พอพูดออกไป ทั้งหมดก็ตกใจตามกัน!
นี่ผู้อาวุโสรองกำลังรอยเกลือบนแผลของผู้อาวุโสใหญ่เพื่อตอกย้ำความขายหน้า!
จะตบหน้ามันไม่น่ากลัว แต่ที่น่ากลัวก็คือ คนรอบข้างก็มาเตือนอีก ให้รู้ว่าตัวเองดูถูกตบหน้าจนอับอาย เมื่อเทียบกับการถูกตบหน้าแล้ว มันช่างเป็นการสะเทือนจิตใจเป็นสองเท่า!
หลินชื่อพูดด้วยสีหน้าโกรธเบาๆ “ผู้อาวุโสรอง นี่คุณหมายความว่าอย่างไร? จะซ้ำเติมผมงั้นหรือไง!”
“เปล่า.....” ผู้อาวุโสรองพูดคำว่า “เปล่า” ออกมาสามครั้งรวด แล้วพูดอย่างเกรงใจว่า “ผู้อาวุโสใหญ่ ผมไม่ได้ตั้งใจจะซ้ำเติมคุณ เพียงแต่ผมคิดว่าควรจะฟังเสียหน่อยว่าพวกมันจะคุยอะไร เพราะถึงอย่างไรลูกผู้ชายพูดไปแล้วจะคืนคำไม่ได้ แถมคุณยังเป็นคนรับปากตอบตกลงไปเองด้วย”
พูดถึงจุดนี้ ผู้อาวุโสรองก็พูดเสียงต่ำลงว่า “เรามีกำลังมากพอ ไอ้หมอนั่นมันหนีไม่พ้นหรอก แต่ว่าคุณมั่นใจได้หรือว่าภายใต้การกดดันของสำนักฉิวหลงเรา พวกมันจะไม่ทำเรื่องอะไรที่เอาตัวรอดงั้นหรือ? เพราะถึงอย่างไรหลินเทียนก็ยังอยู่ในมือของพวกมัน!”
หลินชื่ออยากจะซัดผู้อาวุโสรองให้ตายในฝ่ามือเดียว ไอ้หมอนี่ชอบพูดถึงจุดอ่อนของคนอื่นจริงๆ !
“ดังนั้น พวกเราก็ฟังมันเสียหน่อยว่ามันจะพูดอะไร? เพราะถึงอย่างไรเหมินถงและเสี่ยวหยู่อาจจะเป็นพวกเดียวกับมันก็ได้?”
คนในสับสน คนนอกมองได้ชัดแจ้ง ผู้อาวุโสรองพูดเตือนสติได้ดี ไม่นานก็สมารถทำลายความสับสนใจของหลินชื่อได้ทันที!
ผู้อาวุโสรองเอ่ยถึงหลินเทียน ก็ยังไม่สามารถทำให้หลินชื่อเผยสีหน้าออกมาได้ แต่พอพูดถึงสองคนนั้นอาจจะเป็นพวกเดียวกัน สองมือที่กำแน่นของเขา ก็คลายออก แผนการบางอย่างก็ผุดขึ้นมาในหัวเขา!
นั่นน่ะสิ!
หลินชื่อพบว่า หลังจากที่เจอกับผู้ชายที่อ้างว่าตัวเองเป็นจอมพลโผ้จวิน เขาก็ถูกจูงจมูกตลอดเวลา เรียกได้ว่าแต่ก้าวล้วนเป็นแผน แต่ละก้าวล้วนเป็นกับดัก เหมือนกับต่อหน้าคนคนนี้นั้น แผนการทั้งหมดของหลินชื่อ ก็ถูกเขามองออกทั้งหมด โดยไม่มีวี่แววว่าจะชนะได้เลย
คนคนนี้ถ้าไม่ใช่จอมพลโผ้จวิน ก็คงจะเป็นคนเก่งไม่เบา อย่างน้อยหลินชื่อก็ชื่นชมอยู่บ้าง ประสบการณ์ในอายุเพียงแค่20กว่าปี กลับมีแผนการที่ล้ำลึกซับซ้อนแบบนี้ จุดนี้หลินชื่อยังขาดประสบการณ์อีกมาก
แต่คนคนนี้ทำได้แล้ว ไม่เพียงทำได้ แถมยังหลอกเขาจนหัวปั่นไปหมด!
เล่นกับเหยี่ยว สักวันก็ถูกเหยี่ยวจิกตาบอด!
เกือบจะหลงกลไปเสียแล้ว!
