คำพูดของฟางเหยียนเห็นได้ชัดว่าไม่เห็นจอมพลโผ้จวินในสายตาเลย และยิ่งเป็นการบดขยี้ใบหน้าของตระกูลโจวบนพื้น อวดดี บ้าระห่ำ หากจะบอกว่าโจวเจิ้งอวดดีบ้าระห่ำ ทว่าสำหรับฟางเหยียนแล้วก็แค่นั้น เขาถึงจะเป็นผู้บ้าระห่ำตัวจริง
ตู่เหย่นหลงที่ยื่นอยู่ข้างโจวปินคางสาวเท้ามาเบื้องหน้าอีกครั้ง ทว่าไม่นาน สายตาของฟางเหยียนจึงหล่นไปอยู่ที่ตู่เหย่นหลง เขาหัวเราะเยือกเย็นขึ้นมา เอ่ยถามว่า “ทำไม? จะให้ไอ้บอดนี่ต่อสู้กับฉันงั้นเหรอ?”
เขามองตู่เหย่นหลงด้วยความสงบนิ่ง จากนั้นสายตาก็ชักกลับมายังโจวปินคาง คนตาบอดผู้นั้นเป็นเพียงแค่เศษขยะเท่านั้น ไม่เพียงพอที่จะดึงดูดความสนใจจากเขาได้ หากเป็นยอดฝีมือ เขาก็อาจจะยังพิจารณามองนานกว่านี้หน่อย
โจวปินคางเอ่ยขึ้นด้วยความโมโห “ฉันอุตส่าห์เห็นแกเป็นแขกผู้มีเกียรติของตระกูลโจว คิดไม่ถึงเลยว่าแกจะมาก่อเรื่องที่บ้านตระกูลโจวของฉัน! หรือก่อนที่จะก่อเรื่อง แกไม่ได้ทำความเข้าใจถึงเบื้องลึกของตระกูลโจวฉันมาก่อนใช่ไหม?”
แม้ว่าโจวปินคางจะทราบว่ากำลังภายในของตนเองจะไม่ได้ดีเท่าชายหนุ่มวัยรุ่นที่อยู่เบื้องหน้า ทว่าที่นี่คือบ้านของตระกูลโจว รอบๆ ล้วนเป็นคนของตระกูลโจว ยิ่งไปกว่านั้นยังมีจอมพลโผ้จวินออกนั่งบัญชาการรักษาการณ์ด้วยตนเองอีกด้วย เขามีสิทธิ์อันใดที่จะต้องเกรงกลัวชายผู้นี้
ฟางเหยียนหัวเราะอย่างเยือกเย็น เอ่ยว่า “ตระกูลโจวแล้วยังไง เป็นตระกูลโจวก็จะสามารถแย่งผู้หญิงของชาวบ้านไปได้งั้นเหรอ? เป็นตระกูลโจวก็สามารถบังคับให้คนอื่นทำในเรื่องที่คนอื่นไม่ชอบได้งั้นเหรอ? ตระกูลโจวก็สามารถรังแกคนที่อ่อนแอกว่าได้งั้นเหรอ?”
คำซักไซ้ถามที่มาต่อเนื่องเป็นชุด พละกำลังของฟางเหยียนเองก็เดือดดาลจนถึงขีดสุดขึ้นมาในทันทีแล้ว
ถ้าหากว่าเขาโมโหขึ้นมา ทั้งตระกูลโจวก็สามารถกลายเป็นเถ้าถ่านได้ภายในพริบตาเดียวเช่นกัน!
ตู่เหย่นหลงผู้นั้นกำหมัดขึ้นมา เตรียมที่จะโจมตีไปยังฟางเหยียน ทว่าถูกโจวปินคางห้ามเอาไว้
เขาลุกจากเก้าอี้ยืนขึ้นช้าๆ พร้อมเอ่ยถามว่า “แกมีสิทธิ์อะไรมาบอกว่า ตระกูลโจวของเราแย่งผู้หญิงจากชาวบ้านมา? ชิงชิงเป็นคู่หมั้นแต่วัยเด็กที่หมั้นไว้ตั้งแต่แปดขวบของตระกูลโจวเราแล้ว ตอนนี้ก็ตบแต่งตามธรรมเนียมแล้ว จะมาบอกว่าเป็นการบังคับได้ยังไง?”
“อย่างนั้นเหรอ? ไม่ได้บังคับ? ไม่ได้บีบ?” ฟางเหยียนซักไซ้สอบถาม จากนั้นก็เดินไปหาหวังชิงชิงทีละก้าว
โจวเจิ้งรีบคว้าร่างของหวังชิงชิงเอาไว้ทันที คว้าร่างของเธอเอาไว้ด้านหลังของตนเอง
โจวเจิ้งเอ่ยถามด้วยสีหน้าที่ตื่นตระหนกและโมโห “แก แกจะทำอะไร?”
ฟางเหยียนไม่ได้ตอบคำถาม ยังคงสาวเท้าเดินเข้าไปใกล้ยิ่งขึ้น โจวเจิ้งอดไม่ได้ที่จะถอยหลังไปสองก้าว
เมื่อเห็นฉากนี้ โจวชื่อเจี๋ยก็อดไม่ได้เช่นกัน เขาสาวเท้าเดินมาข้างหน้า ยกมือขึ้นมาชี้หน้าเอ่ยถามฟางเหยียน “แกจะทำอะไร? ไม่เห็นหัวคนตระกูลโจวฉันเลยใช่ไหม?”
เพิ่งจะสิ้นเสียง อยู่ๆ ภายในห้องก็มีบอดี้การ์ดชุดดำถืออาวุธครบมือกลุ่มหนึ่งเดินเข้ามาอีกครั้ง
คราวนี้ โจวปินคางเลือกที่จะเงียบ ใบหน้าของเขาก็มีความดูไม่ได้แล้ว หากไม่สั่งสอนเจ้าหมอนี่อยู่เช่นนี้ เกรงว่าคนที่นั่งอยู่เหล่านี้จะดูถูกตระกูลโจวเอาได้
สำหรับเหตุการณ์เช่นนี้ ฟางเหยียนไม่สนใจเลยแม้แต่น้อย ราวกับว่าคนเหล่านี้ไม่ข้องเกี่ยวอะไรกับเขาเลย เขาเพียงแค่เอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงเย็นชา “ฉันก็แค่อยากจะดูว่าพวกแกได้บังคับให้เจ้าสาวทำเรื่องที่ไม่ต้องการทำหรือไม่!”
ภายในใจของหวังชิงชิงได้เต้นระรัวตั้งแต่นานแล้ว ในที่สุด เธอก็ตัดสินใจเอ่ยขึ้น “นายน้อย!”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จอมนักรบทรงเกียรติยศ