่งให้กับประเทศหวาหลายยุคหลายสมัย ในกองกำลังระดับภูมิภาค มีคนของกองทัพจำนวนไม่น้อยที่มาจากตระกูลหม่า ตอนนั้นที่เกิดเรื่องของหม่าซวี่ซง เขาก็ฆ่าหลานชายที่ยโสโอหังของตัวเองอย่างไม่ลังเล ผู้ที่เสียสละเพื่อประเทศชาติแบบนี้ ไม่มีเหตุผลอะไรที่จะต้องคุกเข่าต่อหน้าตน
เมื่อนึกถึงจุดนี้ ฟางเหยียนลุกขึ้นพยุงหม่าจงหัวขึ้นมา แล้วกล่าว “ลุกขึ้นพูดเถอะนะ ผู้นำตระกูลหม่า!”
หม่าจงหัวไม่เพียงไม่ลุกขึ้น แล้วยังเอาหัวโขกกับพื้นอีก นี่ไม่ใช่การคำนับแบบเบาๆ แต่คำนับกับพื้นอย่างรุนแรง จนฟางเหยียนและเทียนขุยได้ยินยังรู้สึกเจ็บ เห็นได้ชัดว่าความสำนึกผิดของเขามหาศาลมากขนาดไหน
หลังจากที่คำนับแล้ว เขาหมอบกับพื้นกล่าวอย่างฟังคำสั่งว่า “จอมพลครับ ถ้าท่านไม่รับปาก ผมจะไม่ลุกขึ้น!”
ฟางเหยียนใจเต้นตึกๆ คิดในใจนี่คุณกำลังรั้งผมอยู่ไม่ใช่เหรอ?ถ้าตนไม่รับปากก็คงไม่ได้จริงๆ!
แต่เขาก็ยังพูดออกมาว่า “คุณพูดมาก่อนว่าเรื่องอะไร ถ้าผมช่วยได้ ผมจะช่วยคุณแน่นอน”
หม่าจงหัวเงยหน้าขึ้น นัยน์ตาเต็มไปด้วยน้ำตา กล่าวด้วยความตื้นตันว่า “ขอบคุณครับ ขอบคุณจอมพลโผ้จวิน!เมื่อคุณพูดแบบนี้ ก็ไม่มีปัญหาอะไรแล้วครับ”
หลังจากพูดจบ เขากล่าวรวดเดียวจบว่า “คืออย่างนี้ครับ หม่ากวงชาวลูกชายที่ไร้ประสิทธิภาพคนนั้นของผม ตกลงให้ตระกูลหม่าของผมเข้าร่วมองค์กรนั้นแล้วครับ!เมื่อหลายปีก่อนองค์กรนั้นเคยมาหาพวกเราแล้ว แล้วยังพูดว่าเพียงแค่เรายินยอม ก็เข้าร่วมกับพวกเขาได้ตลอดเวลา ตั้งแต่ไหนแต่ไรมา ผมปฏิเสธมาโดยตลอด แต่ผมไม่คาดคิด ว่าจะถูกลูกชายที่ไร้ประสิทธิภาพคนนั้นของผม...”
เมื่อพูดถึงจุดนี้ หม่าจงหัวก็กลั้นน้ำตาไว้ไม่อยู่ ชายแมนๆคนนี้ร้องไห้ต่อหน้าฟางเหยียนไปแล้ว หม่าจงหัวคือผู้นำตระกูลของตระกูลหม่า เป็นคนที่มีชื่อเสียงโด่งดังไปทั่วหนานหลิงถึงเขตซีหนาน นักธุรกิจและข้าราชการมากมายล้วนนับหน้าถือตา แต่นึกไม่ถึงว่าเขาจะร้องออกมา ใบหน้าเหี่ยวย่นที่มีอายุเจ็ดสิบปีร้องออกมา ดูแย่มากเหมือนกับเปลือกไม้แก่
ฟางเหยียนจ้องหม่าจงหัว แล้วถาม “คุณหมายถึง เพลิงเสวน?”
