จอมนักรบทรงเกียรติยศ นิยาย บท 96

สรุปบท บทที่96 ให้ต่งยู่เป็นเมียน้อยคุณ: จอมนักรบทรงเกียรติยศ

ตอน บทที่96 ให้ต่งยู่เป็นเมียน้อยคุณ จาก จอมนักรบทรงเกียรติยศ – ความลับ ความรัก และการเปลี่ยนแปลง

บทที่96 ให้ต่งยู่เป็นเมียน้อยคุณ คือตอนที่เปี่ยมด้วยอารมณ์และสาระในนิยายใช้ชีวิต จอมนักรบทรงเกียรติยศ ที่เขียนโดย โซ่วปี่หนานซาน เรื่องราวดำเนินสู่จุดสำคัญ ไม่ว่าจะเป็นการเปิดเผยใจตัวละคร การตัดสินใจที่ส่งผลต่ออนาคต หรือความลับที่ซ่อนมานาน เรียกได้ว่าเป็นตอนที่นักอ่านรอคอย

พอผู้ชายทั้งสามคนเห็นลักษณะพลังนี้เข้า ไร้กำลังวังชาในชั่วพริบตาเดียว กอดสิ่งของของตนเองไว้ พูดจาอย่างไม่กล้ามีปัญหา “ได้ พวกนายไม่ซื้อก็ช่างเถอะ พวกเราไปกันดีกว่า!”

พูดจบทั้งสามคนออกไปจากร้านของเก่าต่งซื่ออย่างหงอยเหงาเศร้าซึม

ฟางเหยียนสังเกตผู้ชายที่เข้ามาอยู่ แล้วถามขึ้นว่า “ขอโทษนะครับท่านคือคุณต่งโป๋เหวิน?”

ผู้ชายวัยกลางคนสังเกตดูฟางเหยียนรอบหนึ่งเหมือนกัน จากนั้นยิ้มตอบ “ใช่ เมื่อกี้ฟังการวิเคราะห์ของพ่อหนุ่มแล้ว ศึกษาวิจัยของโบราณมากเลยเหรอ?”

ฟางเหยียนตอบอย่างถ่อมตัว “ผมเพียงแค่รู้งูๆ ปลาๆ ท่านสิครับถึงเป็นผู้เชี่ยวชาญที่แท้จริง”

“พ่อ!” ต่งยู่ดึงแขนของต่งโป๋เหวินไว้แล้วพูดว่า “นี่คือฟางเหยียนคนนั้นที่หนูเคยบอกพ่อไง ตอนแรกที่เมืองจินโจว ถ้าไม่ใช่เขา หนูคงถูกคนหลอกไปห้าล้านแล้วล่ะ”

“อ่อ?” ต่งโป๋เหวินหัวเราะฮาๆ บอกว่า “ที่แท้เป็นพ่อหนุ่มฟางเองหรือ ได้ยินชื่อเสียงและเลื่อมใสมานานแล้ว”

เขาเอามือมาไว้ที่หน้าอกทำท่าทางกุมมือทักทายออกมาแบบคนยุทธภพ ฟางเหยียนเคารพกลับแบบเดียวกัน

ต่งโป๋เหวินเชื้อเชิญฟางเหยียนนั่งลง บอกให้ต่งยู่ไปรินชา จากนั้นทั้งสองคนจึงเริ่มพูดคุยกันขึ้นมา

“นี่คือคุณฟางเข้ามาหาผมเป็นพิเศษงั้นเหรอ?” ต่งโป๋เหวินเป็นผู้ชายยุทธภพที่ชอบความตรงไปตรงมา นี่คือสิ่งที่เขาสะสมมาในระยะแรกที่เดินทางมายุทธภพ

เมื่ออายุยังน้อยเขาก็เหมือนกับหลิวเหอฉางดินทางไปที่เขตพื้นเมืองและประเทศชาติเก่าแก่บางส่วน

ฟางเหยียนพูดอย่างไม่อ้อมค้อมเช่นกัน “ใช่ครับ มีเรื่องอยากขอให้ท่านต่งช่วยเหลือครับ!”

