“ตอนแรกทุกคนต่างนึกว่าเป็นเทพเซียน คิดอย่างไรก็คิดไม่ถึงว่าจู่ๆ จะเผยคำพูดแบบปีศาจร้ายออกมา นี่ทำให้ทุกคนผิดหวังเหลือจะกล่าว ชายชรานั่นเล่าให้ทุกคนฟังว่า ในอดีตภูเขาทิพย์ไม่ได้เรียกว่าภูเขาทิพย์ แต่เรียกว่าภูเขาว่างเปล่า เพราะพื้นที่ส่วนใหญ่ของภูเขาไร้สัตว์ป่า กระทั่งนกยังมีน้อยมาก ดังนั้นจึงเรียกว่าภูเขาว่างเปล่า แต่อยู่ใกล้ภูเขากินภูเขา อยู่ใกล้น้ำกินน้ำเป็นประเพณีที่สืบทอดกันมาของประเทศหวา ในส่วนนี้ไม่ว่ายุคสมัยไหนก็ไม่เคยเปลี่ยนแปลง เวลานั้นมีคนจำนวนไม่น้อยขึ้นเขาไปเก็บฟืน บางคนจะไปล่าสัตว์ก็มี ภายหลังมีคนบอกว่าพบเห็นปีศาจอยู่ในนี้ ดังนั้นเรื่องที่ภูเขาว่างเปล่าแห่งนี้มีปีศาจจึงเผยแพร่ออกไปเช่นนี้”
“แต่ปีศาจตนนั้นไม่เคยทำร้ายชาวบ้าน ตรงกันข้ามเขาเพียงปรากฏตัวแค่ครั้งสองครั้ง และไม่เคยปรากฏตัวออกมาอีก ตอนนั้นที่นักสำรวจกลุ่มนั้นเข้าไปในภูเขา ทุกคนจึงลอบยินดีอยู่ในใจ เพราะพวกเขาต่างรู้ว่ากลุ่มคนเหล่านั้นจะต้องตาย! ต่อมาก็ตายจริงๆ เป็นปีศาจที่ฆ่านักสำรวจเหล่านั้น”
“ตอนนั้นทุกคนเฝ้าภาวนาให้ปีศาจฆ่านักสำรวจทุกคน ถึงแม้ว่าเวลานั้นความสัมพันธ์ของคนส่วนใหญ่ล้วนไม่ได้ดีนัก แต่เป้าหมายของทุกคนคือร่วมต้านศัตรูภายนอก ไม่มีใครที่ยินยอมให้นักสำรวจมารุกรานในที่ของตน มารังแกเพื่อนร่วมชาติของตนในพื้นที่ของตนเอง นี่เป็นสายเลือดที่อยู่ในใจของคนประเทศหวาเรา ไม่มีใครยอมมองเพื่อนร่วมชาติของตนเองถูกนักสำรวจที่มาจากภายนอกประทุษร้าย!”
“ต่อมาคนของนักสำรวจตายมากเกินไป เพื่อค้นหาว่าเป็นฝีมือใครพวกเขาจึงเริ่มฆ่าชาวบ้านในดินแดนตะวันตกอย่างกำเริบเสิบสาน ชาวบ้านในตอนนั้นล้วนเป็นชาวบ้านมือเปล่า จะไปสู้กับคนที่มีปืนผาหน้าไม้อยู่ในมือและมีทุกอย่างพร้อมสรรพได้อย่างไรกัน? คนที่ไม่อยากตายเหล่านั้น จึงรับปากพวกเขาว่าจะเข้าไปในภูเขาค้นหาปีศาจ ในคืนวันนั้น ไม่รอให้คนขึ้นไปบนเขา สัตว์ประหลาดตัวหนึ่งก็ออกมาจากภูเขาทิพย์ หน้าตามันแปลกประหลาดมาก ไม่มีใครเห็นรูปลักษณ์ของมันได้ชัด เพราะหน้าตาของมันผิดแผกจากมนุษย์เกินไป ส่วนรูปลักษณ์เป็นอย่างไรนั้น ผมขอไม่พูดแล้วกัน เพราะทุกคนต่างพูดจาไม่ตรงกันสักคน พูดออกมาสิบคนก็มีหน้าตาสิบแบบ หลังจากที่มันออกมา ก็เหมือนว่ามันตั้งใจจะมาช่วยชาวบ้านโดยเฉพาะ มันฆ่านักสำรวจทั้งหมดที่มายึดครองดินแดนตะวันตก คืนความสุขให้กับดินแดนตะวันตกอีกครั้งหนึ่ง ต่อมา บนภูเขาว่างเปล่าแห่งนั้นก็เริ่มมีสัตว์ป่านานาชนิดพากันมาอยู่ไม่น้อย นอกจากนี้ ก็ยังมีสัตว์ป่าจำนวนไม่น้อยที่อพยพออกไปจากภูเขาว่างเปล่าแห่งนั้นด้วยเช่นกัน เนื่องจากมีสัตว์ศักดิ์สิทธิ์อยู่จำนวนไม่น้อย และยังมีสัตว์ประหลาดที่เคยช่วยทุกคนตัวนั้นอยู่อีก ดังนั้นเพื่อให้ความเคารพกับคนที่เคยช่วยพวกเขาคนนั้น ทุกคนจึงเรียกขานภูเขาว่างเปล่าว่าภูเขาทิพย์
“ทิพย์ ที่หมายถึงความเป็นสิริมงคลและพลังศักดิ์สิทธิ์ นี่ก็คือการชมเชยสถานที่ในรูปแบบหนึ่ง ดังนั้นที่เรียกว่าภูเขาทิพย์ จึงเป็นการเคารพสัตว์ประหลาดที่เคยช่วยทุกคนตัวนั้น ถือเป็นการตอบแทนที่เขาช่วยเหลือทุกคน”
“ไม่รู้ว่าคุณรู้เรื่องหนึ่งหรือไม่ สัตว์ที่ผ่านเคราะห์จำเป็นต้องขอคำชมจากชาวบ้าน ยกตัวอย่างพังพอนเหลืองก็แล้วกัน ในอดีตพังพอนเหลืองต้องการเปลี่ยนเป็นเซียนเหลืองจึงจำเป็นต้องขอคำชมจากมนุษย์ เขาจะปรากฏตัวต่อหน้าคนที่กำลังเดินถนนในยามค่ำคืน ถามคนคนนั้นว่าฉันมีหน้าตาเหมือนมนุษย์หรือไม่ หากคนคนนั้นบอกว่าเหมือน หรือเรียกอีกฝ่ายว่าเซียนเหลืองสักประโยค พังพอนเหลืองตัวนั้นก็จะสำเร็จมรรคผล ทั้งยังจะตอบแทนคนคนนั้นอีกด้วย หากพูดว่าพังพอนเหลืองหรือเจ้าหัวขโมยเหลืองขึ้นมาสักประโยค นั่นเท่ากับเป็นการสูญเสียพลังบำเพ็ญ ถึงเวลาเขาจะมาแก้แค้นคนที่เรียกเขาแบบนั้น”
สำหรับในส่วนนี้ฟางเหยียนย่อมรู้ นี่ก็คือการสถาปนาโดยชอบธรรม สัตว์ที่ผ่านเคราะห์จะกลายเป็นเซียนได้หรือไม่ต้องดูว่าเขาเป็นแบบไหนในสายตาชาวบ้าน หากถูกชาวบ้านร้อยคนสถาปนาโดยชอบธรรม ก็สามารถเลื่อนขั้นเป็นขุนนางได้ หากสามารถทำให้หมื่นคนสถาปนาโดยชอบธรรม นั่นก็เท่ากับได้เลื่อนขั้นเป็นท่านอ๋อง หากมีชาวบ้านมากกว่าครึ่งในใต้หล้าสถาปนาโดยชอบธรรมเขาก็จะเป็นเทพ นั่นเท่ากับสถาปนาเป็นองค์จักรพรรดิ แน่นอนว่าหากสามารถสถาปนาได้เป็นถึงองค์จักรพรรดิ นั่นก็สามารถโบยบินขึ้นไปสู่ฟ้า ทะยานสู่การเป็นเทพได้!
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จอมนักรบทรงเกียรติยศ