ผ่านไปชั่วครู่ ทั้งสองก็มายังห้องโถงใหญ่ของมหาวิทยาลัย!
ห้องโถงใหญ่ปกติแล้วจะจัดกิจกรรมหมู่ อย่างเช่น การแสดงละครพูด การเต้น และการร้อง รวมถึงงานเลี้ยงต้อนรับนักศึกษาใหม่
ภายในห้องโถงใหญ่มีความกว้างขวางมาก ใหญ่ราวๆ กับสนามบาสสามสนาม โปสเตอร์โฆษณาของเวินหลานสามารถมองเห็นได้ทั่วไป บนโปสเตอร์นั้น เธอแลสุภาพเรียบร้อย อ่อนโยนน่าตรึงใจ เพียงบนโปสเตอร์ก็ทำให้คนใจสั่นได้ แทงทะลุเข้าไปในใจของคุณ
ทั้งห้องโถงมีผู้คนมากมาย เนื่องจากต้องควบคุมจำนวนของคน ที่นี่เลยมีระเบียบมาก นอกจากความคึกคักที่ไม่ธรรมดาแล้ว ก็มีเพียงป้ายไฟเรืองแสงและแท่งไฟเรืองแสงหลากสีสันที่อยู่เต็มพื้นที่
แสงไฟ เวที รวมถึงพิธีกรต่างก็มาพร้อมแล้ว ล้วนกำลังรอคอยการมาถึงของเวินหลาน
“พี่เหยียน ฉันขอยุ่งเรื่องชาวบ้านหน่อย เวินหลานใช่เทพธิดาสำหรับผู้ชายอย่างพวกพี่หรือเปล่า?”
ฟางเหยียนมองสำรวจห้องโถงใหญ่สีหน้านิ่งเรียบ และเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงราบเรียบ “เป็นผู้หญิงที่เจ้าปัญหามากๆ ”
ฟางฟังอึ้งไป เป็นผู้หญิงที่เจ้าปัญหา? หรือว่าพวกเขายังรู้จักกันด้วย?
ในขณะที่เธอคิดจะล้วงลึกขึ้นกว่าเดิมนั้น เจิ้งชงและคนอื่นๆ ก็เดินมาอย่างเชื่องช้า ใบหน้าของทั้งห้าคนมาพร้อมความเย็นยะเยือกอันน่ากลัว ท่าทางราวกับมีคนติดเงินพวกเขาล้านกว่าอย่างไรอย่างนั้น
“ฟางฟัง ฉันนึกว่าเธอยังไม่เข้ามาซะอีก” ไม่พูดไม่ได้ว่า เจิ้งชงเพื่อที่จะเรียกคะแนนต่อหน้าฟางฟัง ต่อให้บัดนี้จะเกรี้ยวกราดจนกู่ไม่กลับ ทว่าเมื่ออยู่เบื้องหน้าเธอก็ยังคงหนักเอาเบาสู้เช่นเคย ราวกับเป็นอาวุธคนที่ไร้อารมณ์อย่างไรอย่างนั้น
“เข้ามาตั้งนานแล้ว” ฟางฟังเอ่ยขึ้นมา พร้อมเอนอิงไปยังฟางเหยียนตามสันชาตญาณ “พี่เหยียน ได้ยินมาว่าตอนที่เวินหลานเพิ่งจะเข้ามาจินโจวใหม่ๆ มีเรื่องน่าเอือมระอาขึ้นเยอะมากเลย พี่รู้ไหม?”
เมื่อถูกเพิกเฉย ปฏิบัติด้วยอย่างแตกต่างเช่นนี้ เมื่อนึกถึงฟางเหยียน เขาก็เคียดแค้นจนเข็ดฟัน
เมื่อได้ยินเรื่องของเวินหลานตอนอยู่ที่จินโจว เจิ้งชงก็นึกหัวข้อสนทนาหนึ่งออกทันที “ฟางฟัง นี่เธอกำลังทำให้เขาลำบากใจอยู่ไม่ใช่หรือไง? เขาที่เป็นผู้ชายไร้น้ำยาชอบคุยโวโอ้อวดให้คนอิจฉาแบบเขา จะรู้เรื่องที่เป็นความลับเหล่านี้ได้ยังไง?”
