“อะไรนะ?”
“หา?”
“นี่…”
ต่อให้ทหารชายแดนทั้งหกคนเป็นพวกเลือดร้อนดื้อรั้น แต่เมื่อได้ยินข้อมูลเช่นนี้ก็ยังตะลึงงันอย่างจัง นั่นเป็นถึงอ๋องน้อยคนหนึ่งเชียวนะ พูดว่าจะฆ่าก็ฆ่าจริงๆ?
ท่านที่อยู่เบื้องหน้าผู้นี้มีภูมิหลังอย่างไรกันแน่
หลี่มู่พูดขึ้น “เพียงแต่เรื่องนี้พวกท่านอาจถูกลากเข้ามาพัวพันด้วย ถ้ายังอยู่ในเมืองฉางอันต่อไป หากจวนเจิ้นซีอ๋องมาแก้แค้น เกรงว่าพวกท่านยากจะรอดไปได้ ไม่ทราบว่าทุกท่านมีแผนอย่างไร?”
“เรื่องนี้…” อู๋เป่ยเฉินคิดครู่หนึ่ง ก่อนกัดฟันพูด “พวกเรายินดีเป็นพยานให้ใต้เท้าว่าฉินหลินทำผิดทำนองคลองธรรม เป็นภัยต่อสุสานทหาร… ”
อู๋เป่ยเฉินกลับเป็นลูกผู้ชายดี
ก่อนหน้านี้ที่พวกอู๋เป่ยเฉินก้าวออกมาช่วยแม่เฒ่าไช่ หลี่มู่ก็รู้สึกดีกับทหารชายแดนที่เลือดร้อนเหล่านี้แล้ว ตอนนี้ได้ยินว่าอู๋เป่ยเฉินมีความกล้าที่จะเป็นพยานให้กับตน ก็อดมองเขาสูงขึ้นไปอีกไม่ได้
ชายชาติทหาร ซื่อสัตย์ยุติธรรม เลือดร้อนฮึกเหิม
แต่ว่าหลี่มู่โบกมือทันที ตัดบทคำพูดของอู๋เป่ยเฉิน “ทำแบบนี้ไม่มีความหมาย จะเป็นพยานไม่เป็นพยาน เรื่องจริงจะเป็นอย่างไร ใครผิดใครถูก สำหรับพวกชนชั้นสูงของจักรวรรดิในยามนี้มันไม่สำคัญเลย เจิ้นซีอ๋องก็ไม่มีทางฟังเรื่องพวกนี้เช่นกัน ในเมื่อทุกท่านเป็นทหารชายแดน ตอนนี้เซ่นไหว้เสร็จแล้วมิสู้รีบกลับไปยังเขตชายแดนเสีย ที่นั่นน่าจะมีหลักประกันอะไรบ้างกระมัง?”
อู๋เป่ยเฉินได้ยินดังนั้นจึงเอ่ยว่า “เรื่องนี้แน่นอนอยู่แล้ว ถึงแม้มือของเจิ้นซีอ๋องจะยาว แต่ไม่มีทางยื่นไปถึงเขตชายแดนแน่ ที่นั่นคือใต้ผืนฟ้าของพวกเราทหารชายแดน”
หลี่มู่ได้ยินก็โล่งใจ “เช่นนั้นก็ดี งั้นตอนนี้ข้าจะส่งทุกท่านออกไปจากสุสาน จากนั้นท่านทั้งหลายก็รีบเร่งเดินทางไปยังเขตชายแดน เมื่อขั้วอำนาจของเจิ้นซีอ๋องมีปฏิกิริยากลับมา ถึงตอนนั้นก็หลุดพ้นแล้ว”
“เช่นนั้นแม่เฒ่าไช่สองย่าหลานเล่า?” อู๋เป่ยเฉินลังเลเล็กน้อย “ใต้เท้า ข้าน้อยมีเรื่องอยากขอร้อง ขอให้ใต้เท้าโปรดรับปากด้วย”
หลี่มู่บอก “เชิญพูดมา”
