พริบตาที่กัวชิงเยียนเดินเข้าสู่ค่ายกล ภาพที่เห็นก็พร่ามัว ร่างกายเบาโหวง และเพียงแค่สองอึดใจเท่านั้น ตอนที่ภาพทั้งหมดตรงหน้ากลับเป็นปกติ นางก็มาอยู่ยังกลางป่าลึกแห่งหนึ่งแล้ว
“ฝ่าบาท”
“ชิงเยียน…”
ผู้คนล้อมเข้ามา ซึ่งก็คือพวกของนายน้อยเผ่ายิงจันทร์ที่ถูกส่งมาก่อนหน้านั่นเอง
เห็นได้ชัดเจนว่าชายสวมหน้ากากผียิ้มสีเงินไม่ได้พูดโกหก พวกเขาถูกส่งออกมาที่นอกเมืองฉางอันจริงๆ
โดยรอบคือทิวเขายามค่ำคืน อีกทั้งเหมือนจะได้ยินเสียงสัตว์ป่าคำรามอยู่รางๆ พิจารณาดูแล้ว สถานที่นี่น่าจะอยู่ห่างจากเมืองฉางอันอย่างน้อยสิบลี้ได้ นับว่าอยู่แถวชนบทแล้วจริงๆ
“ฝ่าบาท ชายผู้นั้น…ไม่ได้ทำอะไรท่านใช่หรือไม่?” กุนซือแห่งที่ราบทุ่งหญ้าถามขึ้นอย่างเป็นห่วง
นายน้อยเผ่ายิงจันทร์ก็มองกัวชิงเยียนด้วยเช่นกัน
ถึงแม้ชายสวมหน้ากากผียิ้มสีเงินจะช่วยทุกคนเอาไว้ แต่ไม่รู้ว่าเพราะอะไร เขามักรู้สึกว่าชายลึกลับคนนี้มีอะไรบางอย่างที่ไม่ค่อยน่าไว้ใจ ท่าทีก็แปลกพิลึก คำพูดคำจาประหลาด ลักษณะจะดีก็ใช่จะร้ายก็ใช่ ทำให้จับทางไม่ถูก
“ไม่มีอะไร ท่านผู้นั้น…” กัวชิงเยียนย่อมไม่มีทางบอกเรื่องที่ตนเองรู้เคล็ดวิชา ‘สัมผัสจิตดุจธนู’ ต่อหน้าคนเหล่านี้ ถึงอย่างไรมากคนก็มากความ นางอ้าปากพูดคำว่าท่านผู้นั้นไม่ทันจบ ในหัวจู่ๆ ก็ผุดภาพใบหน้าเยาว์วัยเกินกว่าที่ควรภายใต้หน้ากากสีเงินขึ้น จึงรีบเปลี่ยนคำพูด “เขาแค่ถามอะไรข้าบางเรื่องเท่านั้น เกี่ยวกับท่านลุงกัว”
“ท่านผู้นั้นน่าจะเป็นพี่น้องร่วมสาบานกับต้าเจ๋อเปี๋ยจริงๆ น่าเสียดายที่คืนนี้เร่งรัดไปเสียหมดจึงลืมถาม แล้วตอนนี้ต้าเจ๋อเปี๋ยเป็นอย่างไรบ้าง” นายน้อยเผ่ายิงจันทร์ก็เอ่ยอย่างทอดถอนใจ
ในอดีต ต้าเจ๋อเปี๋ยเป็นทั้งวีรบุรุษ ตำนาน และเป็นถึงเรื่องเล่าแห่งท้องทุ่งหญ้ากว้าง น่าเสียดายที่ต่อมา…
ผ่านมาหลายปีขนาดนี้ ผู้คนบนที่ราบทุ่งหญ้ายังไม่เคยลืมวีรบุรุษที่เป็นชาวปศุสัตว์แห่งท้องทุ่งหญ้าโดยแท้จริงผู้นี้เลย
