ตำบลจินสุ่ยเจิ้น?
ชายแดนประเทศหวา ติดกับประเทศเยว่ เป็นเมืองชายแดนขนาดใหญ่ที่อยู่ระหว่างประเทศหวาและประเทศเยว่ ได้ทำการค้าขายและแลกเปลี่ยนสินค้ากันอย่างคึกคักมาตลอด และตำบลจินสุ่ยเจิ้นเป็นที่ที่มีคนดีคนชั่วปะปนกันมากมาย สภาพแวดล้อมวุ่นวายมาก เศรษฐกิจที่เติบโตขึ้นอยู่รวดเร็วส่งผลให้เกิดธุรกิจสีดำขึ้นมากมาย วุ่นวายเป็นอย่างมาก ถือเป็นที่ที่หน่วยงานรัฐไม่สนใจไม่อยากเข้าไปยุ่งเกี่ยว
มีเรื่องหนึ่งที่จำเป็นต้องพูดถึง พี่หวางในตอนนั้น เป็นนักเลงเจ้าถิ่นในตำบลจินสุ่ยเจิ้น เป็นคนกล้าหาญมุทะลุต่อสู้เก่ง อีกทั้งเป็นทหารรับจ้างต่างประเทศที่ปลดประจำการกลับมา โหดเหี้ยมอำมหิตจนสามารถจัดการกับสภาพวุ่นวายของตำบลจินสุ่ยเจิ้นในตอนนี้ได้ ทำให้เขากลายเป็นเจ้าพ่อแห่งตำบลจินสุ่ยเจิ้น!
ไม่รอให้เทียนฝู่พูดจบ เทียนกางก็ได้พุ่งตัวออกไปอย่างรวดเร็ว คนอื่น ๆ ก็ไม่ลังเลเช่นกัน รีบตามไปติด ๆ มีเพียงเทียนขุยที่ยังนั่งอยู่ที่เดิม มองพวกเขาจากไปด้วยสายตาอาลัยอาวรณ์
——
“ลูกพี่ครับ ดูเหมือนว่าจะมีคนแปลกหน้าเข้ามาที่ตำบลจินสุ่ยเจิ้น และเหมือนคนพวกนี้จะมาตามหาอะไรด้วย ท่าทางโอหังอวดดีเหมือนเป็นพวกทหาร ยิ่งไปกว่านั้นคือมาตามหาผู้หญิงสวยคนหนึ่ง ดูไม่ค่อยปกติสักเท่าไหร่”
ลูกพี่หวางขมวดคิ้วเล็กน้อย คนแปลกหน้าสำหรับเขา ง่ายดายเหมือนกับการกินข้าวนอนหลับนั่นแหละ แต่ตามหาผู้หญิง อีกทั้งยังเป็นผู้หญิงสวยด้วย นี่เกี่ยวข้องกับเขาโดยตรง!
ผู้หญิงหน้าตาดีคนไหนมาถึงตำบลจินสุ่ยเจิ้น ล้วนต้องให้เขาดูแลอุปถัมภ์ทั้งนั้น ถึงจะยอมรามือไปได้
“ทหาร?” ลูกพี่หวางฉีกยิ้มกว้าง “นึกถึงตอนนั้นที่กูเป็นรองหัวหน้ากลุ่มทหารรับจ้างหมาป่าดำ คนที่กูฆ่าทิ้งยังมากกว่าข้าวที่มึงกินเสียอีก คิดจะเล่นลูกไม้ต่อหน้ากูเหรอ? เบื่อชีวิตแล้วใช่ไหม? ไปจับตาดูพวกมันเอาไว้ให้ดี ถ้าหากถูกพวกมันเอาตัวไปได้ กูจะฆ่ามึงทิ้งซะ!”
คนคนนั้นนิ่งเงียบ แล้วถอยออกไปด้วยท่าทางตัวสั่น
จากนั้นลูกพี่หวางได้มองมายังสาวสวยที่อยู่ในอ้อมกอด ความโมโหที่เต็มใบหน้าได้หายไปทันที แทนที่ด้วยรอยยิ้มกว้าง มือไม้อยู่ไม่นิ่ง ลูบไล้ไปมา : “เอาอกเอาใจฉันให้ดี แล้วเธอจะได้รับสิ่งตอบแทนสาสม”
สาวสวยที่อยู่ในอ้อมกอดแสร้งทำเป็นเขินอาย แล้วเอาหน้าซุกลงไปตรงหน้าอกของลูกพี่หวาง ท่าทางเหมือนลูกแกะที่กำลังจะถูกเชือด!
ลูกพี่หวางยิ้มจนแก้มปริ ท่าทางปล่อยเนื้อปล่อยตัว จนกำลังจะเข้าด้ายเข้าเข็มกัน หน้าประตูก็มีเสียงร้องโหยหวนดังขึ้น ขัดจังหวะเขาขึ้นมา!
น่าโมโหชะมัด!
สิ่งที่เขาเกลียดมากสุดคือเวลาที่เขากำลังเข้าด้ายเข้าเข็มอยู่ แล้วมีคนมาขัดจังหวะ!
“ลูกพี่ครับ เกิดเรื่องใหญ่ขึ้นแล้ว มีคนกล้าลงไม้ลงมือในตำบลจินสุ่ยเจิ้นของพวกเรา! ทั้งยังทำร้ายพี่น้องของพวกเราไปหลายคนด้วย เห็นเลือด......” คนคนนั้นถลาเข้ามา แล้วลูกตาก็แทบจะหลุดร่วงลงไปบนพื้น เขากลืนน้ำลายลงคออย่างยากลำบาก พลางเอ่ยพูดอย่างเหม่อลอยว่า : “ขาวจัง!”
เพี๊ยะ!