อู๋เป่ยเฉินมองไปยังแม่เฒ่าไช่สองย่าหลานแล้วจึงกล่าว “ก่อนหน้านี้ที่ไปเซ่นไหว้กัน ยามคุยกับแม่เฒ่าไช่จึงได้รู้ว่าที่แท้ แม่เฒ่าไช่คือมารดาของใต้เท้าไช่คังหย่งผู้มีบุญคุณช่วยที่ชีวิตพวกเราทั้งหก เมื่อสี่ปีก่อนในสงครามยามกลางคืนครั้งหนึ่ง ใต้เท้าไช่ช่วยชีวิตพวกเราทั้งหกไว้ จึงได้พลีชีพไปในสงคราม ก่อนใต้เท้าไช่จะตายได้บอกกับพวกเราไว้ว่าชายชาตรีพลีชีพในสงคราม ตายเพราะสังหารศัตรู ถึงจะตายก็ไม่เสียดาย มีเพียงภรรยา บุตรสาว และมารดาแก่เฒ่าที่ปล่อยวางไม่ลง จึงขอร้องให้พวกเราพี่น้องทั้งหกช่วยดูแล แต่สี่ปีที่ผ่านมานี้สงครามชายแดนตึงเครียด พวกเราพี่น้องถอนตัวไปไม่ได้เลย วันนี้แต่เดิมคิดว่าจะมาเซ่นไหว้สุสานของใต้เท้าไช่ก่อน จากนั้นจะไปตามหาแม่เฒ่าไช่ที่ตำบลสุขสงบ ใครจะรู้ว่าจะได้เจอกันในสถานการณ์แบบนี้ พวกเราหกคนพี่น้องอยากพาแม่เฒ่าไช่และไช่ไช่ไปดูแลที่ชายแดน ชายแดนถึงแม้จะยากลำบาก แต่พวกเราพี่น้องขอสาบาน รับประกันได้ว่าพวกนางทั้งสองจะมีกินมีใช้ไม่ลำบาก และยังจะอบรมไช่ไช่ด้วย…”
เขตชายแดนก็ไม่ใช่ค่ายทหารเสียทีเดียว ชายแดนหลายแห่งสร้างเป็นเมืองใหญ่ มั่นคงดุจขุนเขา คนฉินที่ดำรงชีวิตในนั้นเคยชินกับชีวิตอย่างทหาร มีชีวิตดีกว่าประชาชนในเขตจักรวรรดิด้วยซ้ำ
ที่แท้ยังมีเรื่องแบบนี้อยู่ด้วย
หลี่มู่ฟังจบก็ตกใจ
เช่นนั้นแล้วอู๋เป่ยเฉินกับพ่อของไช่ไช่เคยมีความสัมพันธ์แบบผู้บัญชาการกับผู้ใต้บังคับบัญชา อีกทั้งยังมีหนี้บุญคุณช่วยชีวิตกับพ่อของนางด้วย ที่แท้ก็มีเรื่องราวในอดีตอยู่ก่อนนานแล้ว
“หากแม่เฒ่าไช่กับไช่ไช่ยินดีไปชายแดน แน่นอนว่าข้าย่อมไม่มีความเห็นอะไร” หลี่มู่พูด
เรื่องเช่นนี้เขาไม่มีอำนาจในการพูด ดังนั้น จริงๆ แล้วอู๋เป่ยเฉินไม่จำเป็นต้องมาถามเขาเลย
“ก่อนหน้านี้แม่เฒ่าไช่กับไช่ไช่ได้ตกลงกันแล้ว” อู๋เป่ยเฉินโล่งใจ
เพราะก่อนหน้านี้เขาเห็นแม่เฒ่าไช่สองย่าหลานดูสนิทสนมกับหลี่มู่มาก ยังคิดว่าหลี่มู่จัดเตรียมที่ทางให้สองย่าหลานนี้แล้ว พวกเขาทั้งหกมีใจอยากจะกตัญญูดูแลแทนหัวหน้าที่ตายไป แต่กลัวว่าจะขัดแย้งกับการเตรียมการของหลี่มู่ ดังนั้นจึงถามเช่นนี้
