จอมศาสตราพลิกดารา นิยาย บท 103

พริบตาเดียว ตัวต้นเหตุทั้งหลายได้รับโทษตายทั้งสิ้น

หลี่มู่โยนดาบยาวในมือทิ้งไปอีกด้านหนึ่ง

ตอนนั้นในพรรคเสินหนง เขาโมโหจนลงมือสังหารศิษย์พรรคเสินหนงตายไปไม่น้อย ผู้ที่ถูกก้อนหินถล่มลงมาทับบาดเจ็บล้มตายก็มีไม่น้อยเช่นกัน นั่นเพราะตอนนั้นเห็นแม่ลูกโจทก์คู่นั้นตายอย่างน่าอนาถในรังโจรพรรคเสินหนง หลี่มู่ที่อยู่ในสภาวะคลุ้มคลั่ง โกรธแค้นเต็มกำลัง ไม่อาจควบคุมตัวเองได้เลย

หลังจากจบเรื่อง หลี่มู่ก็เคยคิดทบทวนดู

คน…อย่างไรเสียก็ไม่ใช่หมูในโรงเชือด ฟ้าเมตตาต่อสรรพชีวิต ชีวิตของทุกคนมีแค่ครั้งเดียวเท่านั้น

ดังนั้นหลังจากศึกนั้นมา เมื่อหลี่มู่ลงมือ ส่วนใหญ่จึงจะลงโทษเพื่อตักเตือนเป็นหลัก น้อยนักที่จะลงมือสังหาร

แต่วันนี้เขาสูญเสียการควบคุมอีกครั้ง

อีกทั้งตอนนี้เขาก็ไม่เสียใจด้วย

คนอย่างหนิงจ้งซานและฉู่ซูเฟิงพรรค์นี้ ชั่วช้าสามานย์ วิธีการโหดเหี้ยม ปีนขึ้นมาถึงตำแหน่งนี้ในวันนี้ได้ ไม่รู้ว่าเหยียบเลือดและกระดูกของผู้บริสุทธิ์ต่อเท่าไหร่เพื่อก้าวขึ้นมาทีละก้าว อีกทั้งต่อให้ไม่คิดเล็กคิดน้อยต่อความผิดก่อนหน้านี้ ลำพังแค่การกระทำทุกอย่างของพวกเขาในอำเภอขาวพิสุทธิ์ในไม่กี่วัน ก็ล้ำเส้นของหลี่มู่แล้ว

สังหารคนพวกนี้ทิ้ง หลี่มู่ไม่เสียใจแม้แต่น้อย

โดยเฉพาะตอนที่เขาซัดผู้ตรวจสวีตายในฝ่ามือเดียว เขาก็คิดตกแล้ว

เขาคิดถึงยามอยู่บนโลก ในละครหุ่นชุดอัสนีฟาด[1]ที่เป็นที่นิยมในช่วงหนึ่ง มีคำพูดติดปากซึ่ง ‘ฟ๋อเจี้ยนเฟินซัว[2]’ ตัวละครยอดนิยมเคยพูดไว้…ฆ่าเพื่อปกป้อง สังหารอธรรมมิได้สังหารคน

‘ฟ๋อเจี้ยนเฟินซัว’ ที่เป็นพระแห่งพุทธศาสนา ในขณะที่ถ่องแท้ในพระธรรม พลังฝึกวรยุทธ์ก็แข็งแกร่ง ตลอดชีวิตของเขาเกลียดชังความชั่วร้าย เมื่อเผชิญกับอธรรมก็ไม่เคยออมมือ สังหารพวกคนชั่วช้าเลวทรามไปไม่รู้ต่อเท่าไหร่ ทำให้คนชั่วนับไม่ถ้วน เมื่อได้ยินชื่อเขาต่างต้องถอยหนี ร่ำไห้ราวเสียบิดามารดา

ก็เหมือนดั่งนามของเขา ในใจของเขาฟ๋อเจี้ยนเฟินซัว ‘พระธรรม’ และ ‘กระบี่’ ต้องแยกกันพิจารณา ธรรมะช่วยคนที่มีวาสนาต่อกัน กระบี่สังหารอธรรม การสังหารอธรรมก็เพื่อปกป้องผู้มีจิตดีงามให้ดียิ่งขึ้น ส่งคนชั่วไปสำนึกผิดแก้ตัวในนรก ก็เป็นหลักธรรมอย่างหนึ่งเช่นกัน

ในบรรดาตัวละครมากมายในโลกที่โหดร้ายอำมหิตของละครชุดอัสนีฟาด พระเถระในพุทธศาสนาที่ไม่เหมือนใครผู้นี้ เป็นที่ชื่นชอบและนิยมจากผู้ชมอย่างที่ใครก็เทียบไม่ได้ ไม่แพ้ตัวละครหลักอย่างซู่หวนเจินเลย นี่ก็เพราะเสน่ห์ดึงดูดใจอันเป็นเอกลักษณ์ของเขา

หลี่มู่มองศพของพวกหนิงจ้งซาน ฉู่ซูเฟิง และเฉียนเฉิงที่อยู่บนพื้น ในใจไม่มีความรู้สึกเสียใจแม้แต่น้อย

เขาฆ่าสวะพวกนี้ทิ้งก็จะสามารถปกป้องคนได้มากยิ่งขึ้น ไม่ให้พวกมันไปทำร้ายใครได้

สายตาของเขามองไปยังรองนายพลสองคนที่เหลืออยู่ และกองกำลังเกราะดำทั้งหลาย

รองนายพลสองคนนั้นตกใจจนขวัญผวาทันที แต่จะหนีก็ไม่กล้า จึงคุกเข่าลงบนพื้นเสียงดังตุ้บ เนื้อตัวสั่นเทิ้ม พลางอ้อนวอนร้องขอ

