ฟางเหยียนอุทานออกมา แล้วถามว่า “ทำไมถึงพูดเช่นนี้?”
หยางจิ่งเซียนกล่าวว่า “หลายปีก่อน มีคนบอกว่าพบเห็นเขาอยู่บนภูเขา ร่างเขาส่องประกายสีทองแล้ว สามารถส่องประกายสีทองได้ นั่นต้องเป็นเพราะสำเร็จมรรคผลแล้วอย่างแน่นอน ผมคิดว่าเขาคงจะบำเพ็ญเพียรจนกลายเป็นเทพไปแล้วล่ะ! ด้วยฐานะของคุณ หากต้องการพบหน้าเขาสักครั้ง คงจะไม่ใช่เรื่องยากอะไร! เพราะคุณคือเทพแห่งสงครามของประเทศหวานี่นา หากสามารถช่วยเหลือเทพแห่งสงครามได้ ผมคิดว่าเทพเจ้าที่ผ่านการบำเพ็ญเพียรเหล่านั้นก็คงจะเป็นฝ่ายช่วยคุณเช่นเดียวกันนั่นแหละ! แน่นอนว่า นี่อาจจะดูงมงายไปบ้าง จะเชื่อไหมยังต้องดูที่ตัวคุณเองด้วย”
ตัวฟางเหยียนเองก็ยากที่จะเชื่อเช่นกัน แต่ไม่ใช่ว่าเขาไม่เชื่อเรื่องงมงาย บนโลกใบนี้มีสิ่งที่ยากจะอธิบายอยู่มากมายจริงๆ เพียงแต่สำหรับของอย่างพวกเทพเซียนแล้ว ฟางเหยียนยังไม่เคยพบ ผิดกับผีสางที่เขาเห็นมาไม่น้อย
เพราะเหตุใดศาสตราจารย์โจวถึงได้แนะนำคนเช่นนี้ให้ตนกัน หรือเขาคิดว่าตนจะต้องมองเห็นฉินเสียงหลินอย่างแน่นอน?
“จริงสิ จอมพล ขอบังอาจถามสักประโยค คุณตามหาเขาทำไมเหรอ?”
ฟางเหยียนพยักหน้าอย่างใช้ความคิด พลางตอบว่า “มีข้อสงสัยบางอย่างต้องการให้เขาไขข้อข้องใจ”
“อ้อ!” หยางจิ่งเซียนกล่าวว่า “งั้นลองทำแบบนี้ดูก็ไม่เสียหาย คุณพักอยู่ที่นี่ก่อน รอผ่านพรุ่งนี้ไป ผมจะให้คนพาคุณไปที่ภูเขาทิพย์ เป็นอย่างไร?”
“ดี!” ฟางเหยียนเองก็ไม่อิดออดเช่นกัน ตกปากรับคำทันที พรุ่งนี้เป็นวันแต่งงานของหวังชิงชิง ย่อมไม่อาจไปพรุ่งนี้ได้ หวังชิงชิงถูกบังคับ หากเกิดเหตุการณ์บางอย่างขึ้นที่งาน เขาจะเป็นคนแรกที่ยืนขึ้นไป เป็นคนของเขาวันหนึ่ง เท่ากับเป็นคนของเขาตลอดชีวิต แม้ว่าหวังชิงชิงจะไม่ใช่สำนักเจ็ดพิฆาต แต่อย่างไรก็เคยทำงานให้ตน
หากเป็นไปได้ เขาก็ไม่ถือสาที่จะไปดูหลังผ่านพิธีแต่งงานของหวังชิงชิงไปแล้ว แต่สภาพจิตใจของเขาในตอนนี้ไม่เหมือนกับเมื่อสักครู่แล้ว เมื่อสักครู่เขายังมั่นใจเต็มเปี่ยมว่าฉินเสียงหลินจะช่วยไขข้อข้องใจให้ตนได้บ้าง ตอนนี้ฟังหยางจิ่งเซียนพูดว่าเขาเป็นเพียงตำนานเรื่องหนึ่ง ถูกทุกคนบูชาเป็นเทพเจ้า นี่เลยทำให้เขากังขาในตัวศาสตราจารย์โจวเป็นอย่างยิ่ง
แต่ศาสตราจารย์โจวทำเรื่องอะไรก็เป็นเช่นนี้ ไม่อาจอิงตามหลักเหตุผลได้ แต่ละเรื่องที่เขาทำล้วนแปลกประหลาดทั้งสิ้น
ช่วยไม่ได้ ได้แต่รออีกสักหน่อยค่อยโทรหาเขา ถามเรื่องราวให้แน่ชัด!
หยางจิ่งเซียนได้ยินฟางเหยียนยอมพักอยู่ที่นี่ ก็กล่าวขึ้นอย่างตื่นเต้นเล็กน้อยว่า “นี่คงจะเป็นช่วงเวลาที่รุ่งเรืองที่สุดของตระกูลหยางเรา ถึงกับสามารถทำให้จอมพลพักอยู่ได้ นี่ นี่ นี่ช่างเป็นเกียรติแก่วงศ์ตระกูลโดยแท้”
“เกรงใจไปแล้ว!” ฟางเหยียนพูดด้วยท่าทางปลอดโปร่ง “คุณไม่ต้องเรียกผมว่าจอมพลหรอก ผมเป็นผู้น้อย คุณเรียกผมว่าเสี่ยวเหยียน! หรือจะเรียกชื่อผมตรงๆ ว่าฟางเหยียนก็ได้! ผมไม่อยากสร้าง “ความยุ่งยาก” ให้ที่นี่โดยไม่จำเป็น”
“ครับๆๆ!” หยางจิ่งเซียนพูดว่าครับสามคำติดกัน ใบหน้ายิ้มร่า
ขณะที่คนทั้งสองเพิ่งจะจบบทสนทนา ประตูก็ถูกเคาะเสียงดัง เจ้าใหญ่หยางเดินเข้ามาจากข้างนอก เขาพูดด้วยสีหน้าเคร่งเครียดว่า “พ่อ เจ้าสามเขาดูแย่ลงกว่าเมื่อกี้เสียอีก สงสัยมีดเล่มนั้นจะมีพิษ!”
“อะไรนะ?” หยางจิ่งเซียนเปลี่ยนเป็นตกใจจนหน้าถอดสี เขารีบลุกขึ้นเดินออกไปข้างนอกทันที
ฟางเหยียนเห็นเช่นนี้ ก็รีบเดินตามไป
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จอมนักรบทรงเกียรติยศ