จอมศาสตราพลิกดารา นิยาย บท 142

นอกจากศพที่อยู่เต็มพื้น จุดลึกในอุโมงค์ยังมีเตาไฟขนาดใหญ่อีกสี่เตา นักรบที่สวมชุดเกราะป้องกันพิเศษกำลังขนย้ายศพแต่ละศพๆ ที่นี่เข้าไปในเตาไฟ เพื่อเผาให้กลายเป็นเถ้าธุลี

นี่เป็นสถานที่เผาทำลายศพนั่นเอง

หลี่มู่ใจหายวาบ

แย่แล้ว ชิวอี้น่ากลัวว่าจะมีเคราะห์ร้ายมากกว่าเคราะห์ดี

เขากระตุ้น ‘คาถาเพรียกหา’ ให้เส้นผมนำทาง สุดท้ายก็มาถึงหน้ากองศพกองหนึ่ง

เส้นผมหายเข้าไปในกองศพ แล้วหายลับไปทันที

เซี่ยจวี๋ที่อยู่ข้างๆ ก็เดาอะไรได้ หน้าซีดเผือดทันที น้ำตาไหลรินออกมาเงียบๆ

หลี่มู่กัดฟันค้นดูกองศพ

ข้างใต้กองศพ ร่างของเด็กสาวสวมชุดบ่าวรับใช้สีเขียวอ่อนจมอยู่ในกองเลือด ไม่มีลมหายใจ เส้นผมหยุดอยู่ข้างหน้าศพร่างนี้ เลือดไหลออกมาจากร่าง หลี่มู่พลิกศพร่างนี้ขึ้นมา เป็นเด็กสาวหน้าตาธรรมดา ผิวพรรณขาวสะอาด ดวงตาปิดสนิท เส้นผมที่เปื้อนเลือดร่วงลงมาอย่างไร้เรี่ยวแรงตรงหน้าร่างนั้น

เป็นชิวอี้

หลี่มู่จำได้ในปราดเดียว

ในข้อมูลที่เจิ้งฉุนเจี้ยนให้เขามามีรูปวาดของชิวอิ้อยู่

ชิวอี้ตายอย่างน่าอนาถมาก

บนร่างของนางเต็มไปด้วยรอยกระบี่ที่ใช้วิชากระบี่ซึ่งเร็วที่สุด ราวกับทัณฑ์พันมีดหมื่นแล่ เชือดเฉือนเป็นรอยกระบี่นับไม่ถ้วน และล้วนไม่ใช่รอยแผลที่ถึงแก่ชีวิต ลักษณะนี้คือการใช้คนเป็นๆ มาฝึกกระบี่ชัดๆ มีเพียงกระบี่สุดท้าย กระบี่แบ่งเป็นสามทางแทงเข้าไปยังหว่างคิ้ว คอหอย และหัวใจ ถึงจะพรากชีวิตของนางไปได้

เพราะความเจ็บปวดและหวาดกลัว ใบหน้าของชิวอี้จึงค่อนข้างบิดเบี้ยวและแข็งทื่อ

สามารถจินตนาการได้ว่า ในยามมีชีวิตอยู่ หญิงสาวที่น่าสงสารคนนี้ถูกทรมานอย่างไร

นี่มันคือการสังหารโหดชัดๆ

“ไม่ พี่ชิวอี้…” เซี่ยจวี๋ร้องคร่ำครวญอย่างอดกลั้นไม่ไหวอีกต่อไป

หลี่มู่ตาเริ่มแดง

เขากำหมัดไว้

“โรงฝึกยุทธ์กระบี่สวรรค์…” เขามีความรู้สึกบุ่มบ่ามอยากจะทำลายทุกอย่างเบื้องหน้าเสีย

ตอนนี้เอง นักรบที่เผาศพอยู่ห่างออกไปประมาณสามสี่จั้งได้ยินเสียงคร่ำครวญของเซี่ยจวี๋ ในที่สุดก็พบว่ามีคนบุกเข้ามา จึงตื่นตัวขึ้นทันที

“นั่นใคร?”

“ผู้บุกรุกรึ?”

“สมควรตาย มีคนบุกเข้ามาถึงที่นี่ ยามที่เฝ้าอยู่ข้างนอกทำอะไรกันอยู่?”

“จับมันเอาไว้ อย่าให้มันหนีไปได้”

นักรบที่เผาศพอยู่หลายสิบคนสะบัดตะขอเหล็กเกี่ยวศพพุ่งมายังหลี่มู่ทั้งสองคน

หลี่มู่หันหลังกลับมาทันที จิตสังหารในดวงตาพวยพุ่งออกมา

“วิชาเต๋า • วายุมังกรคลั่ง!”

พายุหมุนกวาดพัดออกมาจากฝ่ามือของเขา เสียงคำรามดุจมังกร ทั่วทั้งอุโมงค์มีลมพายุโหมกระหน่ำ มังกรวายุสีดำที่มองเห็นได้ด้วยตาเปล่าม้วนกวาดออกมา ได้ยินเสียงมังกรคำรามอยู่รางๆ เพียงชั่วพริบตา เพชรฆาตที่เผาศพหลายสิบคนพวกนี้ก็ถูกหอบม้วนส่งเข้าไปในเตาเผาศพที่มีไฟโหมแรง

