เวลานี้ คนที่เขาคิดว่าไร้เทียมทาน คาดไม่ถึงว่าจะถูกจัดการจนกลายเป็นก้อนเนื้อกองหนึ่ง
หนำซ้ำคนที่สังหารก็คือขุนนางเมืองหนุ่มน้อยที่ไม่กี่วันก่อนเขาเยาะเย้ยดูแคลนอย่างเปิดเผยในศาล
หากย้อนเวลากลับไปได้ หวงเหวยอยากกลับไปที่ศาลในวันนั้น เขาจะคุกเข่าเรียกบิดามากกว่าเยาะหยันดูแคลนขุนนางเมืองผู้นี้อย่างเปิดเผย
ระหว่างที่หลี่มู่กินเนื้องูย่างหอมกรุ่น เขาก็ยิ้มร่ามองสีหน้าของหวงเหวยไปด้วย
เป็นเวลาอันดี จะไม่วางท่าได้อย่างไร?
เขาชอบเห็นผู้ที่กล้าหัวเราะเยาะเขาถูกเขาข่มขวัญจนสติหลุดในพริบตา
ความรู้สึกแบบนี้ช่างสาแก่ใจนัก!
“ตะ ตะ ตะ ตะ…ใต้เท้าไว้ชีวิตด้วย…” หวงเหวยถูกหลี่มู่มองจนเหมือนนั่งอยู่บนพรมเข็ม วิญญาณหลุดลอยไปไกล
หลี่มู่ระเบิดเสียงหัวเราะ “ตะ ตะ ตะ ตะ…ใต้หัวเจ้าน่ะสิ ฮ่าๆๆ จะว่าไปแล้ววันนั้นที่ศาล เจ้าไม่ได้ทำตัวหยิ่งยโสมากหรือ?”
“ผู้น้อยสมควรตาย ผู้น้อยสมควรตาย…” หวงเหวยโขกศีรษะเหมือนโขลกกระเทียม
หัวใจของหลี่มู่พองโต เขากล่าวขึ้นมาว่า “นี่ วันนั้นเจ้าพูดว่าคำพูดของข้าไม่มีความหมายในอำเภอเมืองขาวพิสุทธิ์ ตอนนี้จะบอกข้าได้หรือไม่ คำพูดใครมีความหมาย?”
“คือว่า…” หวงเหวยแทบกลัวจนตัวแข็งแล้ว ไม่คิดว่าขุนนางเมืองผู้นี้จะเจ้าคิดเจ้าแค้นเพียงนี้ เขาเอ่ยตอบด้วยเนื้อตัวที่สั่นเทาว่า “ผู้น้อยโง่เขลาเบาปัญญา ผู้น้อยสมควรตาย ในอำเภอเมืองนี้คำพูดใต้เท้าหนักแน่นดั่งกระถางสามขาเก้าอัน มีเพียงคำพูดท่านที่เชื่อถือได้”
อีกด้านหนึ่ง โจวอู่และเจิ้งหลงซิงในเวลานี้เข้าใจแล้ว ‘เรื่องใหญ่’ ที่หลี่มู่เอ่ยถึงนั้นก็คือการนำตัวหวงเหวยเจ้าของร้านโอสถของพรรคเสินหนงมาคิดบัญชีย้อนหลัง จะเจ้าคิดเจ้าแค้นเกินไปแล้วกระมัง?
ทั้งสองต่างพูดอะไรไม่ออก
แต่หลี่มู่ใส่ใจมากมายเพียงนั้นเสียที่ไหน
หวงเหวยวางท่าใหญ่โตในวันนั้น ก็สมควรตบหน้าฉาดใหญ่ในวันนี้
ชายชายตรีอกสามศอก จิตใจเด็ดเดี่ยวแน่วแน่ หากมีคนมาวางก้ามต่อหน้า ไม่หักหน้ากลับจะยังนับว่าเป็นบุรุษเหรอ?
เวลานี้เป็นโอกาสดีที่สุดในการตบหน้ากลับ
“ข้ายังจำได้ วันนั้นเจ้าบอกให้ข้าถามเรื่องอำนาจร้านโอสถของพวกเจ้าในอำเภอเมืองดู วันนี้ข้ามาถามที่พรรคเสินหนงแล้ว ดูเหมือนว่าซือคงจิ้งไม่ยินยอมที่จะบอกข้าเท่าไร ข้าจึงส่งเขากลับบ้านเก่าไปแล้ว ไม่สู้เถ้าแก่ฮวงบอกข้าด้วยตัวเองดีกว่า?” หลี่มู่กินเนื้อย่างไปพลาง ถามอย่างจริงจังไปพลาง
หวงเหวยกลัวจนฉี่จะราดแล้ว
“ต่อหน้าใต้เท้า ร้านโอสถเทพไร้ค่า…” เขาสำนึกเสียใจแล้ว
หลี่มู่ร้องอ้อออกมา ก่อนพูดต่อไปว่า “เช่นนั้นคดีของบ้านนางจางหลี่มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่ เจ้าอธิบายได้ไหม?”
