จอมนักรบทรงเกียรติยศ นิยาย บท 855

สรุปบท บทที่ 855 ในที่สุดก็ปรากฏตัวออกมาสักที!: จอมนักรบทรงเกียรติยศ

บทที่ 855 ในที่สุดก็ปรากฏตัวออกมาสักที! – ตอนที่ต้องอ่านของ จอมนักรบทรงเกียรติยศ

ตอนนี้ของ จอมนักรบทรงเกียรติยศ โดย โซ่วปี่หนานซาน ถือเป็นช่วงเวลาสำคัญของนิยายใช้ชีวิตทั้งเรื่อง ด้วยบทสนทนาทรงพลัง ความสัมพันธ์ของตัวละครที่พัฒนา และเหตุการณ์ที่เปลี่ยนโทนเรื่องอย่างสิ้นเชิง บทที่ 855 ในที่สุดก็ปรากฏตัวออกมาสักที! จะทำให้คุณอยากอ่านต่อทันที

ประตูนรก!

ชื่อโอ่อ่าเสียจริง ถือว่าชื่อเหมาะสมกับของจริง ทั้งรอบด้านรกร้างเป็นอย่างยิ่ง ราวกับถูกไฟเผาห้อมล้อมมาก่อน เต็มไปด้วยความอ้างว้างเงียบเหงาไร้ที่เปรียบ

ทั้งสามคนยืนอยู่ที่ประตูนรก อยู่ๆ ก็รู้สึกถึงความแตกต่างอย่างมากของสองสถานที่ ความสงบนิ่งและความร้อนระอุผสมปนเปกันไป ราวกับไม่ให้โอกาสกับทุกคนในการตอบสนองเลย ความร้อนและหนาวเย็นประสานกัน รู้สึกไม่สบายอย่างน่าประหลาด!

น่าประหลาดเกินไป ป่าเถื่อนเกินไป!

“จอมพล ท่านจะเข้าไปจริงๆ หรือ?” กู่ผินเอ่ยถามอีกครั้ง

สายตาของฟางเหยียนมองตรงไปยังภูเขาลึก จากนั้นจึงเอ่ยขึ้นมาด้วยเสียงราบเรียบ: “ศิษย์พี่ ขอบคุณที่บอกที่อยู่ของหินเหล็กนิล และขอบคุณที่พยายามคลี่คลายความแค้นให้ ผมเข้าใจความกังวลใจของคุณ แต่ว่าผมจำเป็นต้องได้ครอบครองหินเหล็กนิล ต่อให้จะมีอุปสรรคนานับไม่ถ้วน ผมก็ต้องบุกรุกเข้าไปดูให้จนได้”

ศิษย์พี่!

คำเรียกเปลี่ยนไป สามารถมองเห็นได้ชัดพอว่าฟางเหยียนไม่ได้เคียดแค้นสำนักกุ่ยกู๋ กู่ผินเป็นผู้อาวุโส ประสบการณ์โชกโชน จึงไม่ได้คิดต่อไปลึก

กู่ผินเอ่ยถามอย่างลองเชิงว่า: “จอมพลมีความมั่นใจจริงๆ หรือ?”

ฟางเหยียนจะไม่เข้าใจความหมายของเขาได้อย่างไร หินเหล็กนิล เป็นของดุร้าย หากได้สัมผัสกับโลก หายนะจำต้องเกิดซ้ำสอง ทำให้ผู้คนล้มตายเป็นจำนวนมาก!

เอ่ยตามจริง ฟางเหยียนก็ไม่มีความมั่นใจ สมบัติล้ำค่าของทั้งห้าสำนักนินจาใหญ่ได้รวบรวมมาสี่ชิ้นแล้ว สมบัติล้ำค่าของสำนักกุ่ยกู๋อยู่ใกล้แค่เอื้อมเช่นนี้ เขาไม่มีทางที่จะปล่อยเลยไป ขอเพียงรวบรวมสมบัติล้ำค่าของทั้งห้าสำนักนินจาใหญ่มาได้ครบ จึงจะสามารถดึงพลังของลูกแก้วทิพย์ออกมาได้ จากนั้นก็รักษาโรคเก่า กลับไปสู่ความสามารถระดับสูงสุดคืน!

และมีเพียงการฟื้นคืนพลังเท่านั้น ฟางเหยียนจึงจะสามารถต่อกรกับเพลิงเสวนได้จริงๆ จากนั้นก็ต่อต้านกลับไปรอบด้าน!

ไม่ต้องพูดถึงความอันตรายของหินเหล็กนิลก่อน ต่อให้เป็นสิ่งของดุร้ายแล้วจะทำอย่างไรได้?

หากไม่ได้ครอบครองหินเหล็กนิล โรคเก่าก็จะไม่หาย เพลิงเสวนก็จะกำเริบเสิบสานอยู่เช่นเคย!

