สวนสาธารณะด้านล่างตึกว่านฉง
ในสวนสาธารณะมีโรงน้ำชาตูหยุนเหมาเจียน โรงน้ำชาตั้งอยู่ตรงประตูใหญ่ของตึกว่านฉง เมื่อนั่งที่โรงน้ำชาจะเห็นการกระทำทุกอย่างที่เกิดขึ้นในตึกว่านฉงได้อย่างใกล้ชิด ตึกว่านฉงเมื่อสองเดือนก่อนเป็นสถานที่ผู้คนขวักไขว่ไปมาไม่ขาดสาย คนแก่จำนวนไม่น้อยจะดื่มน้ำชา พลางพูดคุยเรื่องสัพเพเหระในตึกว่านฉง แต่ตอนนี้กลับไม่มีใครเข้าไปแล้ว มีเพียงผู้เฒ่าไม่กี่คนไม่รู้กำลังยืนคุยอะไรกัน คุยพลาง ส่ายหน้าจากไป
ฟางเหยียนและหยิวอู่นั่งดื่มชาตรงข้ามกันอยู่บนโต๊ะน้ำชาตัวหนึ่งที่โรงน้ำชาตูหยุนเหมาเจียน ด้านหน้าของฟางเหยียนมีชาหนึ่งกาวางอยู่ เขาเทน้ำชาให้ตัวเองหนึ่งแก้วอย่างไม่สนใจอะไร จากนั้นก็ได้เทน้ำชาให้กับหยิวอู่ที่นั่งอยู่ฝ่ายตรงข้ามตัวเองอีกด้วย
หยิวอู่มองไปรอบๆด้วยความหวาดผวา หวังว่าคนที่อยู่ในตึกว่านฉงจะเห็นตนบ้าง
ตึกว่านฉงแห่งนี้ได้กลายเป็นสถานที่ของแก๊งซินหงไปแล้ว ตั้งแต่หลังจากที่พวกเขามาถึงเมืองจินโจว ก็ชอบตึกว่านฉงสถานที่แห่งนี้ ดังนั้นสาขาของแก๊งซินหงที่เมืองจินโจวจึงได้ตั้งอยู่ที่ตึกว่านฉง
จะว่าไป แก๊งซินหงยังมียอดฝีมือคอยบัญชาการอยู่ นึกไม่ถึงว่าดูแค่แว็บเดียวก็จะถูกใจตึกว่านฉงที่ตำแหน่งฮวงจุ้ยดีเลิศได้
“ทำไม? หวาดผวามากเลยเหรอ?” ฟางเหยียนเทชาให้หยิวอู่ พลางถามอย่างสบายๆ
หยิวอู่ส่งเสียงหาออกมา เหมือนกับตกใจอะไรประมาณนั้น จ้องไปที่ฟางเหยียนอย่างเหงื่อไหลไคลย้อยไปทั้งตัว ฟางเหยียนเยาะเย้ยไปว่า “นี่เป็นชาตัวใหม่ที่เพิ่งเด็ดมาในปีนี้ ตูหยุนเหมาเจียน อร่อยมาก แกลองดูสิ!”
พูดจบ ฟางเหยียนยกแก้วขาของตัวเองขึ้นมา แล้วกล่าว “ปีที่แล้วฉันชอบมาดื่มชาที่นี่ แต่ชาของที่นี่ไม่อร่อยเท่าด้านใน ฉันค่อนข้างชอบชาของตึกว่านฉงมากกว่า”
พูดพลาง ฟางเหยียนก็มองไปที่ตึกว่านฉง นี่เป็นเพนท์เฮาส์ที่สูงสิบสองชั้น ตัวอาคารเหมือนเจดีย์ ชั้นล่างใหญ่มาก ยิ่งชั้นสูงยิ่งเล็ก แต่พื้นที่ใช้สอยกลับอยู่ที่สองสามร้อยตารางเมตร เป็นอาคารที่สิ่งโตมโหฬารอย่างแน่นอน
“แก แกต้องคิดให้ดีๆนะ แกต้องรู้นะว่าตัวเองกำลังทำอะไรอยู่” หยิวอู่กัดฟัน แล้วกล่าวอย่างอ้ำๆอึ้งๆ
ฟางเหยียนพยักหน้าส่งเสียงหืม “ไร้สาระ หุบปากของแกไปซะ ดื่มชาไป!”
“แก๊งซินหง ใช้เวลาสิบนาทีก็ทำลายได้แล้ว” ฟางเหยียนยังคงชิลล์ๆอย่างเคย
เมื่อเห็นท่าทีจริงจังของฟางเหยียน หยิวอู่เงยหน้ามองไปรอบๆโดยปริยาย เขาไม่เชื่อว่าคนๆหนึ่งจะมีฝีมือแบบนี้ได้ จะต้องมีคนแอบซ่อนตัวอยู่ใกล้ๆแน่นอน ไอ้นี่มันต้องพาคนมาด้วยแน่นอน
ฟางเหยียนเห็นท่าทีที่น่าขำของหยิวอู่ จึงถามขึ้นมาโดยปริยายว่า “แกดูอะไร? แกคิดว่าการต่อสู้กับคนแค่นั้น ฉันจะตามคนมาเหรอ? ก็แค่แก๊งซินหง ไม่มีค่าอะไรเลยแม้แต่น้อย”
ยโสโอหัง! ไอ้นี่มันโอหังได้สุดยอดจริงๆ ตอนนี้มันโอหังมากขนาดไหน อีกเดี๋ยวมันก็จะอนาถขนาดนั้นแหละ!
“แกรู้มั้ยว่าซินหงมีกี่คน? ลำพังแค่คนที่อยู่ที่ตึกว่านฉง ก็หลายพันคนไปแล้ว! นอกจากพวกเขาจะมีอาวุธแล้ว ยังมีปืนด้วย! ต่อให้แกจะเก่งกาจ แต่แกเอาชนะปืนได้มั้ย?” หยิวอู่ข่มขู่ฟางเหยียนอย่างเกรี้ยวกราด
ฟางเหยียนยกแก้วชาขึ้นมาอย่างไม่สนใจ ดื่มชาต่อ จากนั้นก็พูดเองเออเองออกมาหนึ่งคำว่า “ปืน!”
ปืนคำนี้เมื่อออกมาจากปากของฟางเหยียน เหยียดหยามได้ขนาดไหนก็เหยียดหยามมากขนาดนั้น ราวกับว่าของสิ่งนี้เหมือนมีดเหลาดินสอที่ไม่น่าแปลกใจตรงไหน หยิวอู่ส่งเสียงเหอะออกมา กล่าวอย่างเคียดแค้นว่า “แล้วแกจะรู้ความเก่งกาจของแก๊งซินหง”
“อ๋อ!” ฟางเหยียนไม่สนใจเขา ดื่มชาต่อไป
“เอ๊ะ พี่อู่ ทำไมพี่มาอยู่ตรงนี้ได้ล่ะ?” จู่ๆ ชายคนหนึ่งเดินออกมาจากตึกว่านฉงจำหยิวอู่ได้
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จอมนักรบทรงเกียรติยศ