ก่อนหน้านี้ คนที่เยาะหยันหลี่มู่มีไม่น้อย
โดยเฉพาะบัณฑิตคนอื่นๆ ของสองสำนักบัณฑิต คำพูดไม่น่าฟังต่างๆ พูดออกมาจนหมด ตอนนี้แค่สายตาของหลี่มู่กวาดมา ก็รู้สึกเหมือนมีมีดคมจี้หัวใจทันใด ตกใจจนหัวใจเต้นระส่ำ ไม่กล้าหายใจแรง
“สำนักบัณฑิตเขาเหมันต์ สำนักบัณฑิตเสียงวิหคสวรรค์ ได้ชื่อว่าเป็นสถานที่แห่งปราชญ์เมธีปัญญาชนในเมืองโบราณฉางอัน ลูกศิษย์ที่อบรมสั่งสอนออกมากลับเป็นพวกกลับดำเป็นขาว น่าสมเพชและน่าหัวร่อนัก วันนี้ข้าจะไม่ฆ่าพวกเจ้า กลับไปบอกเจ้าสำนักบัณฑิตของพวกเจ้าเสีย สิบวันหลังจากนี้ ข้าจะไปเยี่ยมเยือนสำนักบัณฑิตทั้งสอง ขอยืมอ่านตำราลับในหอสมุดเขาเหมันต์และคลังคัมภีร์เสียงวิหคสวรรค์ ให้พวกเขาเก็บกวาดทำความสะอาดคลังหนังสือทั้งสองภายในสิบวันนี้ไว้รอข้าด้วย”
สายตาของหลี่มู่กวาดมองบัณฑิตที่เหมือนเสียบิดามารดาพวกนี้ และพูดอย่างเฉียบขาด
คนอื่นได้ยินคำพูดของเขาก็เดาะลิ้นอยู่ในใจ
สิบวันหลังจากนี้ จะใช้พลังของตัวเองท้าทายสองสำนักบัณฑิตหรือ?
ต้องรู้ก่อนว่า ไม่ว่าจะเป็นหอสมุดเขาเหมันต์ของสำนักบัณฑิตเขาเหมันต์หรือคลังคัมภีร์เสียงวิหคสวรรค์ของสำนักบัณฑิตเสียงวิหคสวรรค์ ก็ล้วนเป็นสถานที่ต้องห้ามของสำนักทั้งสอง ในนั้นสะสมตำราคัมภีร์โบราณต่างๆ เอาไว้มากมาย มีทั้งคัมภีร์ตำรารวบรวมกลอนกวี และมีเคล็ดลับทฤษฎีการฝึกยุทธ์ พูดได้ว่าเป็นรากฐานการยืนหยัดอยู่ในอาณาจักรวรรณกรรมของสองสำนักบัณฑิต
สถานที่ที่สำคัญเช่นนี้ หากไม่ใช่ศิษย์สายตรงของคนระดับสูงในสำนักบัณฑิต คนอื่นไม่มีทางเข้าไปได้เลย เด็กหนุ่มคนนี้จะยืมหนังสือในคลังหนังสือใหญ่ทั้งสอง ก็เท่ากับท้าทายสองสำนักบัณฑิตแล้ว
หาญกล้านัก
วาจาอวดดียิ่ง
เหล่าบัณฑิตของสองสำนักที่อยู่ที่นั่นต่างอึ้งกันไปอีกรอบ
คนคนหนึ่งไยจึงกำเริบเสิบสานได้ถึงขั้นนี้?
แม่เล้าไป๋เซวียนที่อยู่ข้างๆ อ้าปากค้างอย่างตกตะลึง
ขอเรียกร้องนี้จะเกินไปหน่อยแล้วกระมัง
ต่อให้เป็น ‘ซิ่วไฉใจเหี้ยม’ เจิ้งฉุนเจี้ยนเองก็คงไม่กล้าพูดแบบนี้?
ฮวาเสี่ยงหรงพอจะรู้จักสำนักบัณฑิตทั้งสองบ้าง ได้ยินดังนั้น แสงประหลาดฉายก็ขึ้นในดวงตาคู่งาม
ตอนนี้นางมองหลี่มู่ไม่ออกแล้วจริงๆ
เด็กหนุ่มคนนี้จะเป็นเพียงบัณฑิตธรรมดา ไม่มีอำนาจไม่มีพลังแต่ความสามารถด้านกวีเป็นเลิศแบบที่นางคิดจริงหรือ?
เป็นไปไม่ได้เด็ดขาด
บัณฑิตธรรมดาจะมีพลังฝึกแข็งแกร่งถึงเพียงนี้ มีรัศมีอำนาจดุดันเช่นนี้ได้อย่างไร?
เขาไม่ได้หารือกับสองสำนักบัณฑิต แต่กำลังแจ้ง กำลังสั่งการ กำลังบอกกล่าว…นั่นเป็นการมองต่ำลงมาจากเบื้องบน ราวกับราชาผู้สูงส่งก้มมองแมลงที่ทั้งโง่เง่าและด้อยค่า
เขาไม่ใช่คนธรรมดา
แต่ เขาจะเป็นใครกัน?