สายตาของหลี่มู่เพียงกวาดไป ทหารชุดเกราะดำเกือบร้อยนายก็คุกเข่าลงบนพื้น ทิ้งอาวุธในมือลง ศีรษะแตะผืนดิน ไม่กล้าตุกติกแม้แต่น้อย

“พวกเจ้าไปเสียเถอะ ไปจากอำเภอขาวพิสุทธิ์ภายในหนึ่งก้านธูป”

ถึงแม้หลี่มู่จะโกรธจัด แต่ก็ไม่ได้บ้าคลั่งจนถึงขั้นสังหารคนที่มาจากเมืองฉางอันทั้งหมด

เขาชี้ไปยังศพของหนิงจ้งซานและฉู่ซูเฟิงบนพื้น ก่อนจะเอ่ยขึ้นว่า “ทำความสะอาดลานของข้าให้สะอาด เอาศพเจ้าพวกนี้ไป กลับไปบอกใต้เท้าเจ้าเมืองคนนั้นของพวกเจ้าด้วยว่าไม่มีอะไรก็อย่าได้มาหาเรื่องข้าอีก มิเช่นนั้น ครั้งหน้าก็จะไม่ง่ายดายเช่นนี้แล้ว”

หลังจากได้ยินคำเอ่ยก่อนตายของฉู่ซูเฟิง หลี่มู่ไม่มีความรู้สึกดีกับใต้เท้าตำแหน่งเจ้าเมืองฉางอันที่ทรงอิทธิพลคนนั้นเลยสักนิด ด้วยพลังฝึกของเขาในตอนนี้ เขาไม่กลัวแค่เจ้าเมืองคนหนึ่งอีกต่อไป ดังนั้นจึงเอ่ยข่มขู่

รองนายพลสองคนนั้นได้ยินคำนี้ ก็เหมือนได้ยินเสียงสวรรค์

แต่เดิมพวกเขาคิดว่าดวงถึงคราวยากจะพ้นเคราะห์แล้ว ต้องโดนสังหารปิดปากเป็นแน่ แต่คิดไม่ถึงว่าจู่ๆ ขุนนางเมืองอำเภอขาวพิสุทธิ์จะมีจิตใจเมตตาปล่อยพวกเขาไป

“เมื่อข้ากลับไป จะพูดแต่เรื่องดีๆ เพื่อใต้เท้าหลี่แน่นอน” รองนายพลคนนั้นพูดอวดฉลาด

หลี่มู่แค่นเสียงขึ้นจมูก กล่าวว่า “ไม่ต้อง รายงานไปตามจริง”

รองนายพลคนนั้นหน้าแดงก่ำ

ทหารชุดเกราะดำเริ่มทำความสะอาดสนามต่อสู้ภายใต้การบัญชาจากนายทหารทั้งสอง เก็บศพของพวกหนิงจ้งซาน ฉู่ซูเฟิง และเฉียนเฉิงไป

ทหารชุดเกราะสองคนเดินไปพยุงหลี่ปิงขึ้นมา ต้องการจะพาจากไปด้วยกัน

“ทิ้งมันไว้” เขาชี้ไปยังหลี่ปิง

นี่ก็เป็นตัวต้นเหตุเช่นกัน จะปล่อยไปง่ายๆ ได้อย่างไร

อีกทั้งหลี่มู่ยังนึกถึงคำพูดของ ‘ซิ่วไฉใจเหี้ยม’ เจิ้งฉุนเจี้ยนก่อนหน้านี้ขึ้นได้ ในใจเดาได้เลาๆ ว่าลูกชายคนเล็กของเจ้าเมืองฉางอันอาจมีความสัมพันธ์กับหลี่มู่ตัวจริงอยู่บ้าง ต้องเอาตัวไว้เพื่อถามให้แน่ใจ

“ไม่ ไม่ๆๆ ข้าจะไปจากที่นี่ ปล่อยข้าไป…” หลี่ปิงตกใจอกสั่นขวัญแขวนทันที เขาคร่ำครวญดิ้นรนอย่างเอาเป็นเอาตาย หลี่มู่ในสายตาของเขาตอนนี้ สยองขวัญน่ากลัวเหมือนปีศาจร้ายที่มาจากนรกชัดๆ

“ขืนโวยวายอีกประโยค ข้าจะตัดขาของเจ้าทิ้งซะ” หลี่มู่จงใจพูดเสียงเย็น

หลี่ปิงกลัวจนอุดปากตัวเองทันใด ใบหน้าเหยเก

หลี่มู่ก็ขี้เกียจจะสนใจอีก จึงเดินตรงไปยังศพของเจิ้งฉุนเจี้ยน หิ้วขึ้นมาแล้วเอ่ยปากว่า “คนคนนี้ ทิ้งไว้ที่นี่ก่อน”

รองนายพลทั้งสองและทหารเกราะดำย่อมไม่มีใครกล้าขัด

ผ่านไปครู่หนึ่ง ลานด้านหน้าที่ว่าการซึ่งเละเทะเพราะการต่อสู้ก่อนหน้านี้ ร่องรอยการต่อสู้ก็ถูกลบหายไปสิ้น

“ไปเสีย ทุกสิ่งที่เกิดขึ้นในลานหน้าที่ว่าการ พวกเจ้าอย่าได้ประกาศไปในเมืองอำเภอขาวพิสุทธิ์” หลี่มู่ชี้ไปยังประตูใหญ่ “มาอย่างไรก็กลับไปอย่างนั้น อย่าได้หน้างอคอตกเป็นไก่ตีแพ้”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จอมศาสตราพลิกดารา