ใจความสำคัญก็คือ ทุกอย่างในโลกล้วนมีจุดอ่อนแอ แม้ว่าจะเป็นน้ำ ไฟ ทอง หรือเหล็ก ดูเหมือนไร้ความปรานี ทว่ามันไม่ใช่พลังที่แข็งแกร่งที่สุด พลังที่แข็งแกร่งที่สุดคือปราณ ปราณไม่มีตัวตน คนธรรมดาไม่สามารถรับรู้ได้ แต่ในอดีตกาลมีนักบวชค้นพบแล้วจับจุดพลังปราณได้ เมื่อรู้วิธีการฝึกฝน จึงค่อยสร้างหนทางกลั่นพลังปราณขึ้น หากสิ่งมีชีวิตธรรมดาชำนาญการกลั่นปราณประเภทนี้ จะแข็งแกร่งขึ้นเทียบเท่าเทพเซียน เก่งกาจเหนือใครในยุทธภพ
ดังนั้นระบบการฝึกยุทธ์ในโลกใบนี้ จึงเรียกได้ว่าเป็นหนทางแห่งการกลั่นปราณ
นี่ยังเป็นครั้งแรกที่หลี่มู่เห็นคำอธิบายโดยละเอียดของระบบวิถียุทธ์ในโลกใบนี้
ช่วงเริ่มต้นของ ‘เคล็ดกลั่นพลังปราณ’ เป็นการกล่าวยกย่องพลังของ ‘ปราณ’ อย่างที่สุด เรียกว่ามันเกือบเหมือนเต๋า นอกจากนี้ยังยกตัวอย่างและรายละเอียดมาพิสูจน์ถึงความน่ากลัวของพลังปราณ ส่วนมากพรรณนาถึงทักษะการต่อสู้อันน่าพรั่นพรึงของผู้แข็งแกร่งที่ฝึกพลังปราณจนถึงขีดจำกัด สุดท้ายจึงเน้นย้ำด้วยท่าทีและน้ำเสียงที่เด็ดขาดว่า พลังที่แข็งแกร่งที่สุดบนโลกนี้คือพลังแห่งปราณ หากไม่ฝึกกลั่นปราณ ก็ยากที่จะทำลายขีดจำกัดโดยกำเนิดของร่างกายมนุษย์ได้ การฝึกร่างกายจนถึงที่สุดล้วนยากจะหลุดพ้นจากทักษะที่ได้มาเองภายหลังอย่างแท้จริง
แต่เห็นได้ชัดว่านี่ไม่ใช่การโอ้อวด ‘เคล็ดกลั่นพลังปราณ’ แต่เป็นความจริงแท้ที่ไม่อาจหักล้างซึ่งสั่งสมผ่านวันเวลาขึ้นบนดาวดวงนี้
เมื่อหลี่มู่อ่านถึงตรงนี้ ก็คล้ายครุ่นคิดบางอย่าง
บนโลกมนุษย์ ชาวจีนโบราณฝึกวรยุทธ์ก็กล่าวถึง ‘ปราณ’ เช่นกัน อาทิการฝึกกำหนดลมปราณหรือชี่กง หลังจากการวิวัฒนาการของอารยธรรมศิลปะการต่อสู้มากมาย ชี่กงก็เป็นที่นิยมอย่างล้นหลามในประเทศจีน เชื่อว่าการฝึกชี่กงจะทำให้มีพลังภายใน สิ่งเรียกได้ว่าปราณแท้หรือกำลังภายในจำพวกนี้ ก็เชื่อเช่นกันว่าการฝึกชี่กงสามารถปลดโซ่ตรวนในร่างกายและทำเรื่องที่ไม่อาจทำได้ด้วยการออกกำลังเพียงอย่างเดียว เช่นการใช้จิตเคลื่อนย้ายสิ่งของ การทำร้ายคนจากระยะไกล การเหาะเหินเดินอากาศและอื่นๆ กระทั่งของจำพวกเวทมนตร์ทางตะวันตกก็ยังเกี่ยวข้องกับปราณ เพียงแต่ชาวตะวันตกเรียกมันว่าธาตุ
ดาวดวงนี้พูดถึงและมีต้นกำเนิดของการฝึกฝนวรยุทธ์ใกล้เคียงจนเกือบเหมือนบนโลกมนุษย์
ความแตกต่างก็คือ โลกยึดวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีเป็นสำคัญ การฝึกชี่กงจึงถูกตั้งคำถามอยู่เสมอ พลังเหนือธรรมชาติต่างๆ ที่ผู้ฝึกกงชี้กล่าวกัน เช่นการเหาะเหินเดินอากาศ เหยียบหิมะโดยไร้ร่องรอย หรือใช้จิตเคลื่อนของ ส่วนมากมักจะปรากฏในหนังจีนกำลังภายใน ทว่าบนดาวดวงนี้ พลังปราณถูกค้นพบและบุกเบิกอย่างแท้จริง เป็นสิ่งที่รับรู้โดยทั่วกัน และช่วยให้ครอบครองพลังเหนือธรรมดาได้จริง
จะว่าไป หลี่มู่ก็เห็นด้วยกับการบรรยายเรื่องปราณในบทนำของ ‘เคล็ดกลั่นพลังปราณ’
เขาก้มหน้าอ่านต่อไป
เนื้อหา ‘เคล็ดกลั่นพลังปราณ’ หลังจากบทนำเป็นวิธีการกลั่นพลังปราณธรรมดา
วิธีฝึกก็คือการวิธีหายใจอย่างหนึ่ง
