เสวียนเย่รู้ดีว่า ตัวเองนั้นตื้นเขินเกินไป
ความภาคภูมิใจทั้งหมดที่เขามีเมื่ออยู่ต่อหน้าผู้มีเกียรติแห่งประเทศหวาแล้ว ไม่ควรค่าให้เอ่ยถึงเลยสักนิด
เสวียนเจิ้นสมองเพี้ยนไปแล้ว ถึงได้ไปสร้างศัตรูที่น่ากลัวอย่างนี้ให้กับเพลิงเสวน ไม่รู้จริง ๆ ว่าในหัวของไอ้หมอนั่นมันคิดอะไรอยู่กันแน่ หรือสมองมันเลอะเลือนไปหมดแล้ว?
เขาเคยคิดจะต่อกรกับจอมพล แต่สุดท้ายก็ถูกพลังที่แข็งแกร่งของเขาทำให้ตกใจจนช็อก โดยเฉพาะดวงตาที่ลึกล้ำและผ่านโลกมาอย่างโชกโชนคู่นั้นของเขา ต้องผ่านประสบการณ์มากมายเท่าไหร่ถึงจะมีดวงตาแบบนั้นออกมา อีกทั้งท่าทางที่ดูถูกเหยียดหยามทุกสิ่งอย่างของเขา สายตาที่เหมือนมองดูทุกสิ่งจากที่สูง ดูหมิ่นเหยียดหยามกับทุกสิ่ง ทำให้เขาไม่มีคู่แข่ง
สำหรับจอมพลโผ้จวิน ในหัวของเขามีเพียงประโยคเดียวที่แวบขึ้นมา ฉันไม่เป็นศัตรูด้วยหรอก ส่วนพวกแกก็แล้วแต่ละกัน!
ยังสู้ทำบ้าอะไรอีกล่ะ!
ชิงตี้ครุ่นคิดแล้วเอ่ยพูด : “จอมพลคะ การที่รั้งคุณไว้ เพื่อปิดปากคนบางคน”
เสวียนเย่ดึงสติกลับมาได้ ที่ชิงตี้พูดเพื่อต้องการหาข้ออ้างให้กับสองร้อยกว่าคนนั่น ยังไงซะเสวียนเจิ้นก็ไม่ได้กินหญ้า คนระดับสูงของเพลิงเสวนตายไปสองคน หากพวกมันไม่ทำอะไรเลย คงจะเป็นไปไม่ได้
ฟางเหยียนขมวดคิ้ว “หมายความว่ายังไง?”
ชิงตี้ฝืนยิ้มแล้วเอ่ยพูด : “ไม่ใช่เพราะหลินซิงกับหลิวอู่โต้เถียงคุณเหรอคะ? พวกเขาดำรงตำแหน่งสำคัญ สถานะภายในเพลิงเสวนไม่ต่ำต้อย พวกเขาตายไป ทหารใต้อาณัติของพวกเขาต้องถูกยึดไปทันที และพวกเราก็จำเป็นต้องมีข้อแก้ตัวที่โดดเด่น คงต้องลำบากคุณให้เป็นตัวล่อพวกเพลิงเสวนหน่อยค่ะ”
เห็นได้ชัดว่า สิ่งที่ชิงตี้พูด คือต้องการให้เสวียนเจิ้นรู้ว่า ใครเป็นคนฆ่าคนเหล่านี้!
เขาก็คือแพะรับบาปที่ดีที่สุดตัวนั้น!
ฟางเหยียนครุ่นคิดแล้วมองไปที่ชิงตี้ จากนั้นเอ่ยพูด : “เธอหมายความว่า จะให้คนของเสวียนเจิ้นกระโดดออกมา?”
“ถูกต้องค่ะ จอมพล” ชิงตี้ยิ้ม : “ต้องใช้วิธีที่แตกต่างออกไปถึงจะทำให้อีกฝ่ายตั้งรับไม่ทัน เหมือนอย่างที่จอมพลชี้ทางสว่างให้กับสำนักฉิวหลงนั่นแหละค่ะ เพียงแต่เมื่อถึงเวลานั้นคุณอาจจะยุ่งยากมาก ไม่ทราบว่าจอมพลคิดยังไงคะ?”