ต่งโป๋เหวินมีประสบการณ์โชกโชนนับไม่ถ้วน จากพฤติกรรมและท่าทีของฟางเหยียนแล้ว สามารถมองออกว่าเขาไม่เหมือนคนทั่วไป ดังนั้นจึงขมวดคิ้วขึ้นพลางถามว่า “ไม่ทราบว่าผมมีความสามารถอะไรพอที่จะสามารถช่วยคุณฟางได้ อีกอย่างทำไมคุณฟางถึงคิดว่าผมจะช่วยคุณได้ล่ะ?”

ได้ยินคำพูดนี้ของต่งโป๋เหวิน ต่งยู่รีบพูดทันที “พ่อ คนอื่นเขาเคยช่วยหนูไว้ ทำไมพ่อถึงไม่ช่วยคนอื่นเขาบ้างล่ะ”

ต่งโป๋เหวินยกมือขึ้นมาขัดจังหวะต่งยู่แล้วบอกว่า “จะช่วยคุณหรือไม่ ยังต้องดูความจริงใจของคุณ!”

ต่งโป๋เหวินเป็นผู้เชี่ยวชาญที่มีชื่อเสียงจริง สไตล์การทำงานยังไม่เหมือนกับคนทั่วไป แม้ว่าเมื่อสักครู่ฟางเหยียนจะลงมือช่วยเขาแล้ว แต่ต่งโป๋เหวินคนนี้ดูเหมือนไม่ได้ซื้อง่ายขนาดนั้น

“ท่านต่งหมายถึงอัญมณีเลือดทองเหรอครับ?” ฟางเหยียนถามขึ้น

เมื่อต่งยู่ได้ยินว่าเป็นของล้ำค่าที่ประเมินมูลค่าไม่ได้ชิ้นนี้ เธอจึงรีบพูดขึ้นมา “พ่อ นั่นคือของคนอื่นเขานะ”

เธอคิดว่าหลังจากต่งโป๋เหวินได้ยินอัญมณีเลือดทองนี้แล้ว จะตื่นเต้นกับสิ่งของชิ้นนี้

ต่งโป๋เหวินหัวเราะฮาๆๆ ขึ้นมา พูดว่า “ทรัพย์สินเล็กๆ จะมายกให้ผมต่งโป๋เหวินได้อย่างไรกันล่ะ? อัญมณีเลือดทองเป็นของล้ำค่าที่สูงส่งที่สุด แต่ผมอายุมากขนาดนี้แล้ว ไม่ได้ตื่นเต้นกับของโบราณพวกนี้เหมือนในตอนแรกตั้งนานแล้ว”

“อย่างนั้นเชิญท่านต่งพูดมาตามตรงเลยเถอะครับ!” ฟางเหยียนถามแบบจี้จุดประเด็นสำคัญ

ต่งโป๋เหวินยกมือขึ้นมาดึงมือของต่งยู่ไว้แล้วบอกว่า “ไม่มีใครเข้าใจลูกสาวดีเท่าพ่อ ลูกสาวผมต่งยู่พึ่งพาอาศัยอยู่ด้วยกันกับผมมาตั้งแต่เด็ก เนื่องจากแม่หล่อนจากไปเร็ว หล่อนเลยมีนิสัยเด็ดเดี่ยวทำอะไรโดยลำพังมาตั้งแต่แรก ลูกสาวคนนี้ของผมยังหยิ่งยโสมาก ดูถูกผู้ชายทั่วไปด้วย ก่อนหน้านี้ผมเป็นห่วงมากว่าลูกสาวผมจะไม่ได้แต่งงาน ทว่าตั้งแต่หล่อนกลับมาจากเมืองจินโจวผมพบว่าหล่อนเปลี่ยนไป มักจะพูดถึงผู้ชายคนหนึ่งกับผมบ่อยๆ เมื่อกี้ยังขวางด้านหน้าผมแล้วพูดแทนผู้ชายคนหนึ่ง พฤติกรรมแบบนี้เพิ่งเคยเกิดขึ้นเป็นครั้งแรก!”