โชคดี ที่คนมาเตือนสติไว้
หลินชื่อพยักหน้า แล้วพูดไม่เผยสีหน้าว่า “ผู้อาวุโสรองพูดถูกต้อง ถ้าพวกมันเป็นพวกเดียวกันขึ้นมาล่ะ?”
รอยยิ้มของผู้อาวุโสรองก็หยุดลง คำพูดประโยคหลังทำให้เขาฟังแล้วเข้าใจได้ยาก แต่หลินชื่อก็ไม่ได้จะอธิบาย
หลินชื่อยิ้มเย็น แล้วก็กลับมาเป็นท่าทางที่ตั้งมั่นเหมือนเดิม พร้อมพูดว่า “งั้นกูก็อยากจะลองฟังดูซิ ว่าไอ้สองคนนั้นอยากจะพูดอะไร!”
สายตาก็จับจ้องไปที่ตัวของเสี่ยวหยู่และเหมินถงอีกครั้ง สองคนนั้นก็รู้สึกกดดันมากขึ้น จนไม่กล้าเอ่ยปากพูดอะไร
พอเห็นว่าทั้งสองคนนั้นไม่ยอมพูด อารมณ์ร้อนของเทียนขุยก็ระเบิดออกมา แล้วพูดไปอย่างโหดๆ ว่า “จะว่าพวกเอ็งขี้ขลาด ก็สงสารคำว่าขี้ขลาดที่ต้องมาใช้กับพวกเอ็ง เคยเห็นคนขี้ขลาดมาก็เยอะ แต่ไม่เคยเห็นใครขี้ขลาดแบบพวกเอ็ง น่าโมโหจริง ตอนนั้นก็ไม่ควรจะช่วยพวกเอ็งออกมาเลย ให้พวกเอ็งตายไปเสียก็ดีแล้วเชียว”
สองคนนั้นตัวสั่นอีกครั้ง สายตาก้มลงมองต่ำ ลำตัวก็โค้งลงไม่น้อย
ฟางเหยียนก็พูดนิ่งๆ ว่า “เทียนขุย อารมณ์คุณก็ยังร้อนเหมือนเดิมเลยนะ”
“จอมพลโผ้จวิน ผมรู้สึกโมโหแทนคุณนะครับ ก็เห็นอยู่ว่าสามารถใช้กำลังจัดการได้ แต่คุณกลับจะใช้การเจรจา!”
ฟางเหยียนก็เอือมระอา เทียนขุยพูดแบบนี้...........
เขาก็ไม่สนใจเทียนขุยอีก แล้วหันไปพูดกับสองคนนั้นว่า “เอ็งสองคนพูดไปเลย ไม่มีใครกล้าทำอะไรพวกเอ็งหรอก”
เสี่ยวหยู่ก็หน้าเสีย ฟังอะไรไม่เข้าใจทั้งนั้น แต่เหมินถงกลับนิ่งไม่น้อย แต่ก็ยังไม่กล้าเอ่ยปากพูด
“คิดถึงพ่อของเอ็งสิ คิดถึงสำนักฉิวหลงที่เอ็งใช้ชีวิตมา20กว่าปี ทำไมจะต้องมาจบลงแบบนี้ และพวกเอ็งก็จะเป็นคนผิดของสำนักฉิวหลง คำว่า มีเกียรติเสียเกียรติไปด้วยกัน มันเป็นภาระและหน้าที่ของเอ็งที่ต้องทำ เพราะว่าเอ็งเป็นคนที่รู้จักบุญคุณ!”
คำว่า มีเกียรติเสียเกียรติไปด้วยกัน ได้ทะลุกำแพงในใจของเหมินถงไปได้ ทำให้เขาสั่นระริกราวกับถูกสายฟ้าฟาด นั่นน่ะสิ เขาเองก็เป็นคนของสำนักฉิวหลง มีเกียรติและเสียเกียรติไปด้วยกัน จุดนี้เขาก็พอจะเข้าใจได้!
เขาไม่อยากกลายเป็นคนบาป ยิ่งไม่อยากให้สำนักฉิวหลงมาล่มสลายในมือตนเอง!
“ผมจะพูด!” เหมินถงก็เงยหน้าขึ้นมาทันที สายตาจับจ้องไปที่หลินชื่อ แล้วเอาเรื่องที่รู้พูดออกมาทั้งหมดโดยไม่ผิดพลาด
คนทั้งหมดก็ผงะ!
ยิ่งกว่านั้นคืออึ้งไป!
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จอมนักรบทรงเกียรติยศ