นักดนตรีในห้องถอยหลัง แล้วหันกายจากไป
“คุณหนู ท่าน…เฮ้อ จะให้ข้าว่าท่านอย่างไรดี” ซินเอ๋อร์ทำท่าทางเคียดแค้นชิงชัง “คุณหนู ท่านคงไม่ได้หวั่นไหวกับบัณฑิตน้อยคนนี้จริงหรอกกระมัง?”
ฮวาเสี่ยงหรงยิ้มละมุน นั่งลงบนพื้นอย่างไม่รักษาภาพลักษณ์แม้แต่น้อย ผมสลวยทิ้งตัวแผ่ไปบนพื้น กระดกปลายเท้าขาวกระจ่างอย่างซุกซน “เป็นอะไรไป น้องสาวคนดีของข้า เขาไม่ใช่คนที่ควรค่าให้ใจหวั่นไหวหรืออย่างไร? เขาไม่ดีหรือ?”
“ดีน่ะดี แต่…เฮ้อ” ซินเอ๋อร์ท่าทางโมโหที่นางไม่ได้เรื่อง “แต่พวกท่านเพิ่งเคยพบกันครั้งแรกเท่านั้น”
“คนบางคนเจอกันหลายครั้งก็ไม่มีความหมาย แต่บางคนเพียงพบครั้งเดียวก็พอแล้ว” ฮวาเสี่ยงหรงหัวเราะ ขยับเท้าขาวผ่อง กระดิกข้อเท้าเรียวและนิ้วเท้าขาวเนียนละเอียดไปมา
อย่างไรเสียนางก็เป็นแค่สาวน้อยอายุเพียงสิบหกสิบเจ็ดเท่านั้น ยังคงหลงมีจิตใจอย่างเด็กสาวอยู่ ยามที่ไม่มีคนนอกก็มีด้านซุกซนเจ้าเล่ห์
“คุณหนู ท่านโดนยาพิษแล้วชัดๆ” ซินเอ๋อร์พร่ำบ่น “ซินเอ๋อร์ยอมรับ คุณชายคนนี้ หากเป็นในอดีตก็เป็นคนที่ฝากชีวิตไว้ได้จริงๆ ข้าไม่คัดค้านแน่นอน แต่ตอนนี้สถานการณ์ไม่เหมือนเดิมแล้ว พรรคจันทราโลหิตบีบเข้ามาทุกที…เฮ้อ หากเขามีอำนาจมีพลัง บางทีอาจช่วยท่านได้ แต่เขาเป็นแค่บัณฑิตยากจนเท่านั้น มีใจแต่ไร้กำลัง ต่อให้ความสามารถดีเท่าไหร่ เป็นคนดีเท่าไหร่ แล้วจะมีประโยชน์อะไร”
ได้ยินดังนั้น รอยยิ้มในแววตาของฮวาเสี่ยงหรงหม่นลงไปทันที
ความรู้สึกนั้นเหมือนเทียนที่ถูกลมพัดดับอย่างไร้เยื่อใย ทั้งร่างราวกับดอกไม้เหี่ยว ไร้แสงประกายทันที
นางกัดริมฝีปาก ฟันขาวสะอาดดุจไข่มุก ใบหน้าฉายแววไม่ยินยอมขณะเงียบงัน
ซินเอ๋อร์ลนลานแล้ว รีบพูดขึ้นว่า “คุณหนู ข้าไม่ได้หมายความเช่นนั้น ข้า…”
ฮวาเสี่ยงหรงเงยหน้าขึ้น ยิ้มเล็กน้อย “ข้ารู้ เด็กโง่ ข้ารู้ว่าเจ้ากังวลอะไร และก็รู้ว่าเจ้าหวังดีต่อข้า ใช่แล้ว ข้าติดตามเขาไปไม่ได้ เพราะนั่นจะทำร้ายเขา สาวงามนำมาซึ่งหายนะ ข้าทำร้ายเขาไม่ได้…วางใจเถอะ กว่าจะถึงเส้นตายยังมีเวลาอยู่บ้าง ข้าแค่พบหน้าคุณชายไม่กี่ครั้ง เมื่อถึงเส้นตายแล้วจะไม่พบหน้าเขาอีก”
ในช่วงเวลาสุดท้ายก่อนที่จะจมอยู่ในทะเลแห่งทุกข์ นางอยากหลงเหลือความทรงจำอันงดงามเอาไว้ให้ตัวเอง
ความต้องการเล็กน้อยด้อยค่าแบบนี้ คงไม่นับว่าเกินไปกระมัง?
