จอมนักรบทรงเกียรติยศ นิยาย บท 839

เทียนขุยพยักหน้า พอเข้าใจถึงแผนการระยะยาวที่แสนรอบคอบของฟางเหยียน ตัดความสัมพันธ์เพื่อแลกกับสิ่งที่ยิ่งใหญ่กว่านั้น สิ่งที่เสวียนเย่สามารถให้ได้ และเป็นอย่างนี้ไปตลอด หากพูดเข้าให้เข้าใจง่ายหน่อย ก็คือบีบบังคับให้เสวียนเย่ยอมบอกตำแหน่งที่ตั้งสำนักงานใหญ่ของเพลิงเสวนนั่นเอง!

และฟางเหยียนจงใจแสดงท่าทีตัดความสัมพันธ์ออกมา เพื่อไม่ให้ชิงตี้มีความหวังอีกต่อไป หากให้ความหวังไปแล้ว ก็จะไม่สามารถได้ในสิ่งที่ต้องการ ในจุดนี้เทียนขุยยังห่างชั้นกับฟางเหยียนนัก เทียนขุยไม่ใช่บกพร่องแค่เล็กหน่อย ยังดีที่ได้พบกับฟางเหยียน ติดตามได้ถูกคน ไม่อย่างนั้นไม่อยากคิดถึงผลที่ตามมาเลยว่าจะน่ากลัวแค่ไหน!

ชิงตี้เป็นผู้หญิงที่ไม่เลวเลย ฉลาดหลักแหลมมากความสามารถ แต่หากเทียบกับจอมพลโผ้จวินแล้ว เทียบกันไม่ติดเลยจริง ๆ!

นี่ไม่ใช่การคุยโวและไม่ใช่การประจบประแจง แต่เป็นเรื่องจริงที่เห็น ๆ กันอยู่

เมื่อหยุดครุ่นคิด เทียนขุยก็เอ่ยถาม : “จอมพลโผ้จวินครับ แล้วพวกเราจะทำยังไง? ลองกระโดดลงไปดูก่อนไหมครับ?”

“ตอนนี้ดูท่าทาง หลงเซี่ยวเทียนสองพ่อลูกต้องตกระกำลำบาก เพื่อเอาสมบัติของสำนักกุ่ยกู๋ พวกเราจะนิ่งดูดายไม่ได้ ยังไงเรื่องนี้ก็มีสาเหตุอย่างที่คาดการณ์ไว้ พวกเราไม่มีเหตุผลที่จะทำเป็นไม่รู้ไม่เห็น ในเมื่อมาแล้ว จะกลับไปมือเปล่าได้ยังไงกันล่ะ!”

พูดจบ ฟางเหยียนก็กระโดดลงไปทันที ทิ้งให้เทียนขุยยิ้มอย่างขมขื่นอยู่ริมหน้าผาคนเดียว เขาพูดพึมพำว่า : “คนที่บอกว่าไม่ไปคือเขา คนที่ไปเร็วที่สุดก็คือเขา!”

ความรู้สึกที่ตกลงไปนั้นน่ามหัศจรรย์มาก ไม่ใช่พัดปลิวไปตามสายลม และไม่ใช่การตกตามแรงโน้มถ่วง แต่กลับเหมือนเดินบนพื้นเรียบ ๆ ยังไงยังงั้น และกำลังเดินขึ้นด้านบนเรื่อย ๆ!

น่าประหลาดมากเหลือเกิน!

พูดง่าย ๆ ก็คือ ยืนอยู่บนที่สูงแล้วกระโดดลงด้านล่าง นอกจากลูกโป่งที่น้ำหนักเบาไม่ได้รับผลจากแรงโน้มถ่วงแล้ว สิ่งของอย่างอื่นล้วนถูกดึงด้วยแรงโน้ถ่วงทั้งสิ้น ยิ่งน้ำหนักมากเท่าไหร่ก็จะตกลงไปและมีแรงปะทะมากขึ้นเท่านั้น!

และตอนนี้ฟางเหยียนก็รู้สึกเหมือนคิดไปเอง ว่าตั้งแต่กระโดดลงมาจากบนหน้าผา ก็เหมือนลูกโป่งที่ถูกคนดึงไว้ แล้วพาเดินไปด้านบน รู้สึกเหมือนลอยไปในอากาศอย่างรวดเร็ว ทั้งสงบนิ่งทั้งขี้ขลาด แต่ก็น่าตื่นเต้นด้วย!

ไม่นาน ฟางเหยียนก็เข้าใจขึ้นมา เรื่องน่าประหลาดนี่ มาจากวิชาฉีเหมินตุ้นเจี่ยของสำนักกุ่ยกู๋!

ต้นกำเนิดของสำนักกุ่ยกู๋มาจากกุ่ยกู๋จื่อ นอกจากความสามารถที่รอบรู้ทุกอย่างบนโลกใบนี้ และเห็นอนาคตล่วงหน้าแล้ว ทักษะวิชาการทำนายและวิชาฉีเหมินตุ้นเจี่ยของพวกเขาก็ไม่เป็นสองรองใคร สำหรับสิ่งก่อสร้างที่ไม่สมเหตุสมผลของสำนักกุ่ยกู๋นั้น ถือว่าสอดคล้องกับความลึกลับของสำนักกุ่ยกู๋จริง ๆ!

เพียงแต่ว่าสิ่งที่ทำให้ไม่เข้าใจคือ สำนักกุ่ยกู๋เป็นสำนักในตำนาน ทำไมพวกเขาถึงมาปรากฏตัวกันล่ะ?