ไม่มีพลังที่มั่นคง เกรงว่าคงยากที่จะงัดรากของเพลิงเสวนได้ ไม่สามารถที่จะจัดการเอาชนะพวกมันได้จากรากฐาน!

ในโลกของนินจา มีเพียงพละกำลังเท่านั้นที่จะเป็นหลักฐานที่ดีที่สุด!

ต่อให้หินเหล็กนิลมีอันตราย ฟางเหยียนก็ต้องไปลองดูสักตั้ง

“ศิษย์พี่ แผนอยู่ที่คน ผลอยู่ที่ฟ้า ผมเชื่อว่าท่านปรมาจารย์กู่ยกู๋เองก็จะเป็นผู้ผดุงคุณธรรมเช่นกัน!”

กู่ผินใบหน้ากระตุก คำพูดนี้ช่าง เหมือนกับไม่ได้เอ่ยอย่างไรอย่างนั้น นี่แสดงว่าไม่มีความมั่นใจเลย!

ไม่รอให้เขาเอ่ยอันใดต่อ ฟางเหยียนก็ก้าวเท้าเดินหน้าเรียบร้อย เทียนขุยก็เดินตามอยู่ด้านหลัง

กู่ผินส่ายหน้าอย่างเอือมระอา บ่นพึมพำกับตัวเอง: “เรื่องเลยเถิดมาจนถึงตอนนี้ ก็คงทำได้เพียงเชื่อใจเขาแล้วละ”

เพิ่งเขามาในภูเขาลึกได้ไม่นาน ทั้งสองคนก็รู้สึกลมหนาวพัดมาเป็นระยะๆ ราวกับเข้ามายังสุสานร้างอย่างไรอย่างนั้น รอบด้านไม่มีร่องรอยของมนุษย์ ต่อให้เป็นสัตว์ก็ไม่มีสักตัว นี่มันเหมือนประตูนรกที่ไหนกัน นี่มันเหมือนภูเขามรณะลูกหนึ่งจริงๆ !

ทั้งภูเขาลึกสงบเงียบ บรรยากาศหนักอึ้ง มีความรู้สึกกดดันอย่างมาก ทว่าที่ทำให้ทั้งสองคนไม่เข้าใจก็คือ ภูเขาป่าลึกที่สงบเงียบนี้ เหตุใดต้นไม้กลับไม่ถูกกระทบด้วย? กลับมีความอุดมสมบูรณ์ สูงชะลูด ทว่าหญ้าที่อยู่บนพื้นกลับถูกไฟเผาไหม้เกรียม ไม่มีรอดเลยสักต้น!

ช่างน่าอัศจรรย์เสียจริง!

ตั้งแต่ก้าวเข้ามาในนี้ เทียนขุยก็ไม่ได้เอ่ยอันใด กลายเป็นคนเงียบพูดน้อยทันที ทว่าเมื่อฟางเหยียนหันหลังกลับไปมอง จึงพบว่าบนใบหน้าของเทียนขุยเต็มไปด้วยเกล็ดน้ำแข็ง สายตาล่องลอย ร่างกายสั่นเทารุนแรง!

หนาวจนแข็งแล้ว!

ฟางเหยียนคิดไม่ตกว่าตรงไหนที่ผิดไป เขามีความรู้สึกหนาวเหน็บอยู่ก็จริง แต่ก็ไม่ถึงขั้นที่จะหนาวจนตัวแข็งเร็วเช่นนี้!

เมื่อเห็นว่าเทียนขุยท่าทางไม่ดีขึ้นเรื่อยๆ เขาจึงไม่ลังเล ยกมือขึ้นมา จากนั้นหมอกขาวที่เลือนรางก็ลอยไปหาเทียนขุย เขาสั่นเทารุนแรงขึ้นมาราวกับคนถูกไฟดูด เมื่อได้สติ จึงได้เอ่ยด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ: “โผ้จวิน เมื่อกี้ผมเกือบจะแข็งตายแล้วใช่ไหม!”

ฟางเหยียนเอ่ยด้วยน้ำเสียงทุ้มต่ำ: “ที่นี่ป่าเถื่อนมาก ระวังหน่อย รวบรวมกำลังภายในกำจัดความหนาวซะ”

เทียนขุยเอ่ยตอบรับ พลังช่วงหลังของระดับต้าชี่เป็นที่ประจักษ์ เขารู้สึกดีขึ้นมามากแล้ว: “โผ้จวิน ดูเหมือนว่ากู่ผินจะไม่ได้หลอกพวกเรานะ เขตต้องห้ามนี้ไม่ใช่ที่ที่คนควรอยู่จริงๆ ด้วย! เป็นสิ่งที่ดุร้ายจริงๆ ด้วย ป่าเถื่อนเกินไปแล้ว น่าประหลาดเกินไปแล้ว!”