ฝ่ามือฟาดเข้าไปที่ข้างหู ทำให้เขามึนงงไปทันที!
เลือดไหลออกมาทางจมูกและปาก ใบหน้าบวมเป่งยิ่งกว่าหัวหมูหลายเท่าตัว ซวนเซไปหลายก้าว แล้วก็ล้มลงไปกับพื้นอย่างแรง
เห็นได้ชัดว่าลูกพี่หวางนั้นโมโหมากจริง ๆ!
ความโมโหทั้งหมดของเขารวมอยู่ที่ฝ่ามือนี้ ในตอนนี้ เขาพยายามระบายอารมณ์ แต่ก็ไม่ช่วยอะไร
ลูกพี่หวางที่มีร่างกายกำยำล่ำสันได้หันตัวไปใส่เสื้อผ้า และได้ใส่เสื้อผ้าให้สาวสวยคนนั้นด้วย จากนั้นหันตัวกลับมา แล้วกระทืบซ้ำอย่างหนักหน่วงอีกหลายครั้ง แต่ดูเหมือนจะไม่สามารถระบายความโกรธแค้นในใจออกไปได้หมด
“กล้ามาก่อเรื่องถึงในถิ่นกู อีกทั้งยังทำร้ายพี่น้องของกู ใครก็ได้มานี่หน่อย คืนนี้กูจะฆ่าคน!”
ตัวเองได้ออกไปอย่างรวดเร็ว ทิ้งให้สาวงามคนนั้นตกใจหน้าถอดสีอยู่คนเดียว ตอนนี้ เธอถึงจำได้ขึ้นมา ว่าชายหนุ่มร่างกำยำที่ภายนอกดูใจดีคนนี้คือเจ้าพ่อแห่งตำบลจินสุ่ยเจิ้น!
คนร้อยกว่าคนรีบร้อนมายังสนามจินสุ่ย สนามจินสุ่ยตั้งอยู่ใจกลางตำบลจินสุ่ยเจิ้น มีแท่นประลองเปิดโล่งขนาดใหญ่ เดิมทีเป็นแท่นที่ไว้ลงโทษตัดหัวของตำบลจินสุ่ยเจิ้น แต่ต่อมาได้ค่อย ๆ เปลี่ยนเป็นที่สำหรับชำระแค้นส่วนตัวและเป็นที่ประลองความยิ่งใหญ่ จนถึงตอนนี้ได้พัฒนากลายเป็นสถานที่ยามราตรีของตำบลจินสุ่ยเจิ้น มีผู้คนจำนวนไม่น้อยมาเต้นรำตากลมยามค่ำคืน เหมือนได้ทำให้ทั้งตำบลจินสุ่ยเจิ้นกลายเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน
แต่ใครต่างก็รู้ดีว่า ตำบลจินสุ่ยเจิ้นแตกต่างจากตำบลเล็ก ๆ ตำบลอื่น ที่นี่เรียกได้ว่าเป็นสวรรค์ของคนทำผิด หากไม่ได้เป็นสนามจินสุ่ย มันอาจยังคงเป็นสถานที่ที่อันตรายในสายตาของทุกคน!
ยังไงคนที่จบชีวิตลงตรงนี้ ก็มีเป็นร้อยเป็นพันคน มีไม่น้อยเลยที่ต้องตายอย่างไม่เป็นธรรม มีแต่ความรุนแรงโหดเหี้ยม
แม้แต่ชาวพื้นเมือง ก็ยังหวาดกลัวเป็นอย่างมาก
จนสนามจินสุ่ยได้รับความนิยมมากขึ้น ผู้คนไม่น้อยจึงค่อย ๆ คลายความหวาดกลัว จากนั้นจึงอุดมไปด้วยชีวิตและวัฒนธรรม
เมื่อลูกพี่หวางและคนจำนวนหนึ่งรีบร้อนมาถึงที่นี่ ได้ทำลายความเงียบสงบลงทันที จนทำให้ผู้คนต่างพากันตกใจไม่น้อย แล้วแยกย้ายหลีกหนีกันไปทั่วทุกทิศ ไม่มีใครกล้ามุงดูเหตุการณ์ในตอนนี้ แต่ละคนท่าทางดุร้ายมาก รู้เลยว่าต้องเกิดเรื่องใหญ่ขึ้นแน่นอน
เมื่อรอจนทุกคนออกไปหมดแล้ว สนามจินสุ่ยก็เหลือเพียงคนสวมเสื้อคลุมสีดำนั่งอยู่หนึ่งคน ท่าทางไม่ตื่นตระหนกกับสิ่งที่เกิดขึ้นเลย ราวกับกำลังรอคอยพวกเขาอยู่
“ลูกพี่ครับ คนตรงหน้าคนนี้แหละ ที่มันทำร้ายคนของเรา!”
ทันใดนั้น คนที่ยืนอยู่ด้านข้างก็ได้เอ่ยพูดขึ้นด้วยเสียงเบา ๆ
ลูกพี่หวางสีหน้าอำมหิต เอ่ยพูดด้วยเสียงเคร่งขรึม : “ไอ้หนุ่ม แกทำร้ายคนของฉันเหรอ?”
“ในเมื่อพูดแล้วไม่ฟัง ก็ต้องทุบตีสิ ตีตัวเล็กไป ตัวใหญ่ดันโผล่มาอีก เหมือนหมาที่เที่ยวอาศัยบารมีเจ้านายมาอวดเบ่ง!”
“ไอ้หนุ่ม แกกล้าด่าฉันว่าเป็นหมาเหรอ?”
“สมองหมูอย่างแกเนี่ยนะ ด่าแกเป็นหมายังถือว่าสบประมาทหมาเลย เพราะหมามันรู้จักจงรักภักดี!”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จอมนักรบทรงเกียรติยศ