หญิงหน้ากากพยัคฆ์ถูกจ้องมองเช่นนี้ ภายในใจก็รู้สึกผวาขึ้นมาทันที ความเยือกเย็นที่แผ่ซ่านออกมาจากสายตาคู่นั้น ทำให้เธอรู้สึกได้ถึงความเย็น เสียวสันหลังวาบ สายตาคู่นั้นราวกับเป็นขุมนรกอเวจี ที่ไม่สามารถหยั่งรู้ถึงความลึกความตื้นจากมันได้เลย ราวกับจะสามารถผ่านทะลุจิตวิญญาณของเธอได้ ทำให้เธอรู้สึกตกตะลึงตัวสั่น
ในเวลานี้หญิงหน้ากากพยัคฆ์จึงทราบถึงส่วนที่น่ากลัวที่สุดของสัตว์ประหลาดเบื้องหน้า ผู้ที่ไม่เคยเห็นความน่ากลัวของเขามาก่อน ไม่มีทางรับรู้ได้ว่าอะไรคือความหวาดผวาจนตัวสั่น ครั้นสิ่งที่หญิงหน้ากากพยัคฆ์ไม่รู้ก็คือ นอกจากเธอ สองคนที่อยู่ด้านหลังก็หวาดกลัวไม่น้อยไปกว่าเธอเลย มีแต่จะมากกว่าด้วยซ้ำไป!
เธอจำต้องรวบรวมอารมณ์ของตนเองกลับคืนมา เนื่องจากขวังซือได้เข้ามาใกล้ทั้งสามคนแล้ว ไม่มีเวลาให้คิดมาก เธอได้ตะโกนขึ้นเสียงดังทันที “ร่วมมือร่วมใจกัน ห้ามประมาทศัตรูเด็ดขาด!”
ทั้งสองคนนั้นขานรับพร้อมกัน พวกเขาได้ตั้งการ์ดเตรียมพร้อมสู้รบเรียบร้อยแล้ว ทว่าเธอได้พุ่งเข้าไปหาขวังซืออย่างรวดเร็วโดยไร้ซึ่งความลังเลใจ
การต่อสู้เริ่มต้นขึ้น ณ บัดนี้!
สามคนพุ่งเข้าไป ทันใดนั้นสถานที่ก็อลหม่าน พร้อมทั้งฝุ่นลอยคลุ้งตลบอบอวล และทั้งสี่ทิศเนื่องจากการต่อสู้ของทั้งสี่คน จึงทำให้มองสถานการณ์ข้างในไม่ชัดเจน ได้ยินเพียงเสียงกระทบกระแทกอันดังกึกก้องและรุนแรง
ศึกนี้สามารถเอ่ยได้ว่าเป็นศึกสะท้านพิภพสะเทือนนรก เรือนตระกูลฟางที่เดิมทีมีท้องฟ้าแจ่มใส ครั้นเวลานี้กลับกลายเป็นภาพอันพิลึกที่มีฝุ่นลอยคลุ้งตลบอบอบอวล ปกคลุมไปทั่วทั้งท้องนภา
ครั้นผู้ที่เห็นเหตุการณ์บริเวณด้านนอกตระกูลฟางนั้น ก็เริ่มพูดคุยกันเรื่อยเปื่อยโดยไม่ทราบมูลเหตุด้วยความตกตะลึงอีกครา
“ตระกูลฟางน่ากลัวเกินไปแล้ว มีมังกรตัวจริงออกมาก็ไม่เท่าไร หรือว่าจะทำอีกครั้ง? มังกรตัวจริงเชียวนะ มีแต่ในนิทานโบราณเท่านั้นแหละ แม่เจ้าโว้ย น่าเหลือเชื่อเกินไปแล้วนะ”
“……”
การต่อสู้ศึกใหญ่นี้ยังคงดำเนินต่อไป นอกจากฝุ่นตลบอบอวล ลมพายุพัดแรงแล้ว ก็ไม่มีอันใดที่มองเห็นได้อีก
อีกทั้งฟางจินหยวนเองก็อดทนต่อไปไม่ไหวแล้ว ร่างกายของเขาอ่อนปวกเปียกล้มลงไปยังพื้น ที่เขาสามารถฝืนทนมาได้นานถึงเพียงนี้ ล้วนเป็นเพราะกังวลว่าขวังซือจะเป็นอันตรายเพราะเขา และไม่สนใจคนตระกูลฟาง ทว่าบัดนี้ขวังซือได้ลงมือแล้ว เช่นนั้นเขาจึงฝืนทนต่อไปไม่ไหวแล้ว โดยเฉพาะถูกราชาดาบพันอย่างหม่างเทียนแทงจนร่างกายได้รับบาดเจ็บ และรวมกับต้องมาอดทนกับร่างกายที่อ่อนแอมีโรคภัยมากมายอยู่แล้วของตนอีก ส่งผลให้เขาอดทนต่อไปไม่ไหว