มิฉะนั้น เมื่ออยู่ในหุบเหวแห่งความสิ้นหวังที่มืดมิดที่สุด มองไม่เห็นแม้เสี้ยวแสงสว่างแล้วจริงๆ จะมีอะไรมาปลอบประโลมวิญญาณที่บาดเจ็บทุกข์ทรมานกันเล่า?
……
เมื่อหลี่มู่เดินลงมาจากบันได ในโถงใหญ่หอสดับเซียน ผู้คนก็ยังคงเนืองแน่นเช่นเคย
คนมุงทั้งหลายก่อนหน้านี้ไม่มีทีท่าจะแยกย้าย อีกทั้งดูแล้วจำนวนคนมากกว่าทีแรกเยอะด้วย
ครั้นเห็นหลี่มู่ปรากฏตัวขึ้น ฝูงชนก็ฮือฮา ราวกับโยนน้ำแข็งลงไปในหม้อที่น้ำมันร้อนเดือด บรรยากาศเกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างรุนแรงทันที
“ออกมาแล้วๆ”
“กว่าจะออกมา นานขนาดนี้เชียว?”
“รับไม่ได้ แม่นางฮวาคงไม่ได้….ไปแล้วหรอกนะ”
“เทพธิดาของข้าโดนย่ำยีแล้ว”
มีคนร้องคร่ำครวญ
ฮวาเสี่ยงหรงเมื่อก่อนสูงส่งบริสุทธิ์ ประดุจเทพธิดาในวังเซียน เพราะไม่เคยมีชายใดได้เข้าไปในห้องของนาง แต่ตอนนี้ทุกอย่างจบสิ้นลงแล้ว
ชายที่เดินลงมาจากชั้นบนอย่างเนิบช้าเบื้องหน้าคนนี้ เดินลงมาจากห้องของฮวาเสี่ยงหรง ไม่ว่าข้างในจะเกิดอะไรขึ้นหรือไม่ แต่สำหรับหลายคนมีนัยว่าเทพธิดาผู้สูงส่งในวันวานตกลงสู่ผืนดิน ไม่สูงส่งบริสุทธิ์อีกแล้ว
“ถุย เจ้าคนจอมปลอมลวงโลก ในที่สุดก็กล้าออกมาแล้วรึ” หัวหน้าสำนักบัณฑิตหลินชิวสุ่ยที่รออยู่นานก้าวเท้ามาอย่างรวดเร็ว ขวางหลี่มู่เอาไว้ “เจ้าคนจน เรื่องที่เจ้าคัดลอกผลงานแดงออกมาแล้ว”
คัดลอก?
เล่นลูกไม้อะไรอีกแล้วรึ?
หลี่มู่มองบัณฑิตหนุ่มคนนี้อย่างไร้อารมณ์
การแสดงและคำท้าท้าที่ย่ำแย่เหมือนตัวตลก ไม่ได้ทำให้หลี่มู่รู้สึกโกรธ
พญามังกรเคยสนใจการท้าทายจากมดปลวกตัวหนึ่งที่ไหนกัน
เขาแค่รู้สึกว่าน่าหัวร่อและน่าสมเพชเท่านั้นเอง
หลี่มู่เดินอ้อมหลินชิวสุ่ยออกไปข้างนอกด้วยใบหน้าไร้อารมณ์
คืนนี้ เขาชมการร่ายรำของฮวาเสี่ยงหรงแล้วเกิดบรรลุ เปิด ‘เนตรสวรรค์’ ได้แล้ว ต้องรีบกลับไปยัง ‘เรือนซอมซ่อ’ ขบคิดจัดระเบียบให้ดีๆ ไม่อยากจะวุ่นวายกับตัวประกอบในเรื่องแบบนี้ต่อ
ทว่า คนไม่มีใจคิดทำร้ายเสือ แต่เสือมีใจจะทำร้ายคน
หลิวมู่หยางแห่งสำนักบัณฑิตเสียงวิหคสวรรค์ก้าวขึ้นมา ดักทางหลี่มู่ไว้อีก “ทำไม? กลัวแล้วรึ? คิดจะหนีหรือ? หึๆ คัดลอกผลงานของผู้อื่น พอเด่นดังแล้วก็จะหนี? บนโลกมีเรื่องดีๆ แบบนั้นที่ไหนกัน”
หลี่มู่ขมวดคิ้ว
ความรู้สึกหมดความอดทนเอ่อล้นในใจ
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จอมศาสตราพลิกดารา