อ่านสรุป บทที่ 168 เหนือยอดปรมาจารย์ (2) จาก จอมศาสตราพลิกดารา โดย Internet
บทที่ บทที่ 168 เหนือยอดปรมาจารย์ (2) คืออีกหนึ่งตอนเด่นในนิยายกำลังภายใน จอมศาสตราพลิกดารา ที่นักอ่านห้ามพลาด การดำเนินเรื่องในตอนนี้จะทำให้คุณเข้าใจตัวละครมากขึ้น พร้อมกับพลิกสถานการณ์ที่ไม่มีใครคาดคิด เขียนโดย Internet อย่างเฉียบคมและลึกซึ้ง
ผู้แข็งแกร่งเผ่ามนุษย์ขั้นเหนือมนุษย์กับเผ่าปีศาจล้วนเป็นสิ่งมีชีวิตที่น่ากลัวเป็นอย่างมาก สามารถทำลายล้างเมืองได้เพียงแค่เสี้ยวความคิด ไม่ใช่ศัตรูที่กองกำลังทหารทั่วไปจะต่อกรได้
เหนือกว่าขั้นเหนือมนุษย์ขึ้นไปจะต้องเข้าใจกฎเกณฑ์ฟ้าดิน เข้าใจการเปลี่ยนแปลงทั้งอดีตและปัจจุบันอย่างลึกซึ้ง
ทำได้ถึงขั้นนี้ถึงจะเข้าสู่ ‘ขั้นเทวะ’ ได้
ขั้นเทวะ เรียกได้อีกว่าผู้สูงส่งไร้พ่าย
ผู้สูงส่งไร้พ่ายในแผ่นดินใหญ่เสินโจวทุกวันนี้มีจำนวนที่แน่นอน เจ้าสำนักของสำนักเทพทั้งเก้า บรรพจารย์เชื้อพระวงศ์ของทั้งสามจักรวรรดิ อีกทั้งบรรพจารย์เชื้อพระวงศ์เผ่าปีศาจหลายตน รวมถึงผู้ฝึกไร้สังกัดชั้นยอดทั้งหลายในดินแดนต่างๆ…ขั้นเทวะโดยเผินๆ รวมแล้วไม่เกินยี่สิบคน
บุคคลเหล่านี้เป็นราวกับเทพเซียนบนดาววิถียุทธ์ดวงนี้
พวกเขาเป็นผู้ไร้พ่ายของจริง
อีกทั้งระหว่างผู้สูงส่งขั้นเทวะเกิดการกระทบกระทั่งกันยาก ศึกขั้นเทวะเกิดขึ้นน้อยครั้ง พวกเขาแค่ปกปักรักษาที่แห่งหนึ่งก็สยบเผ่าหรือควบคุมชะตาของอาณาจักรหนึ่งได้ เพียงประโยคเดียวก็สามารถตัดสินความเป็นความตายของบุคคลผู้ยิ่งใหญ่นับไม่ถ้วน
และเหนือขั้นเทวะก็เป็นขั้นทะลวงสวรรค์แล้ว
บนโลกนี้เคยมีผู้ทะลวงสวรรค์ได้หรือไม่นั้น ผู้คนพูดกันไปต่างๆ นานา
เพราะเมื่อถึงขั้นทะลวงสวรรค์ก็จะล่องลอยสู่ฟากฟ้าไปยังแดนเซียน ไม่เหลือเบาะแสร่องรอยใดๆ ไว้ และไม่มีใครเคยเห็นเหตุการณ์ที่ผู้แข็งแกร่งขั้นทะลวงสวรรค์ลงมือ ไม่เคยมีขั้นทะลวงสวรรค์เดินไปมาอยู่ในโลกใบนี้จริงๆ…
หลายคนสงสัยว่าทะลวงสวรรค์เป็นแค่ตำนานและระดับพลังยุทธ์ที่อนุมานจากทฤษฎี แต่ในทางปฏิบัติยังไม่เคยมีใครทำได้จริง เป็นเพียงแค่จินตนาการอันรางเลือนเท่านั้น โลกนี้ยังไม่เคยมีใครไปถึงจริงๆ
คำอธิบายต่างๆ ผู้คนพูดกันไปหลากหลาย
แต่ส่วนใหญ่แล้วมีมุมมองที่เหมือนกันคือสองสามร้อยปีมานี้ ไม่สิ ถึงขนาดห้าร้อยปีขึ้นไป บนโลนี้ยังไม่มีบุคคลขั้นทะลวงสวรรค์ปรากฏตัวขึ้น
ดังนั้น ขั้นเทวะคือขั้นที่แข็งแกร่งที่สุดแล้ว
‘ซินแสเฒ่าบอกไว้ว่าดาวดวงนี้เป็นดาววิถียุทธ์ระดับต่ำ แต่ตอนนี้ดูแล้วคงจะแค่ในสายตาซินแสเฒ่าเท่านั้น จอมยุทธ์ จอมเวท และจอมปีศาจขั้นเทวะนี่เท่ากับผู้วิเศษในตำนานของโลกแล้ว สามารถเหาะเหินเดินอากาศดำดินได้ ส่วนขั้นทะลวงสวรรค์ยิ่งนับว่าบำเพ็ญสำเร็จเป็นเซียน ก้าวเข้าสู่โลกแห่งเซียนแล้ว นี่มันต่ำเสียที่ไหนกัน’
