ไม่ใช่สิ
หลี่มู่หันไปมองอีกครั้งอย่างไม่รู้ตัว พบว่านักดนตรีที่บรรเลงเพลงเหล่านั้นก็เปล่าเปลือยเช่นกัน ทั้งเนื้อทั้งตัวต่างไร้อาภรณ์ เรือนร่างงดงามนั่งอยู่บนเบาะรองนั่ง กำลังบรรเลงเพลงด้วยสีหน้าท่าทางจริงจัง
เกิดอะไรขึ้น?
หนึ่งคนเปลือยกายยังพอจะพูดต่อไปได้ แต่คนทั้งห้องเปลือยกาย…นี่มันจะพิลึกเกินไปแล้ว
หลี่มู่ตระหนักได้ว่าอาจมีอะไรไม่ชอบมาพากล
หรือจะเป็นภาพมายา?
เขากะพริบตา
“คุณชาย? คุณชาย…” ซินเอ๋อร์ที่อยู่ข้างๆ เตือนเสียงเบา “คุณชาย ท่านเลือดกำเดาไหลเจ้าค่ะ”
“อ้อ เลือดกำเดารึ ก็ปกตินิ…เอ๋? อะไรนะ? เลือดกำเดา…บ้าเอ๊ย” หลี่มู่รีบยกมือแตะ เลือดกำเดาไหลออกสองรูจมูกจริงๆ ด้วย บ้าจริง โดนจู่โจมจนเลือดกำเดาไหลเลยอย่างนั้นหรือ นี่มันจะกระอักกระอ่วนเกินไปแล้ว จะอย่างไรก็ได้ชื่อว่าเป็นขั้นยอดปรมาจารย์ที่สร้างพายุขึ้นในเมืองฉางอันเชียวนะ สู้มามากมายขนาดนั้นยังไม่เคยเลือดไหลเลย กลับมาเลือดกำเดาไหลเพราะเหตุการณ์แบบนี้
นี่เป็นแก่นเลือดทั้งนั้นเลยนะ
แก่นเลือดหนึ่งหยดเท่ากับเลือดสิบหยด เลือดไหลออกมามากขนาดนี้ เทียบได้กับแก่นเลือดหลายสิบหยดแล้วกระมัง
เสียหายมหาศาลแล้ว
“ไม่เป็นไร ช่วงนี้ร้อนในบ่อย ก็เลยมักจะเลือดกำเดาไหล…เอ๋? เจ้าใส่…เมื่อไหร่กัน” หลี่มู่ขายผ้าเอาหน้ารอด แต่จู่ๆ ก็เบิกตาโต เพราะเขาพบว่าเสี้ยวขณะเมื่อครู่ บนร่างของซินเอ๋อร์กลับมาสวมเสื้อผ้าอีกครั้ง
“ใส่อะไร? คุณชาย ท่าน…” ซินเอ๋อร์มองหลี่มู่อย่างสงสัย
หลี่มู่รีบพูดกลบเกลื่อน “อ้อ ไม่มีอะไร ช่วงนี้สารอาหารไม่ค่อยพอ อาจจะต้องดื่มอิ๋งหย่างไขว้เสี้ยน[1]สักสองสามขวดบำรุงสักหน่อย…” ในใจของเขาเกิดคลื่นยักษ์ปั่นป่วน
เพราะเมื่อเขามองกลับไป ก็พบว่าฮวาเสี่ยงหรงที่ร่ายรำอยู่และนักดนตรีซึ่งกำลังบรรเลงเพลง ที่จริงแล้วล้วนใส่เสื้อผ้ากันหมด ไม่มีท่าทีว่าเปลือยกายสักนิดเดียว
นี่มันเกิดอะไรขึ้น?
ซินเอ๋อร์ยื่นผ้าขนหนูให้หลี่มู่เช็ดเลือดกำเดาอย่างไม่สบอารมณ์ ขณะเดียวกันบนใบหน้าก็ฉายแววหยามหยันนิดหน่อย
คุณชายคนนี้ช่างไม่เอาไหนจริงๆ แค่ดูคุณหนูของข้าร่ายรำก็เลือดกำเดาไหลเสียนี่
หลี่มู่กลับไม่มีเวลาไปใส่ใจมากขนาดนั้น
เขาเช็ดเลือดพลางคิดในหัวอย่างรวดเร็ว นี่มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่
ที่หว่างคิ้วมีความเจ็บปวดบางเบาส่งมา
เขาคลำไปโดยไม่รู้ตัว
หืม?
