น้ำเสียงนี้!
ท่านปรมาจารย์แห่งตระกูลโจว!
ในที่สุดเขาก็ทนไม่ไหว?
ตั้งแต่ที่เข้ามายังเรือนตระกูลโจว ฟางเหยียนก็รับรู้ได้ถึงพลังอันแข็งแกร่งนั่น และที่เขายินยอมพร้อมใจให้เทียนขุยกระทำทุกประการ ก็เพราะต้องการจะบีบเฒ่าประหลาดแห่งตระกูลโจวให้ปรากฏตัวออกมานั่นเอง ผลลัพธ์ออกมาดีอย่างยิ่งตามที่คาดไว้ พูดได้ว่า นับตั้งแต่ที่เข้ามาในเรือนตระกูลโจว เฒ่าประหลาดแห่งตระกูลโจวก็รับรู้ถึงพวกเขาสองสามคนนั้นแล้ว ทว่าเขาไม่มีทีท่าอันใดเลย ยินยอมพร้อมใจให้เรื่องทั้งหมดเกิดขึ้น
การต่อสู้สิ้นสุดลง ผู้ที่ตกตะลึงที่สุดก็คือโจวปินคาง เขามองไปยังส่วนลึกของเรือนด้วยความอึ้ง
“ที่รัก ไปกันเถอะ” ชิงตี้มองโจวปินคาง พร้อมเอ่ยขึ้น
ฟางเหยียนลุกขึ้น โจวปินคางเดินนำทางด้วยความเหม่อลอยจิตใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัว
ไร้ซึ่งคำพูดใดๆ ตลอดทาง จากนั้นทั้งสี่คนก็เข้ามาถึงศาลบรรพบุรุษ
โจวปินคางเอ่ยอย่างเคารพ ด้วยจิตใจอันสับสนวุ่นวาย: “จอมพล นี่คือศาลบรรพบุรุษของตระกูลโจว และก็คือที่ที่ท่านปรมาจารย์พักบ่อยๆ ”
เห็นได้ชัดว่า คำพูดนี้ของเขาเข้าข้างท่านปรมาจารย์อยู่เช่นเคย โดยเฉพาะคำว่าบ่อยๆ สองคำนี้ เป็นการเตือนว่า ท่านปรมาจารย์จะไม่ไปที่ใดมั่วซั่ว
ฟางเหยียนจะไม่เข้าใจคำเตือนในคำพูดของโจวปินคางได้อย่างไร เขาเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงราบเรียบ: “จะถูกหรือจะผิด เข้าไปข้างในก็รู้แล้ว นายไม่ต้องเตือนหรอก”
โจวปินคางผลักเปิดประตูใหญ่ของศาลบรรพบุรุษ จากนั้นก็ทำท่าทางเชื้อเชิญเข้าไป พร้อมเอ่ยอย่างสุภาพนอบน้อม: “ท่านจอมพล เชิญ”
ฟางเหยียนก้าวเท้าเข้าไป ชิงตี้และเทียนขุยหมายจะตามเข้าไป ครั้นประตูใหญ่กลับปิดอัตโนมัติ จากนั้นก็มีเสียงหนึ่งดังขึ้นมา: “คนที่ไม่เกี่ยวข้องด้วย รออยู่ข้างนอกศาลบรรพบุรุษ”
เทียนขุยและชิงตี้เลือกเฝ้าระวังอยู่หน้าศาลบรรพบุรุษ ปฏิเสธการเชื้อเชิญของโจวปินคางที่ว่าให้ไปนั่งรอที่ห้องรับรอง
และโจวปินคางก็ได้ไปจากศาลบรรพบุรุษ โจวชื่อเจี๋ยเดินเข้ามา มองดูพ่อตัวเองที่ใบหน้าเหม่อลอยไร้จิตวิญญาณ จึงขมวดคิ้ว เอ่ยถาม: “พ่อ หรือว่าจอมพลโผ้จวินเชื่อข่าวลือจริงๆ ต้องการจะจัดการตระกูลโจวของผม?”
โจวปินคางส่ายหน้าเบาๆ
โจวซื่อเจี๋ยจึงเอ่ยถามด้วยความระมัดระวัง: “หรือว่าจะเป็นเรื่องที่น่ากลัวกว่าการจัดการ?”
“จอมพลไปศาลบรรพบุรุษแล้ว แถมท่านปรมาจารย์อนุญาตเองด้วย!”
“อะไรนะ!” โจวซื่อเจี๋ยตากระตุกขึ้น เอ่ยด้วยความกระวนกระวายใจ: “หรือว่าจอมพลคิดจริงๆ ว่าพวกเราเป็นศัตรู ร่วมมือกับเพลงเสวน?”
“รู้จักผู้หญิงข้างๆ จอมพลคนนั้นไหม?”
“รู้จักสิ” โจวซื่อเจี๋ยพยักหน้า: “สวยมากจริงๆ ”
เพียะ!
โจวปินคางตบบ้องหูโจวซื่อเจี๋ย จากนั้นก็เอ่ยขึ้นด้วยความโมโห: “ในหัวแกนี่คิดแต่เรื่องอะไรอยู่กันแน่?”
โจวซื่อเจี๋ยกุมใบหน้า เอ่ยถาม: “พ่อ พ่อจะบอกว่าผู้หญิงคนนั้นมีพื้นเพไม่ธรรมดางั้นเหรอ?”
“เพลงเสวน!”
โจวซื่อเจี๋ยสะดุ้งโหยง!
เพลงเสวน!
บัดนี้ ในที่สุดเขาก็เข้าใจสักทีว่าทำไมจอมพลโผ้จวิน จึงได้มั่นใจนักว่าตระกูลโจวมีส่วนเกี่ยวพันกับเพลงเสวน ที่แท้ผู้หญิงคนนั้นก็คือคนจากเพลงเสวน?
คำถามที่คล้ายคลึงกันผุดขึ้นมาภายในหัวของโจวซื่อเจี๋ย ผู้หญิงคนนั้นก็คือสายสืบที่จอมพลส่งไปอยู่ในเพลิงเสวน!
“เลิกคิดได้แล้ว ผู้หญิงคนนั้นคือภรรยาของจอมพล”
โจวซื่อเจี๋ย: “……”
ตกตะลึงจนไร้คำพูด!
“พ่อ ไม่งั้นเราถือโอกาสหนีไปกันเถอะ เรื่องนี้ไม่ว่าจะแก้ตัวยังไงก็แก้ตัวไม่ขึ้นแล้ว พวกเราตระกูลโจวจะไปรับมือกับการกระทำที่เหี้ยมโหดของโผ้จวินได้ยังไง เรารีบหนีกันเถอะ”
โจวปินคางลืมกระทั่งโกรธ เขาโกรธเคืองไม่เบาเลย!
แม้จะซ่อนตัวได้ชั่วขณะ แต่เพราะปัญหาที่พัวพัน จะหนีพ้นหรือ?
ท่านปรมาจารย์ยังอยู่ในกำมือของโผ้จวินอยู่ ตระกูลโจวที่ไร้ท่านปรมาจารย์ ยังจะเรียกว่าตระกูลโจวได้อีกหรือ?
โจวปินคางหลับตาลงอย่างเอือมระอา “แทนที่จะวิ่งหนีไปทั่วด้วยความตื่นตระหนก ที่ฉันกังวลกว่าคือจอมพลปะทะท่านปรมาจารย์ ภัยพิบัติในนั้นบางทีอาจทำให้ตระกูลโจวอับจนหนทางยิ่งกว่า”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จอมนักรบทรงเกียรติยศ