จอมศาสตราพลิกดารา นิยาย บท 141

ล่วงเกินยอดฝีมือชั้นยอดขั้นปรมาจารย์ผู้หนึ่ง สมาพันธ์การค้าสมบูรณ์ผลไม่กลัว

แต่หากล่วงเกินยอดฝีมือขั้นยอดปรมาจารย์ เช่นนั้นสมาพันธ์การค้าสมบูรณ์ผลก็ต้องชั่งน้ำหนักแล้ว

ร้านแลกตั๋วเงินสาขาย่อยของสมาพันธ์การค้าใต้หล้าที่อยู่ในเมืองฉางอัน ทำไมจึงราบรื่นไม่มีอะไรขัดขวาง มีตำแหน่งที่โดดเด่นเหนือผู้อื่น นั่นก็เพราะมีสุดยอดฝีมือขั้นยอดปรมาจารย์คอยดูแลอยู่ ต่อให้เป็นที่ว่าการเจ้าเมืองที่เป็นตัวแทนอำนาจของจักรวรรดิก็ยังต้องเห็นแก่หน้าของยอดปรมาจารย์คนนี้

อีกทั้งหลี่มู่ยังอายุน้อยเพียงแค่นี้

ยอดปรมาจารย์อายุน้อยกับปรมาจารย์อายุน้อย ก็ต่างกันราวฟ้ากับเหวแล้ว

จากขั้นปรมาจารย์ก้าวไปสู่ขั้นยอดปรมาจารย์ อัจฉริยะที่พรสวรรค์เป็นเลิศบางคนตลอดชั่วชีวิตก็ใช่ว่าจะเดินไปถึงได้

ไม่ใช่ปรมาจารย์ทุกคนจะฝึกถึงขั้นยอดปรมาจารย์ได้สำเร็จ ในบรรดานั้นจะขาดทรัพยากร โอกาส พรสวรรค์ ความมุมานะ หรือเหตุปัจจัยต่างๆ สิ่งใดสิ่งหนึ่งไปไม่ได้เด็ดขาด

เส้นทางการฝึกวรยุทธ์เดินขัดลิขิตฟ้า ดูดซับพลังจากฟ้าดิน เปลี่ยนแปลงคุณสมบัติกายและจิตวิญญาณของมนุษย์ที่ฟ้ากำหนดเอาไว้แล้ว การกระทำที่ทำลายกฎเกณฑ์แห่งสวรรค์ด้วยกำลังมนุษย์เช่นนี้ คือการสู้กับฟ้า หากพูดว่าขั้นตอนของคนทั่วไปจากขั้นรวมพลัง รวมปราณ และรวมจิตเป็นเพียงแค่การเปลี่ยนแปลงง่ายๆ ละก็ เช่นนั้นจากปรมาจารย์ไปยอดปรมาจารย์ก็เท่ากับปลากระโดดข้ามประตูมังกร[1]อย่างแน่นอน พูดได้ว่าเป็นการยกระดับและเปลี่ยนแปลง

เมื่อเป็นยอดปรมาจารย์ ที่ใดในโลกหล้าล้วนไปได้

สมาพันธ์การค้าสมบูรณ์ผลถึงแม้จะยืนเป็นอันดับหนึ่งในบรรดาสมาพันธ์การค้าท้องถิ่นของเมืองฉางอัน แต่ก็เป็นแค่สมาพันธ์การค้าท้องถิ่นเท่านั้น ไปล่วงเกินยอดปรมาจารย์ ผลที่เกิดขึ้นภายหลังน่ากลัวยิ่งนัก

“ไอ้ลูกเวร เจ้าไปหาเรื่องใครเข้า?”

โจวเต๋อเต้าถามโจวอวี่ด้วยสีหน้าหวาดผวา

“ก็แค่บุตรที่ถูกทิ้งเท่านั้น จะช้าจะเร็วท่านเจ้าเมืองก็จะจัดการมันอยู่แล้ว ยอดปรมาจารย์แล้วอย่างไร โลกนี้ใช่ว่าจะไม่เคยมียอดปรมาจารย์ตายสักหน่อย” โจวอวี่ตวาดราวกับเสียสติไปแล้ว

……

“คุณชายมู่…เป็นท่านจริงๆ ข้า…” เซี่ยจวี๋รู้สึกว่าภายในกายอุ่นๆ บาดแผลที่ได้รับมาเริ่มสมานตัว รอยแผลเป็นบนร่างยิ่งรู้สึกชาวาบ ตกสะเก็ดและสมานตัวด้วยความเร็วที่น่าเหลือเชื่อ “เมื่อวานโจวอวี่บอกว่าคุณชายกลับมาแล้ว ข้ายังคิดว่ามันหลอกข้า คิดไม่ถึงว่า…ฮูหยินรู้แล้วหรือยังเจ้าคะ? ข้า…ข้าลงเดินเองได้”

“ท่านแม่รู้แล้ว ขอโทษด้วย เมื่อคืนข้าน่าจะมาให้เร็วกว่านี้” หลี่มู่เอ่ยขอโทษด้วยสีหน้าที่รู้สึกผิด

เขาอุ้มเซี่ยจวี๋เอาไว้ กระโดดทะยานไปตามตึกอาคารของเมืองฉางอัน ใช้วิชาตัวเบาจนถึงขีดสุดราวกับควันอย่างไรอย่างนั้น พุ่งไปทางโรงฝึกยุทธ์กระบี่สวรรค์อย่างรวดเร็ว

“พวกเราไปรับพี่ชิวอี้กลับบ้านกัน”