อย่างไรก็ตาม สิ่งที่ไม่เหมือนพลังก่อนกำเนิดก็คือ การหายใจประเภทนี้จะต้องอยู่ในท่วงท่าที่จำเพาะบางอย่าง อีกทั้งระบุไว้ชัดเจนยิ่งว่าการกลั่นพลังปราณมีเงื่อนไขที่ต้องกระทำก่อน เช่นพลังกาย เลือดลม พลังงาน และอายุเป็นต้น พูดได้ว่าเป็นไปไม่ได้เลยที่มนุษย์ธรรมดาจะฝึกกลั่นพลังปราณได้ทันที ต้องเป็นจอมยุทธ์ขั้นรวมกำลังซึ่งผ่านการฝึกฝนตามระบบแล้วผลักดันพลังกายให้ถึงระดับหนึ่งเท่านั้น ถึงจะสามารถลองกลั่นพลังปราณ เปิดประตูปราณ รับพลังปราณที่กลั่นแล้วเข้าสู่ร่างกาย แล้วจึงกุมพลังปราณได้
“ ‘เคล็ดกลั่นพลังปราณ’ เล่มนี้เป็นขั้นพื้นฐานมาก เป็นวิธีการหายใจเหมือนกัน แต่ว่าเมื่อเทียบกับ ‘พลังก่อนกำเนิด’ ของซินแสเฒ่าแล้ว ความต่างชั้นมากมายเกินจะนับไหว แถมคุณสมบัติการฝึกฝนที่ต้องมีก็ช่างโหดหิน น่าจะเป็นของทั่วไปแต่เป็นที่นิยมกัน…เมื่อคิดดูแล้วก็ใช่ พรรคในอำเภอเมืองเล็กๆ นี้จะมีวิชาฝึกดีๆ ได้ที่ไหน ถ้ามีละก็ซือคงจิ้งคงไม่โดนเราฆ่าตายไปหรอก”
หลี่มู่อ่านจบก็รู้สึกผิดหวังอยู่บ้าง เขาโยน ‘เคล็ดกลั่นพลังปราณ’ ไปข้างๆ เช่นกัน
หลังจากเปรียบเทียบ ในใจเขาก็ประเมินค่า ‘พลังก่อนกำเนิด’ และ ‘หมัดยุทธ์แท้’ สูงขึ้นอีกหลายเท่า
“ปัญหาในตอนนี้คือเราไม่ฝึกไม่ได้กำลังภายใน…”
หลี่มู่ค่อนข้างคิดไม่ตกกับประเด็นนี้
เห็นได้ชัดว่าการฝึกฝน ‘พลังก่อนกำเนิด’ สูงกว่า ‘เคล็ดกลั่นพลังปราณ’ แต่ทำไมถึงไม่สามาถสร้างกำลังภายในได้?
หลี่มู่ยังให้ความสำคัญกับกำลังภายในมาก
พลังกายของเขาตอนนี้สูงเกินขอบเขตของคนปกติแล้ว การจัดการพรรคเสินหนงที่มีอำนาจในอำเภอขาวพิสุทธิ์มานับสิบปี สำหรับเขาแล้วง่ายเหมือนหั่นผัก ทั้งยังมาจากพื้นฐานประสบการณ์การต่อสู้ของเขาเมื่อก่อน เชื่อว่าหากเพิ่มประสบการณ์ต่อสู้ ทักษะด้านนี้ของหลี่มู่ก็จะแข็งแกร่งขึ้น
แต่ปัญหาก็คือ การต่อสู้ที่อาศัยเพียงพลังกายอย่างเดียวก็เหมือนเดินด้วยขาข้างเดียว มีจุดอ่อนมากมาย
อีกทั้งมีวิชาจำนวนมากที่ใช้กำลังภายในหรือพลังภายในมากมายในการผลักดัน หลี่มู่ไม่รู้จะฝึกฝนอย่างไร
พลังกายล้วนๆ จะเพียงพอในการปลดโซ่ตรวน เดินทางออกนอกดวงดาว ข้ามผ่านจักรวาลได้อย่างไร?
ตอนอยู่บนโลกมนุษย์ ซินแสเฒ่ากำลังเน้นฝึกพลังภายในเช่นกัน
แต่ตอนนั้นตาแก่บ่นพึมพำเรียกพลังแบบนี้เรียกว่า ‘พลังเซียน’
จากมุมมองของหลี่มู่ การผลักดันกำลังภายในบนดวงดาวดวงนี้ เป็นไปได้มากว่าสิ่งที่เรียกว่า ‘พลังเซียน’ เป็นแบบฉบับอย่างหยาบ เป็นพลังในขั้นต้น หากอนาคตต้องการกุมพลังเซียน วันนี้ต้องลองฝึกพลังภายใน แล้วค่อยๆ พัฒนาขึ้น เพราะอย่างไรพลังปราณก็มีความเกี่ยวข้องกับธาตุแท้ของวิถีหลักในฟ้าดิน เมื่อพลังทางกายภาพแข็งแกร่งก็จะเป็นพลังในวันหน้า
“ตามที่ได้อธิบายไว้ใน ‘เคล็ดกลั่นพลังปราณ’ คุณสมบัติร่างกายของเราตรงตามข้อกำหนด แต่ภายในตัวไม่สามารถผลิตกำลังภายในได้? หรือเป็นเพราะว่า ‘พลังก่อนกำเนิด’ ที่ได้ชื่อว่าเป็นวิชาเซียน ระหว่างการฝึกจึงไม่สามารถผลิตกำลังภายใน”
หลี่มู่ใช้ความคิด
ในที่สุด เขาก็หยิบตำรา ‘เคล็ดกลั่นพลังปราณ’ มาพลิกอ่านอีก
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จอมศาสตราพลิกดารา