เสียงกรีดร้องโหยหวนดังขึ้นทันที

มนุษย์ไฟสิบกว่าคนคร่ำครวญพลางพุ่งออกมาจากเตาไฟ

เสียงร้องทำให้ยามที่ลาดตระเวนอยู่ข้างนอกเขาวงกตรู้ตัว

เสียงฝีเท้าดังขึ้นมา นักรบจำนวนมากมุ่งเข้ามายังอุโมงค์ใต้ดิน

“คุณชาย…” เซี่ยจวี๋หวาดผวาทันที มองไปยังหลี่มู่ ถึงแม้ในใจนางจะโศกเศร้ากับการตายอย่างอนาถของชิวอี้ แต่นางเป็นห่วงความปลอดภัยของหลี่มู่ยิ่งกว่า ร่องรอยถูกเปิดเผย หากเกิดเรื่องอันตรายอะไรในเขาวงกตใต้ดินแห่งนี้ เช่นนั้นจะทำอย่างไร

หลี่มู่พูดขึ้นว่า “ไม่เป็นไร ข้าบอกแล้วว่าจะพาพี่ชิวอี้กลับบ้าน ก็จะต้องพากลับไป”

เขาตัดสินใจแล้ว

เซี่ยจวี๋คิดว่าหลี่มู่จะนำศพของชิวอี้กลับไป แต่ทันใดนั้นนางก็ต้องเบิกตากว้าง ปิดปากอย่างไม่อยากจะเชื่อ

“ทวารแห่งยมโลกจงเปิด ขออัญเชิญชีวิตจุติจากสวรรค์ สามจิตเจ็ดวิญญาณจงฟัง และมายังกายหยาบเบื้องหน้านี้ กฎแห่งสวรค์มีเพียงหนึ่ง กฎแห่งพิภพจึงปรานี ข้าขอเพรียกเรียกหาสหายเก่า ขอจงพ้นเงื้อมมือยมทูตดำขาว…วิญญาณจงกลับมา”

หลี่มู่กัดนิ้วชี้ ใช้นิ้วต่างพู่กัน ตวัดเขียนไปในอากาศ

สิ่งที่น่าแปลกก็คือ อากาศเหมือนกับกระดาษอย่างไรอย่างนั้น หยดเลือดแตะแต้มไปในอากาศ ไม่ไหลลงมาไม่กระเซ็นหาย แต่จับตัวเป็นรอยสีแแดงเข้ม เพียงชั่วพริบตายันต์ที่ล้ำลึกสลับซับซ้อนก็ถูกวาดออกมา

ชั่วพริบตาที่วาดยันต์เสร็จ พลังที่ประหลาดเป็นอย่างยิ่งก็ราวกับระลอกคลื่นแผ่ไปในอากาศ มองเห็นประตูสีดำจางๆ ลอยอยู่ท่ามกลางกองศพอยู่เลาๆ ข้างในมีเงาต่างๆ ปรากฏขึ้นมา ประหนึ่งว่าเป็นวิญญาณปรากฏตัวอย่างไรอย่างนั้น

หน้าผากของหลี่มู่มีหยดเหงื่อไหลซึมออกมาเต็มไปหมด

คาถาเรียกวิญญาณ

นี่คือคาถาที่ซินแสเฒ่าถ่ายทอดให้ในตอนนั้น ผลาญพลังจิตวิญญาณไปเป็นอย่างมาก แต่สามารถฝืนเรียกวิญญาณของคนที่เพิ่งตายกลับมาจากปรโลกได้ ถึงแม้จะไม่สามารถทำให้คนตายไปแล้วฟื้นคืนชีพ แต่รักษาสามจิตเจ็ดวิญญาณไว้ได้ รักษาเศษเสี้ยวพลังชีวิตเอาไว้ วันหน้าหากมีวาสนาหรือมีพลังขัดต่อลิขิตสวรรค์ที่เปลี่ยนชะตาชีวิตให้นางได้ ก็ใช่ว่าจะไม่มีโอกาสฟื้นคืนชีพ

แน่นอน ทำเช่นนี้เป็นการฝืนลิขิตสวรรค์ ต้องแบกรับผลลัพธ์บางอย่าง

ดังนั้นซินแสเฒ่าจึงเคยกล่าวเอาไว้ว่า หากจะใช้คาถาเรียกวิญญาณต้องคิดเสียให้รอบคอบ

ในตอนนี้เอง ที่ปากอุโมงค์ใต้ดิน นักรบชุดเกราะแดงเพลิงมากมายก็พุ่งตรงเข้ามา

หลี่มู่ไม่แม้แต่จะมอง ตวัดหมัดซัดออกไป

ปราณหมัดแปรเปลี่ยนเป็นตราประทับหมัดอันใหญ่ พุ่งฉิวตรงออกไปบดขยี้สังหารนักรบชุดเกราะจนกลายเป็นเศษชิ้นเล็กชิ้นน้อยในชั่วพริบตา พลังหมัดอันน่าครั่นคร้ามทำลายปากทางเข้าอุโมงค์แหลกละเอียดโดยที่พลังไม่ลดลงเลย กลายเป็นหลุมทางเดินกว้างเส้นผ่านศูนย์กลางจั้งกว่าๆ ยาวหลายร้อยจั้ง ทำลายเขาวงกตใต้ดินไปกว่าครึ่ง นักรบชุดเกราะสีแดงเข้มที่กรูกันเข้ามากว่าครึ่งหายไป กลายเป็นเศษเนื้อและกองเลือดทันที

หลี่มู่ในวันนี้คือผู้ฝึกฝนทั้งวิชาเต๋าและวรยุทธ์ การปะทุของพลังกายเนื้อราวน้ำป่าไหลหลาก

นอกอุโมงค์ใต้ดินสงบลงไปบ้างเล็กน้อย

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จอมศาสตราพลิกดารา