แววตาของหม่าจงหัวแข็งทื่อไป เงยหน้าขึ้นมามองฟางเหยียน อาจจะเพราะฟางเหยียนรู้เรื่องเพลิงเสวนจึงทำให้เขารู้สึกแปลกใจ แต่เขาไม่ได้ถามอะไรมากมาย เพียงแต่พยักหน้าแล้วกล่าว “ใช่ ใช่ครับ เพลิงเสวนครับ”
สีหน้าของฟางเหยียนบูดบึ้งลง เขาเอามือไขว้หลังเริ่มเดินไปเดินมาในห้องโถง
นี่เป็นสิ่งที่เขาไม่ได้คาดการณ์ไว้ เขารู้ว่าเพลิงเสวนกำลัง“รวบรวมกำลังคน”อยู่ และได้รับตระกูลใหญ่และผู้มีอำนาจมากเข้ามาแล้วไม่น้อย แต่ไม่คาดคิดว่าแม้แต่ตระกูลหม่าผู้เสียสละเพื่อประเทศชาติมานับพันปีก็จะถูกลากเข้าไปเช่นกัน
ฟางเหยียนสูดหายใจเข้าลึกๆ ถามอย่างสงบว่า “คุณรู้จุดมุ่งหมายของเพลิงเสวนมั้ย?”
หม่าจงหัวขมวดคิ้วขึ้นมา ส่ายหน้ากล่าว “แต่ผมรู้ว่าองค์กรนี้อยู่แบบลึกลับมาโดยตลอด พวกมันรวบรวมตระกูลไว้มากมายแล้ว องค์กรนี้ใหญ่ขนาดไหน ใครอยู่ข้างในบ้าง ผมไม่รู้อะไรเลย!ผมรู้เพียงว่าเมื่อหลายปีก่อนจู่ๆมีคนมาหาถึงที่ ให้พวกเราเข้าร่วมเป็นส่วนหนึ่งขององค์กรพวกมัน แล้วยังสัญญาจะให้ผลประโยชน์มากมายกับเรา”
ฟางเหยียนพยักหน้าเบาๆ จากนั้นก็ส่ายหน้าช้าๆอีก เขาหน้าบึ้ง แล้วกล่าว “งั้นคุณอยากจะให้ผมช่วยยังไง?”
หม่าจงหัวชะงักไป เขาอ้าปาก หลังจากที่สองจิตสองใจไปสักพัก แล้วกล่าว “ผมรู้ว่าองค์กรแบบนี้ต้องสร้างความอันตรายต่อประเทศชาติแน่นอน ในเมื่อพวกเราได้เข้าร่วมกับพวกมันแล้ว งั้นก็ปล่อยให้เป็นไปตามธรรมชาติ ผมอยากเป็นไส้ศึกให้ท่าน หลังจากที่ผมรู้ดีเกี่ยวกับสถานการณ์ภายในแล้ว ค่อยรายงานให้คุณฟัง ถึงตอนนั้นน่าจะมีของที่ท่านต้องการ”
นี่ก็พอเป็นวิธีที่ดี องค์กรนี้ลับๆล่อๆ ทำจนดูลี้ลับ ฟางเหยียนหามาตั้งนาน หาเจอเพียงแค่คนตายไม่กี่คน ถ้ามีคนในเป็นไส้ศึก ก็เท่ากับเจอทางหนีทีไล่แล้ว
เมื่อนึกถึงจุดนี้ ฟางเหยียนเงยหน้าขึ้นมาพูด “โอเค งั้นทำตามที่คุณว่าก็แล้วกัน!”