หัวใจของฮวาเสี่ยงหรงเต้นระรัวอย่างบ้าคลั่ง
“ได้ คำของท่าน พวกเราจะแจ้งเจ้าสำนักโดยไม่ตกหล่นเลยแม้แต่คำเดียว” ศิษย์สำนักบัณฑิตเขาเหมันต์ฝืนรวบรวมความกล้า กัดฟันพูดขึ้น “แต่ว่า ท่านน่าจะบอกพวกเราว่าท่านเป็นใครหน่อยกระมัง? ให้พวกเราได้รู้ว่าผู้ที่จะยืมหนังสือในหอสมุดของสำนักเราเป็นใครมาจากที่ใดกัน”
ประโยคนี้นับว่าถามแทนใจของทุกคน
หลี่มู่ยิ้มน้อยๆ ไม่มีอะไรต้องปิดบัง เขากำลังจะพูด…
ตอนนี้เอง การเปลี่ยนแปลงอันไม่คาดคิดก็เกิดขึ้น
เสียงเกือกม้าดังกึกก้องมาจากด้านนอก ต่อมาก็เป็นเสียงฝีเท้าและเสียงกระทบกันของเกราะเหล็ก มาถึงยังนอกโถงใหญ่ด้วยความเร็วสูงยิ่ง
“ถอยไป กองรักษาการณ์ฝั่งตะวันออกตรวจตรา ผู้ที่ไม่เกี่ยวข้องออกไปเดี๋ยวนี้”
เสียงตะโกนดังมา
“ใต้เท้าไช่ ไช่จือเจี๋ยมาถึงแล้ว” มีคนเอ่ยเสียงดัง
ไช่จือเจี๋ยคือขุนพลกองรักษาการณ์เมืองฉางอันฝั่งตะวันออก เป็นหนึ่งในคนใหญ่คนโตในแวดวงขุนนางเมืองฉางอัน ท่วงท่าแข็งแกร่ง ลงมือเหี้ยมโหด มีอำนาจมาก เป็นบุคคลที่ทำให้เด็กร้องไห้ยามค่ำคืนเงียบได้ในเมืองฉางอันฝั่งตะวันออก ตำแหน่งของเขาเทียบเท่ากับสารวัตรตำรวจในเขตต่างๆ ของโลก
คนทั้งหลายได้ยินว่าบุคคลยิ่งใหญ่ผู้นี้มาถึง ก็รู้ทันทีว่าละครในคืนนี้มาถึงจุดสูงสุดแล้ว
คนของทางการมาถึงแล้วในที่สุด
นี่เป็นตัวแทนแสดงถึงอำนาจของขุนนางแห่งจักรวรรดิเชียวนะ
อาจารย์ของสำนักบัณฑิตทั้งสองถูกสังหารต่อหน้าธารกำนัล เป็นเรื่องที่ผิดกฎหมายของจักรวรรดิแน่นอน ทางการจะต้องลงมาดูแล
เห็นทหารเกราะดำเงาวับพร้อมอาวุธคมกริบเดินฝ่าฝูงชนเข้ามา
ผู้ที่เป็นหัวหน้าสูงหกฉื่อ รูปร่างอ้วน ตัวหนากว่าคนปกติเท่าหนึ่ง สวมเกราะดำทำพิเศษอยู่บนร่าง ทำให้ดูราวกับเจดีย์อย่างไรอย่างนั้น เรือนกายสูงใหญ่จนเกินสมควร หนวดเคราราวเข็มเหล็ก ดวงตากลมดุจตาเสือดาว ที่เอวมีดาบเหล็กด้ามผีแขวนเอาไว้ รัศมีอำนาจน่าพรั่นพรึง ยามเดินเข้ามาชวนให้คนรู้สึกเหมือนทั่วทั้งหอสดับเซียนสั่นไหวอยู่ใต้ฝ่าเท้าของเขา
คนยักษ์อ้วนดำคนนี้หากไม่ใช่ผู้บัญชาการไช่ไช่จือเจี๋ย แล้วจะเป็นใครไปได้?
คนดุดันผู้นี้เพียงปรากฏกาย ก็ทำให้อุณหภูมิทั่วทั้งโถงใหญ่ลดต่ำลงไปมากทันที ประหนึ่งมีพายุเหมันต์พัดกวาดเข้ามา
บัณฑิตจากสองสำนักบัณฑิตลิงโลดกันทันใด ราวกับเห็นผู้ช่วยชีวิตก็ไม่ปาน
คนของทางการมาแล้ว คราวนี้ดีเลย ในที่สุดก็มีคนจัดการฆาตกรมารคลั่งนี่ได้เสียที
ไป๋เซวียนตกใจอยู่บ้าง
เพราะคนของทางการมาถึงเร็วกว่าการคำนวณของนางเล็กน้อย ตามหลักแล้ว ตอนนี้คนที่นางส่งไปแจ้งทางการน่าจะเพิ่งถึงกองรักษาการณ์ฝั่งตะวันออก รอที่ทำการเคลื่อนไหวอย่างน้อยก็ครึ่งชั่วยาม ทำไมถึงได้มาไวเพียงนี้?
ฮวาเสี่ยงหรงหน้าเปลี่ยนสี
ใจนางร้อนรน เป็นห่วงความปลอดภัยของหลี่มู่ จึงดึงๆ ไหล่ของเขาพลางกระซิบเสียงต่ำ “คุณชาย รีบไป…” หากเกี่ยวพันไปถึงทางการ เช่นนั้นก็ยุ่งยากแล้ว ต่อให้พลังแข็งแกร่งเพียงใด ก็จะขัดขืนทางการของจักรวรรดิได้หรือ?
ทว่าหลี่มู่กลับไม่หวั่นไหวแม้แต่น้อย
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จอมศาสตราพลิกดารา