มันปูดขึ้นมา แข็งๆ เหมือนยุงกัด
ทว่าอย่ามาล้อเล่น ตอนนี้ยุงที่ไหนจะกัดทะลุผิวหนังที่แม้แต่ดาบยังฟันไม่เข้าได้?
หลี่มู่นึกได้ว่านี่อาจจะเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงของพลังจิตวิญญาณเมื่อครู่ก็เป็นได้
“มีกระจกหรือไม่?” เขาถาม
ซินเอ๋อร์หยิบกระจกแต่งหน้ามาให้ด้วยใบหน้าแปลกใจ
หลี่มู่ส่องกระจก พบว่าบริเวณเหนือคิ้วของตัวเองมีรอยนูนขึ้นมาจริงๆ หากไม่มองให้ดีก็ยากจะพบ และเมื่อมองให้ละเอียด จึงพบว่ารอยนูนนี้ยังมีลักษณะเหมือนดวงตาปิดสนิทในแนวตั้ง…เดี๋ยวนะ ตาที่ตั้งขึ้นมา?
ตาตั้งขึ้น?
หลี่มู่ตื่นตัว
เขาพลันนึกถึงคำที่ซินแสเฒ่าเคยว่าเอาไว้
‘ฮี่ๆ เจ้าเด็กเวร ข้าไม่กลัวที่จะบอกเจ้า วิชาก่อนกำเนิดที่ข้าถ่ายทอดให้เป็นวิชาเซียนจริงๆ เชียวนะ สามารถทำให้เซียนเปลี่ยนเอ็นผลัดกระดูก คนธรรมดาฝึกฝนจะสามารถเป็นเซียนได้ ทุกครั้งที่ฝึกสำเร็จขั้นหนึ่งจะเปิดอภินิหารเซียนได้ ฮ่าๆๆ…’ น้ำเสียงของซินแสเฒ่าได้ใจเหลือเกิน เพราะตอนนั้นดื่มจนเมาแอ๋แล้ว
‘หรือการเปลี่ยนแปลงเมื่อครู่เป็นเพราะในที่สุดเราก็ฝึก ‘วิชาก่อนกำเนิด’ ขั้นที่หนึ่งสำเร็จในระดับต้น ดังนั้นจึงไปเปิดอิทธิฤทธิ์บางอย่างเข้า?
จะต้องเป็นอย่างนี้แน่ๆ
ถ้าเป็นดวงตาแนวตั้งแล้วละก็…’
อืม ในตำนานปรัมปราของจีนโบราณ เทพเอ้อร์หลางเสินหยางเจี่ยนก็มีดวงตาตั้งตรงหว่างคิ้ว เมื่อลืมตาตื่นขึ้นสามารถมองทะลุสิ่งหลอกลวง มองเห็นความเปลี่ยนแปลง มองทุกสรรพสิ่งปรุโปร่ง ตอนนั้นร่างแปลงทั้งเจ็ดสิบสองของหงอคงต่อกรกับเอ้อร์หลางเสินหยางเจี่ยน ไม่ว่าจะเปลี่ยนไปอย่างไร หยางเจี่ยนก็รับมือได้ เพราะดวงตาสวรรค์มองทะลุเจ็ดสิบสองร่างแปลงของหงอคงได้นั่นเอง
หรือว่าอิทธิฤทธิ์ในขั้นแรกของ ‘วิชาก่อนกำเนิด’ ก็คือเนตรสวรรค์?
เปิดเนตรสวรรค์?
หลี่มู่เข้าใจทันที
เขาไม่สนใจสาวงามที่ยังร้องระบำอยู่ข้างๆ รีบร้อนโคจรพลังจิตวิญญาณเงียบๆ ลองรวบรวมไปยัง ‘เนตรสวรรค์’ ที่อยู่หว่างคิ้ว ก่อนศึกษาพลังของเนตรสวรรค์อย่างละเอียด จริงๆ ด้วย เขาพบว่าเมื่อโคจรพลังจิตวิญญาณรวมไปยัง ‘เนตรสวรรค์’ ตรงหว่างคิ้ว ความเจ็บปวดมหาศาลก็เกิดขึ้น จากนั้นดวงตาตั้งตรงค่อยๆ เปิดออกน้อยๆ เป็นรอยแยกราวกับเส้นผม
ครั้นมองไปรอบๆ อีกครั้งด้วยสภาพเช่นนี้ พบว่าทุกอย่างล้วนชัดเจนยิ่งนัก
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จอมศาสตราพลิกดารา