จอมนักรบทรงเกียรติยศ นิยาย บท 593

เมื่อคิดถึงตรงนี้ เขาก็พุ่งไปตามเสียงขลุ่ยไม้ไผ่ เสียงของขลุ่ยไม้ไผ่นั้นช่างเบาบางเลื่อนลอย และแฝงด้วยเสน่ห์ที่ทั้งอ่อนโยนและกล้าหาญ อย่างไรก็ตามมันเป็นสิ่งที่ส่งออกมาจากกำลังภายใน ฟางเหยียนก็ได้ยินมันหลังจากที่ใช้กำลังภายในออกมา

สำหรับคนทั่วไปก็ไม่มีทางที่จะได้ยินเสียงของขลุ่ยไม้ไผ่นี้

มีเพียงยืนอยู่สูงขึ้นไป ถึงมองได้ไกลออกไป ได้ยินอย่างละเอียดขึ้น

ฟางเหยียนมุ่งขึ้นไปบนตึกสูง กำแพงแนวตั้ง 90 องศานั้นก็เป็นเสมือนถนนที่เรียบสำหรับฟางเหยียน

มีเด็กสาวสองคนที่กลับมาจากโรงเรียน ขณะกำลังขับรถไฟฟ้าเธอก็เห็นชายคนหนึ่งกำลังเดินอยู่บนกำแพง

“เมื่อกี้เธอเห็นไหม? มีคนเดินขึ้นไปบนกำแพงหรือเปล่า?” เด็กสาวที่นั่งข้างหลังถามด้วยความประหลาดใจ

คนที่ขับรถไฟฟ้ามองไปที่ถนน ไหนเลยจะเห็นว่ามีใครเดินอยู่บนตึกสูง

เธอขมวดคิ้วและพูดว่า "เธอตาฝาดรึเปล่าน่ะ? ใครจะไปเดินบนกำแพงได้?"

“จริงๆนะ! ฉันเห็นจริงๆ” เด็กสาวอธิบายอย่างหนักแน่น เธอเห็นผู้ชายคนหนึ่งกำลังเดินไปที่หลังคา

“เธออย่ามาพูดเว่อร์ๆเชียวนะ นี่มันดึกแล้ว เธออยากให้คืนนี้ฉันนอนไม่หลับหรือไง?” เด็กสาวที่ขี่รถไฟฟ้ากำลังคิดไปถึงภาพหลอกหลอนในตอนกลางคืน

เด็กสาวที่นั่งเบาะหลังขยี้ตาของตนและมองไปยังตึกสูงอีกครั้ง ตอนนี้เธอมองไม่เห็นใครอีก แต่ว่าเมื่อกี้นี้เธอก็แน่ใจว่าตนไม่ได้ตาฝาดไป เธอเห็นชายคนหนึ่งกำลังปีนขึ้นไปบนตึกสูงจริงๆ

ฟางเหยียนมาถึงด้านบนสุดของอาคารแล้วและยืนอยู่บนยอดสูงตระหง่าน ลมยามเย็นพัดผ่านมากระทบลงบนใบหน้าของฟางเหยียน เขาไม่รู้สึกถึงความหนาวเย็นที่เกิดจากลมยามค่ำคืน นั่นเพราะเลือดของเขาเย็นเยียบ แม้แต่ผิวหนังร่างกายของก็เย็นเช่นกัน

เมื่อยืนอยู่บนยอดอาคารสูงตระหง่าน เสียงขลุ่ยไม้ไผ่ก็ยิ่งชัดเจนขึ้น

อีกทั้งเขายังเห็นผู้หญิงในชุดฮั่นฝูสีขาวซึ่งอยู่ที่อาคารสูงฝั่งตรงข้าม หญิงสาวราวกับแสงอาทิตย์ท่ามกลางค่ำคืนอันมืดมิด ริบบิ้นสีขาวโบกพลิ้ว เกิดเป็นความรู้สึกหอมเย้ายวน

หญิงสาวกำลังเป่าขลุ่ยไม้ไผ่อย่างเข้าถึงอารมณ์ ส่วนสิ่งที่เปล่งออกมาจากขลุ่ยไม้ไผ่ไม่ใช่ท่วงทำนอง แต่เป็นไอสังหาร

“พูดมาเถอะ คุณเป็นใคร?” ฟางเหยียนถามผู้หญิงที่อยู่ในอาคารสูงฝั่งตรงข้าม

ฝั่งตรงข้ามอยู่ห่างจากตัวเขาราวสิบห้าสิบหก ไม่ได้ใกล้มากนัก แต่คำพูดก็พอที่จะให้อีกฝ่ายได้ยินได้

หญิงสาวหยุดการกระทำในมือของเธอลง จากนั้นก็ค่อยๆ หันศีรษะมามองที่ฟางเหยียน

ใบหน้าของเธอแฝงด้วยรอยยิ้มน้อยๆอันมีเสน่ห์ เมื่อดวงตาของเธอเห็นขลุ่ยไม้ไผ่ในมือของฟางเหยียน การแสดงออกก็เปลี่ยนไปทันที เริ่มจากตกตะลึงก่อนแล้วค่อยเปลี่ยนเป็นระมัดระวัง

เธอเอ่ยถาม "ขลุ่ยไม้ไผ่ในมือนายเป็นคนที่ชื่อว่าฉู่หยางมอบให้ใช่หรือไม่?"

อย่างที่คิดไว้ ที่มาเป็นเพราะขลุ่ยไม้ไผ่ในมือของตน

โดยไม่ต้องรอให้ฟางเหยียนถาม หญิงสาวพูดว่า "มอบขลุ่ยไม้ไผ่ในมือคุณมาซะ แล้วฉันจะไว้ชีวิตนาย"

พูดจบ หญิงสาวก็เก็บขลุ่ยไม้ไผ่ของตนขึ้นมาและยืนขึ้นจากที่ที่เธอเพิ่งนั่งอยู่

หญิงสาวคนนี้แฝงด้วยกลิ่นอายของเซียน มองดูแล้วไม่เข้ากับคนสมัยใหม่เท่าไหร่ เธอดูราวกับสาวงามยุคโบราณที่เดินออกมาจากภาพทิวทัศน์แห่งขุนเขาและสายน้ำ มีกลิ่นอายเป็นของตัวเอง

ฟางเหยียนมองไปที่ขลุ่ยไม้ไผ่ในมือของเขา เขาไม่ได้ใส่ใจอะไรกับขลุ่ยไม้ไผ่อันนี้จริงๆ และต่อให้มันจะดูไม่มีอะไรในสายตาเขา แต่เขาก็ไม่มอบมันให้ นั่นเพราะนี่คือสิ่งที่ฉู่หยางมอบให้เขา

“ผู้เฒ่าฉู่หยางเป็นเธอที่ฆ่าเขา?” ฟางเหยียนถามอย่างเย็นชา

หญิงสาวหัวเราะ จากนั้นก็ส่ายหัวและพูดว่า “แน่นอนว่าไม่ใช่ ฉันแค่มีหน้าที่เอาขลุ่ยวิเศษกลับคืนมา! มนุษย์ ฉันขอแนะนำให้นายทางที่ดีอย่าได้ยุ่งไม่เข้าเรื่อง มอบขลุ่ยวิเศษมา แล้วใช้ชีวิตของนายไปซะ มิฉะนั้น ..."

เมื่อเธอพูดถึงตรงนี้ ดวงตาของเธอก็เปล่งแววความตายออกมา

มนุษย์! หรือว่าเธอจะคิดไปว่าตัวเองเป็นเซียนแล้วจริงๆ?

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จอมนักรบทรงเกียรติยศ