ทว่าเขามิได้หลับตาลงแต่อย่างใด ต่อให้จะนอนพับอยู่บนพื้น ดวงตาก็ยังคงจับจ้องไปยังภาพเหตุการณ์ที่ลมพัดโหมกระหน่ำภายในเรือนอยู่อย่างนั้นเช่นเคย ครั้นเขามองอันใดไม่เห็นเลย สิ่งที่ได้ยินเพียงหนึ่งเดียวนั้นก็คือเสียงคำรามอันเกรี้ยวกราดของขวังซือ เสียงตะโกนอันดุดันของสามคนนั้น รวมไปถึงเสียงดังลั่นที่เกิดจากการต่อสู้
ช่วงเวลาที่ฟางจินหยวนล้มลงนั้น เหล่าสตรีแห่งตระกูลฟางจึงได้กระส่ายกระสับไม่รู้จะทำอย่างไรขึ้นมาทันที แต่ละคนต้องการที่จะพุ่งเข้าไป แต่กลับถูกขัดขวางด้วยการต่อสู้เบื้องหน้า จึงทำได้เพียงตะโกนเสียงดังขึ้น ทว่าเสียดายที่การต่อสู้ทั้งสองฝั่งดุเดือดยิ่ง เสียงการต่อสู้ก็ยิ่งดังเข้าไปใหญ่ จึงไม่สามารถได้ยินเสียงอย่างอื่นโดยสิ้นเชิง
ส่วนทางหม่างเทียน เขาทราบว่าผู้ร่ำเรียนวรยุทธแห่งตระกูลฟางเหล่านี้ ก็เป็นเพียงกระบวนท่าเชยๆ ระดับล่างเท่านั้น ซึ่งไม่สามารถขึ้นเทียบว่าเป็นระดับแนวหน้าได้เลย เมื่อเทียบกับนินจาระดับอย่างเขา ไม่คู่ควรหยิบยกมาเอ่ยถึงด้วยซ้ำ ทว่าเมื่อสู้รบกันมาจนถึงสุดท้าย ภายในใจของเขากลับหวาดกลัวขึ้นมาอย่างไม่คาดคิด เขาและซื่อนวี่แข็งแกร่งมาก เป็นเรื่องจริง ทว่าท่าทางของชายฉกรรจ์ตระกูลฟางที่แสดงออกว่าไม่หวั่นเกรงต่อความตายเลย ทำให้เขาสับสนไปชั่วขณะ
ไม่หวั่นเกรงต่อความตาย!
ความหมายก็คือ หากไม่ได้ตายก็จะไม่ยอมหยุด ปกติจะใช้กับคนที่มีปณิธานแต่ทำไม่สำเร็จ ใช้ความตายพิสูจน์ความจงรักภักดี เหมือนว่าอธิบายถึงนักรบเดนตายที่ปฏิบัติภารกิจไม่สำเร็จ ทว่าคนเหล่านั้นล้วนเป็นคุณชายใหญ่ตระกูลผู้ดีทั้งนั้นเลย
แน่นอนว่า ยังไม่ต้องพูดถึงเรื่องการฆ่าล้างบางตระกูลฟาง ดูจากความกล้าหาญของคนตระกูลฟางที่กล้าลุกขึ้นมาต่อต้าน ก็สามารถเห็นได้ว่าพวกเขามีความเป็นวีรบุรุษกล้าหาญถึงเพียงใด ความกล้าหาญเด็ดเดี่ยวนี้ เกรงว่าคนธรรมดาทั่วไปหลายคนคงจะเทียบไม่ได้กับคนในครอบครัวตระกูลผู้ดี ถึงอย่างไรเมื่อคนธรรมดาได้พบเจอกับวิธีการอันเหี้ยมโหดเช่นนี้ คงจะตกใจกลัวจนหาที่หลบไปตั้งนานแล้ว หากจะบอกว่าต้องการที่จะคัดค้านก็ดูเหมือนจะเป็นคำพูดที่เพ้อฝันไปหน่อย
ความเข้มแข็งไม่ยอมใครง่ายๆ เช่นนี้ เกรงว่าจะเป็นสิ่งที่ใครหลายคนขาด ไม่เอ่ยไม่ได้ว่า การที่ได้เกิดอยู่ในตระกูลผู้ดีนั้น เรื่องบางเรื่องได้กำหนดไว้แล้วว่าควรแตกต่างจากคนทั่วไปธรรมดา โดยเฉพาะภายในครอบครัวผู้ดีนั้นมีการส่งทอดทัศนคติหนึ่งอยู่ตลอด นั่นก็คือทัศนคติที่ว่า คนที่แข็งแกร่งที่สุดเท่านั้นที่จะมีชีวิตรอด ครั้นผู้ที่อ่อนแอก็จะถูกคัดออก สามารถทำให้คนในตระกูลผู้ดีนั้นมีความสามัคคีและเหี้ยมโหดดั่งฝูงหมาป่าได้ เป็นพละกำลังที่แค่ได้ยินก็ต้องหวาดกลัว
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จอมนักรบทรงเกียรติยศ