เทียนขุยกำลังจะเอ่ยพูด แน่นอนว่าเขาไม่พอใจ จะให้ฟางเหยียนเป็นเหยื่อล่อปลา เขาไม่ยอมอยู่แล้ว แต่เขายังไม่ทันได้เอ่ยปาก ชิงตี้ก็พูดต่อไปว่า
“คุณอย่าเพิ่งพูดอะไร” แล้วหันสายตาไปมองฟางเหยียน : “จอมพลคะ แบบนี้ถึงแม้สร้างความลำบากให้กับคุณไม่น้อย แต่สามารถทำลายกองกำลังของเสวียนเจิ้นไปได้ เป็นการทำลายตำแหน่งที่ยากจะโค่นล้มของเขาไปทีละน้อย”
เทียนขุยได้จังหวะ “ฉันพอมองออกแล้ว พวกแกนี่มันตัวอยู่อีกที่หนึ่ง แต่ใจกลับไปอยู่อีกที่หนึ่ง เพียงแค่ขยับปาก ก็คิดจะให้พวกเราเป็นตัวล่อกองกำลัง? คิดจะจับเสือมือเปล่าสินะ เห็นพวกเราโง่หรือไง?”
“บอกแล้วว่าคุณอย่าเพิ่งพูดอะไร” ชิงตี้สีหน้าไม่พอใจเล็กน้อย “คุณอยากฆ่าคนไม่ใช่เหรอ? ถึงตอนนั้นกลัวว่าคุณจะมือไม้อ่อน!”
คิ้วหนาของเทียนขุยขมวดเป็นปม กำลังจะอ้าปากโต้เถียง
“คุณอย่าพูดอะไร” ชิงตี้ขัดเทียนขุยตรง ๆ “จอมพลคะ ดูเหมือนพวกเราไม่มีความยุติธรรม แต่สำหรับคุณแล้ว เรื่องนี้เหมือนง่ายเหมือนกับปอกกล้วยเข้าปาก เป็นเรื่องเล็กที่ง่ายนิดเดียว แต่ถ้าหากพวกเราถูกลอบทำร้ายเพราะเหตุนี้ พวกเราเกรงว่าจะไม่สามารถต่อต้านภัยร้ายจากเสวียนเจิ้นได้ จอมพลได้โปรดให้อภัยด้วย”
“เธอกำลังข่มขู่ฉันงั้นเหรอ?”
“เปล่าค่ะ จอมพล ตอนนี้พวกเราเสียก็เสียด้วยกันรุ่งโรจน์ก็รุ่งโรจน์ไปด้วยกัน นี่เพื่อการพัฒนาระยะยาวของพวกเรา แน่นอนว่า ชิงตี้รวมถึงนายน้อยก็จะช่วยสู้ด้วย ไม่ให้จอมพลตบมือข้างเดียวแน่นอน เวลาสำคัญอย่างนี้ พวกเราต้องสร้างความเสียหายอย่างหนักให้กับเสวียนเจิ้น”
เสวียนเย่พูดสมทบว่า : “จอมพลครับ ที่ชิงตี้พูดมาเป็นความจริง นี่เป็นเหตุผลที่ผมทำเช่นนี้ ฉะนั้นขอให้จอมพลเข้าใจด้วยเถอะครับ พวกเราลงเรือลำเดียวกันแล้ว ไม่มีใจคิดเป็นอื่นแน่นอน”
“จอมพลโผ้จวินครับ ผมพูดไม่ผิดเลยใช่ไหม ยัยนางมารคนนี้คิดชั่วกับพวกเรา ฆ่าคนของเพลิงเสวนต้องให้พวกมันแอบทอดสะพานให้ด้วยเหรอ? ฆ่าไปทีละคนเลยก็จบ ผมเทียนขุยไม่ชอบมากที่สุดก็คือคนที่แอบใช้แผนชั่วลับหลัง ขอแค่ไอ้เสวียนอะไรนั่นมันกล้าโผล่มา ผมจะฆ่าให้หมด!”
ชิงตี้ส่ายหน้าอย่างเอือมระอา เทียนขุยยังเห็นเธอเป็นศัตรูอยู่เต็มอก ขณะที่เธอกำลังจะอธิบายต่อไป ฟางเหยียนก็ได้เอ่ยพูด เมื่อเอ่ยพูดขึ้นมา ก็คลายความสงสัยทั้งหมดของเธอไปในทันที เทียนขุยไม่ตอแยอะไรอีกต่อไปแล้ว
“หากสงสัยไม่ต้องใช้คน ใช้คนไม่ต้องสงสัย ก็เอาตามนี้แหละ”
“ชิงตี้ รีบไปเตรียมที่พักให้กับจอมพล อย่าชักช้าล่ะ” เสวียนเย่เงียบไปครู่หนึ่ง แล้วชี้ไปยังสองคนที่อยู่ข้าง ๆ เขาพลางพูดต่อไปว่า : “พวกแกสองคนไปจัดการด้านนอกให้เรียบร้อย”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จอมนักรบทรงเกียรติยศ