“ใช่แล้ว พี่ชาย ข้ากับท่านย่าจะตามพวกท่านอาอู๋ไปที่ที่ท่านพ่อเคยสู้รบ” ไช่ไช่ร้องไห้จนขอบตาแดง เห็นได้ชัดว่า เมื่อครู่ที่ไหว้สุสานบิดาเสียใจเป็นหนักหนา นางเงยหน้าขึ้น ใบหน้าเรียวที่ผอมจนผิดรูปเผยความเด็ดเดี่ยวที่เกินอายุของนางไปไกล “ไช่ไช่อยากจะไปดูที่นั่นหน่อย บางทีอาจได้ฟังเรื่องของท่านพ่อมากขึ้น”
หลี่มู่ถอนหายใจ ลูบหัวของเด็กสาวเบาๆ
โชคชะตาช่างไม่ยุติธรรมกับเด็กน้อยใสซื่อจิตใจดีคนนี้จริงๆ
“ไต้ซือเหลวไหล ขอบคุณที่ท่านช่วยยายแก่ๆ คนนี้หลายต่อหลายครั้ง ข้ากับไช่ไช่ไม่เหลืออะไรแล้ว ตำบลสุขสงบก็กลับไปไม่ได้อีก พ่อหนุ่มอู๋เป็นคนดี ไช่ไช่อยากไปชายแดน ข้ายายเฒ่าคนนี้เอาชีวิตแก่ๆ ไปทิ้งไว้ที่นั่นก็ไม่เป็นไร…” แม่เฒ่าไช่พูดอย่างเสียใจ “หากท่านมีโอกาสได้พบกับเทพธิดาชุดขาวคนนั้นละก็ ได้โปรดบอกนางที ทองก้อนนั้นหากข้ากับไช่ไช่ยังมีชีวิตอยู่จะต้องคืนให้นางแน่นอน”
สามีของนาง ลูกชายทั้งสามของนาง ทั้งหมดล้วนพลีชีพเพื่อจักรวรรดิฉิน นางเศร้าระทมเหลือเกิน
“แม่เฒ่าไช่รักษาตัวด้วย” หลี่มู่ดึงตั๋วทองออกมาสองใบ เป็นจำนวนน้อยๆ ที่แลกเอาไว้ก่อนหน้านี้ ทุกใบเป็นจำนวนห้าร้อยตำลึงทอง มอบให้แม่เฒ่าไช่หนึ่งใบ ส่วนอีกใบหนึ่งให้อู๋เป่ยเฉิน “ด่านชายแดนหนทางยาวไกล ขอให้ทุกท่านเดินทางราบรื่นปลอดภัย”
แม่เฒ่าไช่และอู๋เป่ยเฉินปฏิเสธไม่ได้ สุดท้ายก็ได้แต่เก็บเอาไว้
หลี่มู่คิดๆ ดูแล้วก็มอบจี้หยกให้ไช่ไช่น้อยชิ้นหนึ่ง ใส่ให้นางกับมือ ก่อนจะพูดขึ้น “ของขวัญเล็กๆ ชิ้นนี้ถือเสียว่าพี่ชายมอบยันต์คุ้มกายให้เจ้าก็แล้วกัน เจ้าใส่ติดตัวเอาไว้ ในนี้มีวิชาเวทของข้าเสริมพลังเอาไว้ มันยอมรับเจ้าเป็นนายแล้ว หากเจอกับอันตรายมันจะปกป้องเจ้าได้ ”
“ขอบคุณพี่ชายเจ้าค่ะ” ไช่ไช่เช็ดน้ำตา
นับแต่ที่ท่านพ่อจากไป ท่านแม่หายตัวไป นอกจากท่านย่าแล้วก็มีพี่ชายเบื้องหน้าคนนี้ที่ทำดีกับนางที่สุด
แน่นอน นางในตอนนี้ไม่รู้ว่าจี้หยกที่หลี่มู่มอบให้นาง แท้จริงแล้วราคาล้ำค่าเพียงใด
จุดนี้สามารถดูออกได้จากแววตาตื่นตะลึงของพวกอู๋เป่ยเฉิน
ชายหนุ่มทหารชายแดนทั้งหกรู้พลังของหลี่มู่ ย่อมรู้ดีว่าจี้หยกชิ้นนี้ล้ำค่าเพียงใด สวมใส่เอาไว้ติดกายนั่นเท่ากับว่ามีชีวิตเพิ่มขึ้นมาอีกหลายชีวิตทีเดียว
พวกเขาดีใจแทนไช่ไช่เช่นกัน
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จอมศาสตราพลิกดารา