ฟางเหยียนไม่ได้เอ่ยอันใด สิ่งที่เทียนขุยรู้สึกว่าน่าประหลาด เขาก็คิดเช่นนั้นเหมือนกัน สำหรับเหตุผลนั้น ความจริงก็คือ เทียนขุยอ่อนแอเล็กน้อย!

ทว่าตอนที่เขาเดินจากมา ก็ยังทำสิ่งหนึ่งให้เทียนขุย นั่นคือทิ้งพลังภายในของเขา ช่วยเทียนขุยกำบังภัยจากความหนาวเย็นและความร้อนจัดไปจนได้

“โผ้จวิน ตั้งแต่ไหนแต่ไรมา ผมคิดว่าตัวเองจะสามารถตามรอยเท้าของคุณทันอย่างรวดเร็ว แต่พอดูตอนนี้ ผมเป็นตัวถ่วงคุณมาโดยตลอด ขอโทษจริงๆ ครั้งนี้ผมเป็นตัวถ่วงคุณอีกแล้ว”

ฟางเหยียนเอ่ย โดยไม่หันกลับไปมอง: “ระหว่างสหาย ไม่ต้องพูดอะไรมาก”

เทียนขุยยิ้มอย่างขมขื่น และทำได้เพียงมองส่งฟางเหยียนเดินจากไปคนเดียวในความลึก

อันที่จริง เพิ่งจะมาจากโลกน้ำแข็งอันหนาวเหน็บและมายังสภาพแวดล้อมที่เป็นภูเขาเพลิงไฟร้อนระอุนี้ ไม่ว่าจะเป็นผู้ใดก็ยากที่จะรับไหว ความทรมานจากร่างกายเป็นสิ่งรองลงมา ที่สำคัญที่สุดก็คือได้รับความทรมานในด้านของจิตใจ ภายในสภาพแวดล้อมที่ร้อนระอุอย่างหาที่เปรียบไม่ได้นี้ ราวกับเดินอยู่ในทะเลทรายอันกว้างใหญ่ ขาดน้ำและแห้งเหือด เป็นบททดสอบที่ยิ่งใหญ่ที่สุด

ปากแห้ง ลำคอมีควันออก คำบรรยายเหล่านี้ล้วนไม่สามารถอธิบายความร้อนระอุในตอนนี้ได้

นอกจากร้อนแล้วเวียนหัว ศพหลายร่างก็เป็นหลักฐานที่ดีที่สุด ต่างก็ร้องทุกข์ถึงความน่ากลัวและความป่าเถื่อนของที่นี่!

ยิ่งเข้าไปลึกขึ้น เมื่อฟางเหยียนเดินมาได้ไม่กี่นาที ก็เริ่มก้าวเท้าลำบาก ราวกับทุกย่างก้าวของเขาจะทำให้พลังทั้งหมดสูญสิ้นไป ใบหน้าซีดเซียวราวกับเป็นกระดาษเปล่า ไม่มีเลือดฝาดเลยสักนิด ผิวหนังก็เริ่มแตกระแหง โดยเฉพาะริมฝีปาก แตกออกเป็นผิวแยกชั้น

ฟางเหยียนทนไม่ได้ขนาดนั้นจริงๆ หรือ?

ไม่!

เขาไม่ได้ใช้พลังภายในมาโดยตลอด นอกจากเขาว่าพบโรคเก่าของตัวเองมีความสบายในสภาพแวดล้อมเช่นนี้ เป้าหมายก็คือต้องการหลอมร่างกาย

โรคเก่ามีชีวิตชีวาขึ้นมา ทว่าสุดท้ายก็ไม่สามารถขจัดออกได้ นี่ทำให้เขาทรมานเล็กน้อย

ด้วยการนี้ เขาจึงไม่กล้าที่จะฝืนทน ระดับความแกร่งของร่างกายได้เกินกว่าที่จะรับไหวเรียบร้อย ขืนฝืนต่อไป บางทีอาจเป็นดั่งศพแห้งที่อยู่ข้างหลังก็เป็นได้!

และเช่นนี้เอง ฟางเหยียนได้เดินหน้าไปต่อหลายนาที เพิกเฉยต่อความร้อนระอุ ราวกับเป็นสถานที่ที่ไร้คน หมอกสีขาวนั่นก็คล้ายเป็นโล่กำบัง ตัดขาดความร้อนระอุไป ทำให้เขาเดินได้เร็วขึ้น เดินได้ไกลขึ้น

ทันใดนั้นเอง เขาก็หยุดเดิน มองไปข้างหน้าด้วยสายตาสงบนิ่ง มุมปากยกขึ้นมาฉีกรอยยิ้ม: “ในที่สุดก็ปรากฏตัวออกมาสักที!”

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จอมนักรบทรงเกียรติยศ