หลี่มู่รู้สึกว่าคำพูดของซินแสเฒ่าจำเป็นต้องขบคิดให้ละเอียดจริงๆ
นอกจากขั้นพลังยุทธ์แล้ว เขาก็ได้รับความรู้ด้านอื่นๆ มาด้วย
ยกตัวอย่างเช่นการแบ่งขั้นพลังของเผ่าปีศาจ ในขั้นแรกจะต่างกับเผ่ามนุษย์เล็กน้อย เช่นเปิดปัญญา หลอมพลัง รวมกำลังภายใน แปลงกายและอื่นๆ แต่เมื่อถึงขั้นเหนือมนุษย์แล้วจะเรียกเหมือนกัน นอกจากนั้น เส้นทางการฝึกฝนของจอมเวทเผ่ามนุษย์ในช่วงแรกก็ต่างกันออกไปเล็กน้อย โดยจะใช้ดวงดาวในการแบ่ง ทว่าเมื่อถึงขั้นเหนือมนุษย์จะเรียกเหมือนกันแล้ว
นี่หมายถึงว่าการฝึกสายยุทธ์ สายเวท สายปีศาจ สุดท้ายแล้วก็เหมือนกัน
จุดกำเนิดของพลังและหลักการนั้นเหมือนกัน
หลี่มู่อ่านพวกนี้จบ ในใจก็กระจ่างขึ้นอีกมาก
ในขณะเดียวกัน เขาก็พบบางจุดที่แตกต่าง อย่างเช่นหลักการลึกล้ำของวิชาเวททั้งหลายที่ซินแสเฒ่าถ่ายทอดให้เรียกว่าวิชาเต๋า แต่จอมเวทของโลกใบนี้จะเรียกเวทที่พวกเขาฝึกว่าวิชาเวท ถึงแม้จะต่างกันเพียงแค่คำเดียว แต่เขาก็สัมผัสได้ถึงความความต่างชั้นของทั้งสอง
ดูจากแค่ความหมายของคำอย่างเดียว เต๋านั้นก็อยู่เหนือเวท
สิ่งที่ซินแสเฒ่าถ่ายทอดให้คือวิชาเต๋าของเทพเซียน แต่เหล่าจอมเวทของโลกใบนี้ฝึกฝนวิชาเวทของมนุษย์
สำหรับพวกค่ายกล ในม้วนตำราที่เจิ้งฉุนเจี้ยนกวาดค้นมากล่าวเอาไว้น้อยมาก เหล่าจอมเวทของโลกใบนี้แค่รู้ค่ายกลลวงตาแบบง่ายอย่างงูๆ ปลาๆ เท่านั้น เทียบกับค่ายกลอันแข็งแกร่งต่างๆ ที่ซินแสเฒ่าใช้งานได้ทุกเมื่อแล้วช่างต่างกันราวฟ้ากับเหว
พูดอย่างไม่เกรงใจได้เลยว่า จอมเวทบนโลกใบนี้โดยพื้นแล้วอยู่ในขั้นใช้พลังฟ้าดินได้อย่างผิวเผินเท่านั้น วิชาค่ายกลก็ยิ่งมีข้อจำกัดในการศึกษา
หลี่มู่หลับตาลง จัดเรียงความคิด ค่อยๆ มีแผนการขึ้นมาในใจ
เขายิ่งชัดเจนในเส้นทางของตัวเองมากขึ้นแล้ว
ซินแสเฒ่าต้องการให้เขากลับโลกไปภายในยี่สิบปี พูดอีกอย่างหนึ่งคือเขาต้องก้าวสู่ขั้นทะลวงสวรรค์ให้ได้ภายในยี่สิบปีนี้
เพราะมีเพียงขั้นทะลวงสวรรค์เท่านั้นที่จะทำลายพันธนาการของดวงดาว แล้วเข้าไปยังเวิ้งจักรวาลได้
และในตอนนี้ กำลังรบของเขาคือขั้นยอดปรมาจารย์
อันที่จริง เขายังเก็บพลังที่สำแดงออกมาเมื่อช่วงก่อนหน้านี้เอาไว้ ดังนั้นหากพูดให้ถูกต้อง พลังฝึกของหลี่มู่ในขั้นยอดปรมาจารย์ถึงขั้นล้ำลึกสูงสุดแล้ว นี่เป็นเหตุผลที่เขาไม่ค่อยสนใจนัดท้าประลองกับธรรมาจารย์กระบี่สวรรค์สักเท่าไหร่
ในขั้นยอดปรมาจารย์ เขาไม่กล้าพูดว่าตนไร้เทียมทาน แต่ก็ไม่มีทางแพ้แน่นอน