ฟางฟังกำลังที่จะโมโหตอกกลับ แต่กลับพบว่าตนเองถูกมือใหญ่ๆ รั้งไว้ ฟางเหยียนพยักหน้าเบาๆ
“ดูสิ บอกแล้วไงว่าเขาไม่รู้ใช่ไหมล่ะ รู้แต่คุยโวโอ้อวดให้คนอิจฉา มีมือมีเท้าไปทำอะไรอย่างอื่นไม่ดีกว่าเหรอ? ไม่รู้จักตักน้ำใส่กะโหลกชะโงกดูเงาซะบ้าง ว่าตัวเองเป็นคนแบบไหน ยังอยากจะหัวสูงมองพระจันทร์จริงๆ น่ะเหรอ? แกสมควรได้รับมันเหรอ?”
“นั่นน่ะสิ เห็นแก่กับที่มีการปกป้องจากฟางฟัง ก็เลยหยิ่งผยอง?” โจวซานก็ช่วยเสริมทับ
“จริงๆ เลย ใช้ขนไก่มาทำลูกศร เกาะผู้หญิงจนถึงขั้นนี้เลยเหรอ ช่างเป็นคนพิลึกจริงๆ “
“ฉันจะบอกอะไรนายให้นะฟางเหยียน ตอนนี้นายทำอะไรตามใจได้ แต่อีกหน่อยแกก็อย่าคิดที่จะเกาะแกะฟางฟังไม่แล้วไม่เลิกสักที เพราะว่าอีกเดี๋ยวคุณชายเจิ้งนัดเวินหลาน เอาแกมาด้วยนี่ช่างขายขี้หน้าจริงๆ เลย!
“ไม่รู้จักประเมินค่าตัวเองหรือยังไง? มีคนไม่เหมาะสมกับนาย ก็อย่าเกาะแกะไม่เลิกแบบนี้ เข้าใจไหม?”
สี่คนข้างหลังเจิ้งชง เอ่ยสบถโมโหขึ้นผลัดกัน น้ำลายกระเด็นเต็มอากาศ เจิ้งชงจ้องฟางเหยียนด้วยความไม่สบอารมณ์ อย่าพูดถึงว่าตอนนี้รู้สึกฮึกเหิมมากเพียงใด
ฟางฟังใบหน้าผุดความโกรธเคืองขึ้นมา ตะคอกด้วยความโมโหว่า “เจิ้งชง นายหมายความว่ายังไงกันแน่!”
“ฟางฟัง ฉันไม่ได้หมายความว่ายังไงนะ คนเราน่ะนะ เมื่อไม่มีศักดิ์ศรีแล้ว ก็เหมือนแมลงวันที่น่ารำคาญ จะไล่ยังไงก็ไล่ไม่ไป แน่นอนว่าฉันไม่รังเกียจถ้าจะมีแมลงวัน แต่ฉันกลัวก็แต่เวินหลานจะรังเกียจ ที่พวกเขาพูดไม่มีผิด ฉันไม่สนว่าต้องจ่ายเงินราคาสูง เพื่อที่จะคว้าโอกาสในการร่วมรับประทานอาหารเย็นกับเวินหลานให้ได้ แน่นอนว่า ทุกอย่างนี้ก็เป็นเพราะเธอ ฉันรู้ว่าเธอชอบเวินหลานมาก เพราะงั้นฉันไม่หวังว่าเมื่อตอนที่เขาปรากฏตัวออกมา จะไปทำให้เวินหวานไม่พอใจจนทำให้ปฏิบัติกับพวกเราทุกคนไม่ดี”
“เธอคิดดูนะพวกเนรคุณที่ไม่รู้จักบุญคุณคนอื่น เธอจะไปปกป้องเขาแบบนี้ก็ไม่สมควรหรอกนะ ถ้าเป็นเพราะเขาจริงๆ ที่ทำให้เธอและดาราที่เธอชอบที่สุดต้องมาผิดใจกัน แบบนั้นจะจัดการยังไง เธอว่าถูกต้องไหม?
“ไก่บ้าน ต่อให้จะคลุมหนังหงส์ สุดท้ายก็ยังเป็นไก่บ้านอยู่วันยังค่ำ ไม่ใช่หงส์!”
เห็นได้อย่างชัดเจน ว่าคำพูดสุดท้ายของเจิ้งชงนั้นชี้เฉพาะมายังฟางเหยียน
หลังฟังจบ ฟางฟังก็ยิ่งโมโหเข้าไปใหญ่ เจิ้งชงช่างไม่รู้จักเกรงกลัวเสียจริง คิดไม่ถึงว่าจะกล้าพูดดูถูกต่อหน้าฟางเหยียนเช่นนี้ หรือว่าเขาไม่รู้ตัวตนที่แท้จริงของฟางเหยียนจริงๆ ?
เคยเห็นคนที่วอนตาย แต่ไม่เคยเห็นคนที่วอนตายแบบนี้มาก่อน!
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จอมนักรบทรงเกียรติยศ