“คือ…” หวงเหวยอกสั่นขวัญแขวน อยากแก้ตัวสักประโยคสองประโยคโดยสัญชาตญาณ แต่ตาเหลือบไปเห็นศพซือคงจิ้งที่ถูกต่อยตีจนกลายเป็นก้อนเนื้อข้างสระน้ำ แล้วมองสายตาคล้ายยิ้มคล้ายไม่ยิ้มของหลี่มู่ ฉับพลันนั้นใจเขาก็กระจ่างแจ้งราวกระจก ไม่กล้าลองดีอีก เล่าวิธีที่ตนเองให้ศิษย์ในร้านโอสถใช้กำลังข่มเหงช่วงชิงตั้งแต่แรกเริ่มโดยไม่มีปิดบัง สารภาพออกมาหมดเปลือก
“ใต้เท้า ผู้น้อยสารภาพหมดแล้ว ผู้น้อยผิดไปแล้ว ผู้น้อยสมควรตายเป็นหมื่นครั้ง…แต่ใต้เท้าโปรดไว้ชีวิตสักครั้ง หลังจากนี้ผู้น้อยจะกลับตัวกลับใจ เปลี่ยนเป็นคนใหม่” หลังจากหวงเหวยพูดจบ ก็ร้องไห้น้ำหูน้ำตาไหล ทำท่าทางสำนึกในสิ่งที่ทำไป สารภาพออกมาอย่างขมขื่น
หลี่มู่วางเนื้อย่างในมือลง สีหน้าพลันเปลี่ยนเป็นเศร้าหมอง
“จะกลับตัวกลับใจ พูดง่ายดีจริงๆ เถ้าแก่หวงกลับตัวเริ่มต้นใหม่ได้ แล้วบ้านจางหลี่ล่ะ? จางเสี่ยวฉินเป็นเพียงแค่เด็กน้อย ก่อนตายอย่างน่าอนาถ นางต้องพบเจอกับอะไรในฐานที่มั่นพรรคเสินหนงที่เป็นดังขุมนรกแห่งนี้ เจ้ารู้หรือไม่? เจ้ากล้าจินตนาการดูไหม? ได้ หากเจ้าทำให้ครอบครัวจางเสี่ยวฉินฟื้นคืนกลับมาได้ ข้าจะให้โอกาสเจ้ากลับตัวกลับใจครั้งหนึ่ง ดีหรือไม่?”
เมื่อหวงเหวยได้ยินดังนั้น ดวงตาเขาฉายแววสิ้นหวัง ราวกับโดนสายฟ้าฟาด
“ใต้เท้าช่างโหดร้ายนัก…” เขาจ้องมองหลี่มู่ราวสาปส่งด้วยสายตาชิงชัง
หลี่มู่สบสายตาที่เต็มไปด้วยความเกลียดชังนั้น หัวเราะออกมานิ่งๆ “ข้ายังโหดร้ายไม่ถึงหนึ่งในสิบของเจ้า…จำไว้ ชาติหน้าทำดีให้มากหน่อย ทำชั่วให้น้อยลง”
เมื่อสิ้นเสียง เท้าของเขาส่งพลังออกมา หินบนพื้นก้อนหนึ่งพุ่งทะลุหน้าผากหวงเหวย
เถ้าแก่ร้านโอสถเทพผู้ก่อกรรมทำชั่วมานับไม่ถ้วน จบชีวิตอันโฉดชั่วลงเช่นนี้
โจวอู่และเจิ้งหลงซิงที่อยู่ด้านข้างใจสะท้านในทันใด
ไม่ใช่ว่าขุนนางเมืองหนุ่มน้อยกำลังเชือดไก่ให้ลิงดูหรอกกระมัง?
หลี่มู่หันศีรษะมองพวกเขาสองคน เอ่ยขึ้นมาว่า “พวกเจ้าก็เห็นแล้วว่าเขาสารภาพผิดเอง ตามกฎหมายจักรวรรดิ เขาสมควรโดนประหาร ข้าลงมือเองไม่นับว่าเป็นการแก้แค้นส่วนตัวกระมัง?”
เห็นได้ชัดว่าเป็นการแก้แค้นไม่ใช่หรือ
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จอมศาสตราพลิกดารา