เขาพูด

ระหว่างทางหลี่มู่ซื้อชุดที่ร้านอาภรณ์สตรีให้เซี่ยจวี๋เปลี่ยน จากนั้นก็พานางมุ่งหน้าไปสำนักกระบี่สวรรค์

แต่เดิมเขาวางแผนว่าจะพาเซี่ยจวี๋กลับตรอกไล่หมูก่อนแล้วค่อยไปช่วยคน แต่เมื่อคิดถึงการทรมานที่เซี่ยจวี๋ได้รับที่คฤหาสน์สกุลโจว ก็เกรงว่าชิวอี้จะถูกทรมานที่โรงฝึกยุทธ์กระบี่สวรรค์ด้วยเช่นกัน ดังนั้นจะเสียเวลาอีกไม่ได้ จึงพาเซี่ยจวี๋มุ่งหน้าไปด้วยกัน

หลังจากนั้นประมาณหนึ่งก้านธูป หลี่มู่และเซี่ยจวี๋ก็มาถึงหน้าประตูโรงฝึกยุทธ์กระบี่สวรรค์

……

ในฐานะที่เป็นโรงฝึกยุทธ์มีชื่อเสียงในเมืองฉางอัน สิ่งก่อสร้างใน ‘โรงฝึกยุทธ์กระบี่สวรรค์’ โอ่อ่าเป็นอย่างมาก ซุ้มประตูสูงสองจั้งเชื่อมกับถนนของโรงฝึกยุทธ์อันกว้างขวาง ทอดตัวยาวกว่าสามสิบจั้งจึงจะถึงประตูหน้าของโรงฝึกยุทธ์ ประตูสูงสามจั้งแกะสลักโดยใช้หินอ่อนสีขาวทั้งก้อน สองข้างซ้ายขวาของประตูมีเสามังกรพันหลักแปดต้นค้ำยันเอาไว้ ป้ายประตูเขียนไว้ว่า ‘กระบี่สวรรค์ถามหามรรคา’ เป็นตัวอักษรที่หัวหน้าโรงฝึกคนปัจจุบันเขียนเอง รัศมีอำนาจไม่ธรรมดา ทั้งยังมีมังกรแกะสลักสูงสองจั้งสองตัวประดับอยู่หน้าประตูทั้งสองข้าง

ชายรูปร่างสูงใหญ่ขั้นรวมจิตสิบหกคนสวมเกราะแดงชาดแบกดาบเหล็กด้ามผี[2] ในมือของแต่ละคนจูงเสืออัคคีเอาไว้ ยืนอยู่สองข้างประตู สายตาคมกริบดุจดาบ กวาดมองคนที่ผ่านไปมาทุกคนอย่างระมัดระวัง

ไม่เหมือนกับสมาพันธ์การค้าหรือกลุ่มการเงิน โรงฝึกยุทธ์มีอาชีพหลักคือสอนคนฝึกวรยุทธ์ ลูกศิษย์ในโรงฝึกมีมากมาย ยอดฝีมือมีนับไม่ถ้วน ดังนั้นพลังของโรงฝึกยุทธ์กระบี่สวรรค์จึงแข็งแกร่งกว่าสมาพันธ์การค้าสมบูรณ์ผลมาก

หลี่มู่และเซี่ยจวี๋มาปรากฏอยู่ที่หน้าประตูโรงฝึกยุทธ์

ถึงที่แล้ว

หลี่มู่พาเซี่ยจวี๋เดินไปยังประตูใหญ่

“หยุด” ยามที่มือจูงเสืออัคคีเดินเข้าไป ก่อนพูดขึ้น “ท่านเดินทางมาฝากตัวเป็นศิษย์ร่ำเรียนวิชารึ?”

ทว่ายังพูดไม่ทันจบ เบื้องหน้าของเขาก็พร่าเลือน ไม่เห็นเงาของหลี่มู่และเซี่ยจวี๋อีกแล้ว

เกิดอะไรขึ้น?

“พวกเจ้า…เห็นหรือไม่?” ยามรักษาการณ์คนนี้ตื่นตกใจ มองไปยังสหายคนอื่น

คนอื่นๆ ก็ตกใจอย่างมากเช่นกัน

หรือว่าจะตาลาย?

ในขณะเดียวกัน หลี่มู่ก็เข้ามาถึงในอาณาบริเวณของโรงฝึกยุทธ์กระบี่สวรรค์แล้ว

ลานฝึกยุทธ์สิบแห่งขนาดสิบหมู่ที่อยู่แยกกัน เชื่อมต่อกับอาณาบริเวณด้านหน้าทั้งหมดเอาไว้ หนุ่มสาวที่สวมชุดเครื่องแบบนักกระบี่แบ่งแถวฝึกกระบี่อยู่บนลานฝึกต่างๆ มีมากถึงพันคน แต่ล้วนเป็นจอมยุทธ์ที่เพิ่งเข้าขั้นเท่านั้น พลังโดยรวมแล้วประมาณเข้าขั้นรวมจิต ทว่าทุกลานฝึกจะมียอดฝีมือขั้นรวมจิตสูงสุดคอยชี้แนะ

หลังจากหลี่มู่ทั้งสองคนเข้าไปแล้วก็ไม่โดนใครขัดขวางอีก

ลูกศิษย์หนุ่มสาวบางคนยังประเมินคนทั้งสองอย่างประหลาดใจ ครูฝึกกลับตำหนิพวกเขาเพราะไม่มีสมาธิ

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จอมศาสตราพลิกดารา