“ท่านลุงกัวสบายดี” กัวชิงเยียนตอบกลับ “พวกเรารีบกลับที่ราบทุ่งหญ้าก่อนดีกว่า หากที่ตาเฒ่าแมงมุมเขียวพูดเป็นเรื่องจริง ตอนนี้ที่ทุ่งหญ้าคงกำลังจะเกิดเรื่องขึ้น เผ่ายิงจันทร์ถูกจับตาดูอยู่เช่นนี้ จะไม่ป้องกันไม่ได้”
ทั้งกลุ่มเริ่มหารือกัน
โชคดี กุนซือแห่งทุ่งหญ้ากระทำการค่อนข้างรัดกุม ขณะที่อยู่ในเมืองฉางอัน เนื่องจากกำลังของทั้งสองฝ่ายแตกต่างกันมาก ดังนั้นเขาจึงทำอะไรไม่ได้มากนัก ไม่สามารถพลิกสถานการณ์กลับได้ แต่ตอนนี้ออกมาจากเมืองฉางอันแล้ว ขอแค่เดินทางกลับตามเส้นทางที่วางเอาไว้ขามา หลบตอนกลางวันเดินทางกลางคืน ไม่ถึงครึ่งเดือนก็จะกลับไปถึงที่ราบทุ่งหญ้าได้
“ก็ไม่รู้ว่าสหายกัว ตอนนี้จะเป็นอย่างไรบ้าง?” นายน้อยเผ่ายิงจันทร์ยกมือป้องตามองไปยังเมืองฉางอัน สีหน้าเป็นกังวล
ในตอนนั้น สงครามกำลังปะทุ เพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้นายน้อยสมาพันธ์การค้าใต้หล้าฝั่งฉินตะวันตกต้องตกอยู่ในคลื่นพายุนี้ ขณะที่นายน้อยเผ่ายิงจันทร์กระโดดออกมาจากหอแขกผู้มีเกียรติหมายเลขเจ็ด จึงลงมือฟาดเขาจนสลบทันใด จากนั้นส่งตัวให้กับองครักษ์ของสมาพันธ์การค้าใต้หล้าไป
การเดินทางมาฉางอันครั้งนี้ สำหรับนายน้อยเผ่ายิงจันทร์แล้ว ถือว่ามีความหมายใหญ่หลวง
เขาเดินทางออกจากที่ราบทุ่งหญ้าเป็นครั้งแรก ได้เห็นความเจริญรุ่งเรืองของจักรวรรดิฉินตะวันตก
สามจักรวรรดิแห่งแผ่นดินใหญ่เสินโจว จักรวรรดิฉินตะวันตกตั้งอยู่ทางตะวันตกเฉียงเหนือ ไม่ได้ถือเป็นพื้นที่ที่อุดมสมบูรณ์ เมื่อเปรียบเทียบกับซ่งเหนือและฉู่ใต้ ถือได้ว่าเป็นพื้นที่ค่อนข้างธรรมดา มีดินฟ้าอากาศเช่นนี้ กำแพงเมืองสูงใหญ่ สถาปัตยกรรมงดงาม กลุ่มการค้า เสื้อผ้าสิ่งทอ เครื่องลายคราม ใบชา ทองคำและเงิน…แค่นี้ก็ไม่รู้ว่าร่ำรวยมากกว่าที่ราบทุ่งหญ้ากี่เท่า ถ้าไปเทียบกับซ่งเหนือและฉู่ใต้ที่ยังรุ่งเรืองกว่าฉินตะวันตกแห่งนี้ จะยิ่งแตกต่างกันขนาดไหน?