ส่วนเรื่องสู้กับผู้แข็งแกร่งขั้นฟ้าประทานจะชนะได้หรือไม่นั้น เขาก็ไม่แน่ใจแล้ว
เพราะเขายังไม่เคยเห็นอานุภาพทำลายล้างของพลังฟ้าประทาน ตามหลักแล้วขั้นฟ้าประทานชีวิตหลุดพ้นจากลิขิตสวรรค์ เป็นการหลุดพ้นครั้งยิ่งใหญ่ ไม่สามารถนำความเข้าใจก่อนหน้านี้มาวัดได้
“ขั้นทะลวงสวรรค์…”
อย่างน้อยๆ เขาก็มีเป้าหมายที่ควรขยันแล้ว
วันหลังจะต้องคอยติดตามข่าวเรื่องขั้นทะลวงสวรรค์พวกนี้
เขาคิดในใจพลางเปลี่ยนไปเริ่มคิดถึงศึกท้าประลองในวันพรุ่งนี้
เพียงแค่ชั่วเวลาไม่นาน กระดาษในเมืองฉางอันแพงลิ่ว
ชื่อของหลี่มู่ลือเลื่องไปทั่วเมืองฉางอัน
ภายใต้ปูมหลังอันยิ่งใหญ่เช่นนี้ ศึกท้าประลองของยอดปรมาจารย์ทั้งสองยิ่งดึงดูดสายตากว่าเดิม
ยอดปรมาจารย์รุ่นเยาว์หลี่มู่ปะทะกับ ‘ธรรมาจารย์กระบี่สวรรค์’ เทพกระบี่รุ่นอาวุโส อีกทั้งยังเป็นการประลองที่ถึงตาย ทำให้คนนับไม่ถ้วนต่างเฝ้ารอคอย หากพูดว่ากลอนสามบทก่อนหน้านี้สร้างพายุให้กับวงการวรรณกรรมเมืองฉางอัน เช่นนั้นศึกท้าประลองนี้ก็สร้างคลื่นปั่นป่วนให้กับยุทธจักรของเมือง
วันที่สามตอนเช้า แสงอาทิตย์สว่างสดใส
ในที่สุดวันนัดท้าประลองก็มาถึง
ฟ้ายังไม่ทันแจ้ง ด้านนอกของโรงฝึกยุทธ์กระบี่สวรรค์ก็มีฝูงชนเบียดเสียดเนืองแน่นอยู่ที่หน้าประตู รอโรงฝึกยุทธ์เปิดประตูเมื่อใดก็จะพุ่งเข้าไปจองที่ชมการประลอง
ก่อนหน้านี้ โรงฝึกยุทธ์กระบี่สวรรค์ประกาศเอาไว้ ศึกนี้จะเปิดกว้างต่อคนในยุทธจักรเมืองฉางอัน ผู้ที่มาดูการประลองสามารถเข้ามาดูได้โดยไม่ต้องมีเทียบเชิญ
เห็นได้ชัดว่าโรงฝึกยุทธ์กระบี่สวรรค์มั่นใจมากว่าตนจะเป็นผู้ชนะ ดังนั้นจึงตัดสินใจเช่นนี้ พวกเขาต้องการจะแสดงศักยภาพของตนต่อหน้าสหายสายยุทธ์พวกเดียวกัน และข่มขวัญคู่ต่อสู้ที่ซ่อนตัวอยู่ผ่านศึกนี้
เหลือเวลาเปิดโรงฝึกอีกไม่ถึงหนึ่งก้านธูป บนถนนกระบี่สวรรค์ก็เบียดเสียดเนืองแน่นแล้ว มองไปล้วนเป็นหัวคนดำพรืดไปหมด ทะลักล้นมาราวคลื่น
เห็นได้ชัดถึงอิทธิพลของศึกนี้
แน่นอน คนที่เบียดเสียดอยู่นอกประตูล้วนเป็นคนธรรมดาทั้งสิ้น
ผู้นำระดับสูง ยอดฝีมือ ชนชั้นสูง ขุนนาง หรือคหบดีที่มีอิทธิพลจริงๆ ล้วนเข้าไปในสนามฝึกก่อนแล้วผ่านเส้นทางพิเศษ
เวลาผ่านไป
ครืน ครึ่ก ครึ่ก!
ประตูของโรงฝึกยุทธ์กระบี่สวรรค์เปิดออก
ศิษย์โรงฝึกยุทธ์จูงเสืออัคคีเดินออกมาจากประตู เรียงเป็นแถวหน้ากระดานอยู่ข้างประตูทั้งสองด้าน
ไม่รอให้พูดอะไร กลุ่มคนด้านนอกทะลักเข้าไปภายในดุจคลื่นเขื่อนแตก
……………………………………………
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จอมศาสตราพลิกดารา