“ขอบคุณครับจอมพลโผ้จวิน!” เสียงของหม่าจงหัวสั่นคลอนและซาบซึ้ง ดูออกว่าเขาให้ความสำคัญกับชื่อเสียงของตระกูลหม่ามาก
ฟางเหยียนมองเทียนขุย แล้วกล่าว “ไปกันเถอะ เทียนขุย”
พูดจบ เทียนขุยจึงเปิดประตูใหญ่ ฟางเหยียนเดินถึงประตู จู่ๆก็หยุดลง หันหน้ากลับไปพูด “จำไว้นะ ตระกูลหม่าเป็นตระกูลที่น่าภาคภูมิใจตระกูลหนึ่ง!ผมหวังว่าคุณจะทำให้ผมเห็นความภาคภูมิใจของตระกูลหม่าได้”
หม่าจงหัวเงยหน้าขึ้นมองไปรอบๆ เขารู้ว่านี่คือเสียงพันไมล์ ที่ยอดฝีมือใช้กัน
ด้วยเหตุนี้เขาจึงเงยหน้าขึ้น ถามในอากาศที่ไม่มีที่สิ้นสุด “แกเป็นใคร?”
“ฉันเป็นใคร?อิๆๆ ฮ่าๆๆ!” เสียงนั้นอยู่ใกล้แต่รู้สึกใกล้เข้ามาแล้ว เหมือนกับค่อยๆเข้ามาที่ห้องโถงของตระกูลหม่าเข้ามาเรื่อยๆ
หม่ากวงชาวอดกลั้นความหวาดกลัวในใจแล้วกล่าว “พ่อ พ่อ คือเธอ คือคนๆนั้น! ”
หม่ากวงชาวอธิบายคนนั้นให้หม่าจงหัวและคนอื่นฟัง ดังนั้นเมื่อได้ยินเสียง ทุกคนก็รู้ว่าคนนั้นมาแล้ว แต่หม่าจงหัวเห็นอะไรมาเยอะ เขาไม่ได้ซีเรียสอะไรมากนัก กลับกันสงบนิ่งสุดๆ
ทันใดนั้นในห้องก็มีเสียงฝีเท้าดังวุ่นวาย การ์ดป้องกันจำนวนมากวิ่งมาที่สวนของตระกูลหม่าอีกครั้ง
หม่าจงหัวนำหน้าเดินออกไปจากห้องโถง เงยหน้ามองท้องฟ้า จู่ๆบนฟ้ามีกลีบดอกไม้หลายกลีบร่วงหล่นลงมา กลีบดอกไม้เหล่านั้นเหมือนกับหิมะที่ตกลงมาในสวนของตระกูลหม่า
หม่าจงหว่าไม่ค่อยเข้าใจความหมายของกลีบดอกไม้เหล่านี้ แต่หลังจากที่เห็นพวกการ์ดที่อยู่ในห้องพูดคุยกันว่ากลีบดอกไม้นี้มาได้อย่างไรแล้วนั้น ก็รู้ได้ทันที เขารีบตะโกนใส่การ์ด “ทุกคนอย่าชะล่าใจนะ เตรียมตัวไว้ให้ดี!”
เพิ่งพูดจบ เสียงปีศาจดังขึ้น เสียงนี้ยังคงเต็มไปด้วยพลังเวทมนตร์ เพียงแต่ครั้งนี้ดังขึ้นข้างๆหูของทุกคน เห็นชัดเจนมาก ว่าเธอได้เข้าใกล้ทุกคนของตระกูลหม่าแล้ว
“ฟิ่วๆๆ!” จู่ๆ ร่างสีขาวเหมือนลมพัดผ่านร่างกายของการ์ดไป ผ่านไปประมาณหลายสิบวินาที ในสวนของตระกูลหม่าสงบนิ่งสุดๆ ไร้การเคลื่อนไหวเหมือนตายไปแล้ว
วินาทีถัดมา การ์ดทุกคนที่ยืนที่ตระกูลหม่าต่างคุกเข่าลงกับพื้น เลือดที่อยู่ในคอยสาดกระจายออกมาเหมือนน้ำพุ!
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จอมนักรบทรงเกียรติยศ