ที่ราบทุ่งหญ้า ควรจะปฏิรูปกันเสียที
มิเช่นนั้น คงมีสักวันที่จะถูกสามจักรวรรดิใหญ่นี้กลืนไป
หนึ่งในยอดคนแห่งที่ราบทุ่งหญ้าอย่างนายน้อยเผ่ายิงจันทร์เถี่ยมู่เจินคนนี้ รำพึงรำพันขึ้นมาในใจ
……
“หนี ต้องหนีออกไปให้ได้”
ร่างของผู้เฒ่าแมงมุมเขียวพุ่งทะยานอย่างรวดเร็วภายใต้ฟ้าราตรี
กลางอกของเขา รูทะลุจากหน้าถึงหลังขนาดเท่าชามข้าวรูหนึ่ง มีเลือดสดสีเขียวมรกตไหลออกมา เมื่อหยดลงบนพื้น ผิวหน้าดินกลับถูกกร่อนจนเป็นรู
สมองของเขาย้อนนึกถึงภาพน่าตะลึงที่ชายสวมหน้ากากผียิ้มสีเงินง้างธนูยิงศรแสงจันทร์ขึ้นบนท้องฟ้า ในใจของผู้เฒ่าแมงมุมเขียวเย็นวาบ หากไม่ใช่เพราะบนร่างมีเกราะแมงมุมสลับความตายที่ราชาแมงมุมให้มา สามารถต้านทานพลังธนูส่วนใหญ่ได้ละก็ ป่านนี้ตัวเขากลายเป็นศพไปเรียบร้อยแล้ว
ธนูรั้งจันทรา ปรากฏขึ้นบนยุทธจักรอีกครั้ง
สัมผัสจิตดุจธนู กลับมาบนโลกมนุษย์อีกครา
วิชาธนูของชายใส่หน้ากากผียิ้มสีเงินคนนั้น เป็นระดับตำนานอย่างต้าเจ๋อเปี๋ยชัดๆ คนแบบนี้มาปรากฏตัวขึ้นในเมืองฉางอัน ต่อให้ไม่ได้อยู่ในที่ราบทุ่งหญ้า ก็สามารถก่อให้เกิดความตื่นตะลึงขึ้นได้
ต้องกลับไปรายงานที่วิหารเทพแมงมุมให้ได้
ในอดีตเคยมีคำทำนายที่เล่ากันบนที่ราบทุ่งหญ้า วันใดที่ธนูรั้งจันทราปรากฏขึ้นอีกครั้งและผนึกรวมกับธนูเหนี่ยวตะวัน จะสามารถโค่นล้มวิหารเทพลงได้ ชนเผ่าหนึ่งแห่งที่ราบทุ่งหญ้าจะขึ้นเป็นหนึ่งควบคุมทุกสรรพสิ่ง ภาพฉากอันห่างไกลนี้ ต่อให้เป็นวิหารเทพหมาป่าก็ไม่อาจรับได้อยู่ดี
จะต้องตัดรากถอนโคนคำทำนายนี้ให้จงได้
……
หน่วยเลี้ยงรับรองบนถนนกลิ่นกำจาย
เต็มไปด้วยความสับสนอลหม่าน
นางคณิกาทั้งหลายของหอนางโลมแต่ละแห่งตกใจจนขวัญหนีดีฝ่อ ปิดประตูลั่นดาลเงียบสนิท
ยังดีที่หลังจากจบการแข่งขันคณิการะดับสูง การประมูลเริ่มไประยะหนึ่งแล้วถึงเกิดความวุ่นวายขึ้น และเวลานั้น เหล่านางโลมมีชื่อส่วนใหญ่กลับไปยังที่พักของตนเองแล้ว บรรดาสาวงามดุจดอกไม้ดั่งหยกเหล่านี้จึงไม่ได้รับผลกระทบมากนัก
ศพบนถนน ส่วนใหญ่เป็นพวกแขกที่มาหาความสำราญ
บรรดาแขกผู้มีเกียรติตรงที่นั่งพิเศษก่อนหน้า ต่างมีองครักษ์คุ้มกันเสียส่วนใหญ่ และเป้าหมายการสร้างความวุ่นวายก็ไม่ใช่พวกเขา ดังนั้นจึงกระจัดกระจายหายไปกันหมดแล้ว
ส่วนในหอแขกผู้มีเกียรติชั้นยอด หอหมายเลขอื่นต่างมีคนเข้าไปควบคุมแล้ว
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จอมศาสตราพลิกดารา