คำพูดของต่งโป๋เหวินทำให้จิตใจฟางเหยียนสั่นสะเทือน และยิ่งทำให้ต่งยู่ที่ยืนอยู่ด้านข้างสีหน้าแดงระเรื่อ เธอเงยหน้ามองทางฟางเหยียน ทันทีที่สบสายตาของฟางเหยียนเข้า เธอก็รีบเก็บสายตากลับทันที

ไม่ผิด นี่คือต่งโป๋เหวินพูดจี้ใจของเธอเต็มๆ เธอต้องยอมรับว่าตนเองชอบฟางเหยียนเข้าแล้วจริงๆ

สีหน้าฟางเหยียนเปลี่ยนเล็กน้อย ก่อนจะพูดว่า “คุณหนูต่งหน้าตางดงาม โดดเด่นเป็นธรรมชาติ ผมจะไม่พอใจได้อย่างไรกันครับ เพียงแต่ผมแต่งงานมีภรรยาแล้ว จะว่าไปยุคสมัยนี้มีเมียน้อยได้ที่ไหนกัน!”

ตอนที่พูด ฟางเหยียนยังส่ายหน้าอย่างจำใจอยู่ตลอด ต่งโป๋เหวินคนนี้น่าสนใจเสียจริงๆ เลย

“ใครบอกไม่ได้กัน ด้วยสถานะของคุณแล้ว รับเมียน้อยคงไม่ใช่ปัญหามั้ง?” คำพูดประโยคหนึ่งของต่งโป๋เหวินทำให้สีหน้าฟางเหยียนเปลี่ยนไปมาก หรือว่าต่งโป๋เหวินคนนี้ยังเข้าใจวิชาโหงวเฮ้ง พอเริ่มเอ่ยปากก็พูดถึงสถานะของตนเองเสียแล้ว

ทว่าไม่นานต่งโป๋เหวินก็เผยรอยยิ้มออกมาพลางพูดว่า “คุณฟางสามารถพิจารณาดีๆ ไม่ต้องรีบร้อนตอบผมหรอก”

“ใช่แล้ว คุณมีเรื่องอะไรอยากให้ผมช่วย ว่ามาเถอะ!”

ในที่สุดก็กลับมาที่ประเด็นหลัก ฟางเหยียนเงียบงันครู่หนึ่ง คลำหาหินสีแดงและเขียวสองก้อนนั้นออกมาก่อนจะยื่นให้ต่งโป๋เหวินโดยตรง จากนั้นพูดว่า “ท่านต่งรู้หรือเปล่าครับว่านี่คือของอะไร?”

“หินทิพย์!” ชั่วขณะที่ต่งโป๋เหวินมองเห็นก้อนหินนั้น ก็พูดสองคำนี้ออกมาแล้ว

เป็นอย่างที่คาดคิด ผู้อาวุโสท่านนั้นไม่ได้หลอกตนเอง ต่งโป๋เหวินรู้ว่านี่คือของอะไร

ต่งโป๋เหวินลุกขึ้นยืน ถือหินที่สีสันต่างกันไว้จากนั้นเริ่มศึกษาขึ้นมาแล้ว หลังจากดูไปสักพักหนึ่ง เขาร้องโอ๊ยขึ้นมาทีหนึ่งแล้วบอกว่า “นี่เป็นของดีจริงๆ ด้วย! คุณรอเดี๋ยวนะ”

พูดจบเขาเดินไปหยิบอุปกรณ์ชิ้นหนึ่งและแว่นขยายอันหนึ่งที่อยู่บนเคาน์เตอร์ เริ่มศึกษาบนก้อนหินขึ้นมาไม่หยุด ตลอดกระบวนการนั้น ฟางเหยียนไม่ได้รบกวน เพียงแค่ยืนดูต่งโป๋เหวินคนนี้อยู่ด้านข้างเงียบๆ

หลังจากวางเครื่องมือลง ต่งโป๋เหวินเคาะหินทิพย์ดูสักหน่อย ก่อนจะเอามาไว้ที่ข้างหูของตนเองแล้วฟังเสียง ทำแบบนี้สลับกันไปมาอยู่ครึ่งชั่วโมงได้ เขาถึงวางหินทิพย์ลงและพูดว่า “นี่เหมือนว่าจะเป็นหินทิพย์ที่นานหลายปีแล้วมั้ง เป็นของหายากในโลก”

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จอมนักรบทรงเกียรติยศ