ต่อให้เบญจธาตุผิดปกติ สำนักต่าง ๆ เกิดความไม่สงบ สำนักกุ่ยกู๋ก็สามารถปลีกตัวออกจากเรื่องพวกนี้ได้ ซ่อนตัวอยู่ในโลก ใช้ชีวิตโดยไม่ขัดแย้งกับใคร หรือว่าแค่หลงเซี่ยวเทียนก็สามารถตามหาที่อยู่ของสำนักกุ่ยกู๋ได้?

เงื่อนงำเรื่องนี้มีเพียงต้องหาสำนักกุ่ยกู๋ให้พบถึงจะได้รู้ความจริง!

เทียนขุยใช้เวลาปรับตัวอยู่นาน ถึงได้เอ่ยถามอย่างตื่นตะลึงขึ้นมา : “จอมพลโผ้จวินครับ ถ้าหากผมทายไม่ผิดล่ะก็ พวกเราไม่ได้กำลังตกลงสู่พื้นด้านล่าง แต่กำลังขึ้นสู่ด้านบน ใช่ไหมครับ?”

ฟางเหยียนพยักหน้าแล้วเอ่ย : “นี่คือความอัศจรรย์ของสำนักกุ่ยกู๋ วิชาฉีเหมินตุ้นเจี่ยเป็นเหมือนอย่างที่ร่ำลือกันจริง ๆ!”

ไม่นานเทียนขุยก็ตั้งสติได้ ถือว่าเห็นสิ่งแปลกประหลาดจนเคยชินแล้ว ตั้งแต่ที่เริ่มติดตามฟางเหยียน ก็ได้เปิดโลกของเขาทำให้ได้เห็นสิ่งใหม่ ๆ ในโลกใบนี้ ส่วนพลังของฟางเหยียนยังคงเป็นปริศนามาตลอด ไม่พูดถึงเรื่องการละทิ้งพลังไป การเป็นนินจาเป็นจุดเริ่มต้นของการเปิดหูเปิดตาของเขา ตั้งแต่ตัวเองเริ่มเป็นนินจา ก็ได้ปรับวิสัยทัศน์ใหม่หมด และได้ล้างความรู้ความเข้าใจเดิมของเขาทั้งหมด

โดยเฉพาะการมีอยู่ของสำนักฉิวหลง ถือว่าเป็นการปรับความรู้ความเข้าใจของเขาใหม่หมด เลี้ยงแมวเลี้ยงหมาเป็นเรื่องที่พบเห็นได้ทั่วไป แต่คุณเคยเห็นใครเลี้ยงมังกรหรือเปล่าล่ะ? ฉะนั้นตอนนี้สำนักกุ่ยกู๋มีวิชาฉีเหมินตุ้นเจี่ยอย่างนี้ สำหรับเขาแล้วถือว่าเป็นเรื่องแปลกประหลาดที่เห็นจนชินแล้ว ยังไงซะสำนักกุ่ยกู๋ก็เป็นผู้นำของสำนักใหญ่ทั้งห้าสำนัก ตำแหน่งที่อยู่ของพี่ใหญ่ จะแย่ได้ยังไงล่ะ?

ทั้งสองคนเดินขึ้นด้านบนต่อไปเรื่อย ๆ เทียนขุยอดไม่ได้ที่จะเอ่ยถามออกมา : “จอมพลครับ ผมไม่เข้าใจ ในเมื่อสำนักกุ่ยกู๋ลึกลับขนาดนี้ ทำไมพวกเขาถึงถูกเพลิงเสวนหมายหัวได้ล่ะครับ?”

“เทียนขุย คำถามของนายนี่ขาดทักษะมากจริง ๆ!” ฟางเหยียนส่ายหน้าอย่างจนใจ : “ถึงแม้สำนักกุ่ยกู๋จะถูกคนจับจ้องอยู่ตลอด แต่พวกเขาก็ไม่เคยถูกใครหาตำแหน่งที่ตั้งจริง ๆ พบสักที ทั้งหมดนี่สำหรับพวกเขา อาจเรียกว่าถึงจังหวะที่เหมาะสมแล้วก็ได้!”

ฟางเหยียนตอบกลับมาอย่างนี้ มาจากสาเหตุที่เมื่อครู่นี้เขาสงสัยว่าทำไมสำนักกุ่ยกู๋ถึงออกมาปรากฏตัวให้เห็น เพราะเขาคิดถึงตอนที่ได้เจอกับชายชราตาบอดที่ให้มีดเขาขึ้นมากะทันหัน เมื่อถึงเวลาที่เหมาะสมก็จะมาเก็บค่าธรรมเนียม คิด ๆ ดูแล้วก็จริงอยู่ สำนักกุ่ยกู๋รอบรู้ทุกอย่างบนโลกใบนี้ พวกเขาลึกลับขนาดนี้ยังถูกคนพบเจอได้ แสดงว่าพวกเขาคิดว่าถึงจังหวะที่เหมาะสมแล้ว!

“ถึงจังหวะที่เหมาะสมแล้ว?” เทียนยังคงไม่เข้าใจ : “จอมพลโผ้จวินครับ จังหวะอะไรกัน?”

ฟางเหยียนตอบกลับไปว่า : “จังหวะเหมาะสมที่จะกำจัดเพลิงเสวน!”

“คุณรู้ได้ยังไงกัน?”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จอมนักรบทรงเกียรติยศ