“เจ้าทำลายวิชาเวทของข้า?” ‘เฒ่าอัคคี’ ตั้งสติกลับมาได้ เอ่ยถามอย่างปากกล้าขาสั่น “เจ้าปีศาจ วันนี้ข้าจะให้เจ้าคืนร่างเดิมให้ได้”
เขาปักไม้เท้าเวทไว้ข้างหนึ่ง ถลกแขนเสื้อขึ้น โมโหหัวฟัดหัวเหวี่ยง ยังจะเหลือท่าทางอย่างเทพเซียนเก่าแก่แบบก่อนหน้านี้เสียที่ไหน เขาล้วงเอากระจกฉลุลายเส้นเงินทองบานใหญ่ออกมา บนกระจกแบ่งเป็นห้าส่วน สัญลักษณ์เปลวเพลิงหนึ่งในนั้นเปล่งแสงเจิดจ้า ฝ่ามือกดเอาไว้พลางกระตุ้นพลังจิตวิญญาณจดจ่อไปในกระจก สัญลักษณ์เปลวเพลิงหนึ่งส่วนลุกโชติช่วงขึ้นทันใด
อุณหภูมิรอบๆ พลันพุ่งสูงขึ้น
ยอดฝีมือหน่วยเลี้ยงรับรองสี่คนรู้สึกทั่วร่างร้อนระอุอย่างกับอยู่ในเตาไฟ ผมหยิกม้วนขึ้นมาแล้ว
หลิวเฉิงหลงก็รู้สึกเหมือนไฟแผดเผาเช่นกัน ร้อนระอุเหลือทน จึงรีบโคจรพลังต้านทานและถอยหลังไป เว้นระยะห่างประมาณห้าหกจั้ง ห่างออกมาจาก ‘เฒ่าอัคคี’ สองจั้ง ต้นไม้แห้งลุกเป็นไฟ ราวกับเป็นโลกแห่งเปลวเพลิงจริงๆ
‘นี่คงจะเป็นพลังที่แท้จริงของ ‘เฒ่าอัคคี’ วิชาเวทร้อนระอุอันน่ากลัว…’ หลิวเฉิงหลงคิดในใจ
‘เฒ่าอัคคี’ ผู้นี้คือผู้ฝึกไร้สังกัดขั้นฟ้าประทานในเมืองฉางอัน ตำแหน่งฐานะไม่ธรรมดา
โดยปกติแล้ว ผู้ฝึกไร้สังกัดฝึกถึงขั้นฟ้าประทานได้ก็นับว่าเป็นเรื่องหาได้ยากยิ่งแล้ว หากไม่ใช่มีพรสวรรค์เป็นอย่างมาก ก็ต้องมีโอกาสที่ดีเยี่ยม แต่ว่าคิดอยากจะทะลวงขั้นอีกนั้นยากมาก ต้องได้การช่วยเหลือจากสำนักหรือไม่ก็พลังภายนอก ดังนั้น หลังจากหลิวเฉิงหลงเผยความสัมพันธ์ของตนกับองค์ชายสองเล็กน้อย ‘เฒ่าอัคคี’ ก็ยอมรับข้อเสนอของตน ยินยอมรับใช้องค์ชายสองดังคาด
มาจับฮวาเสี่ยงหรงวันนี้ ก็เป็น ‘เฒ่าอัคคี’ เองที่เสนอตัว คิดอยากสร้างคุณูปการ
ก่อนหน้านี้สำแดงวิชาเวทติดกันสามกระบวนท่า ล้วนท่าดีทีเหลว ดูเหมือนมีพลังคุกคามมหาศาล แต่กลับไม่ได้เห็นแม้แต่หน้าของฮวาเสี่ยงหรง เขาดูผิวเผินไม่ค่อยจริงจัง แต่ว่าพอกระจกฉลุลายเส้นเงินทองปรากฏขึ้น พลังก็มากมหาศาล ไม่เสียชื่อผู้ฝึกไร้สังกัดขั้นฟ้าประทาน
“ปีศาจร้าย ข้าไม่สนว่าเจ้าจะเป็นใครมาจากไหน กล้าชิงร่างมนุษย์ซ่อนตัวอยู่ในเมืองฉางอันก็สมควรตาย หลี่มู่นั่นสมคบคิดกับปีศาจ จะต้องไม่ใช่คนดีอะไรแน่นอน โทษหนักมหันต์” ‘เฒ่าอัคคี’ ตวาดลั่น
หลังจากกระตุ้นกระจกกรอบฉลุลายเส้นเงินทอง ความมั่นใจของเขาก็เพิ่มมากขึ้น มีท่าทางอย่างวีรบุรุษเยี่ยมยุทธ์ใครกล้าสู้ พลังจิตวิญญาณไหลวน กระตุ้นกระจกฉลุลายเส้นเงินทองราวแสงเทพ ส่วนสัญลักษณ์เปลวไฟส่งเพลิงประหลาดสีม่วงออกมา ทำท่าจะยิงไปทางหอผู้มีเกียรติหมายเลขสิบแปด
จู่ๆ เสียงหนึ่งก็ดังขึ้น
“เอ๋ นี่มันอาวุธเต๋าระดับล่างนี่?”
เสี้ยวขณะที่เสียงดังขึ้น ‘เฒ่าอัคคี’ ก็พลันรู้สึกว่ามือเบาโหวง กระจกกรอบฉลุลายเส้นเงินทองหายวับไป
เมื่อมองไปอีกครั้ง ร่างเงาสูงโปร่งสวมหน้ากากผียิ้มสีเงินมาปรากฏตัวอยู่หน้าประตูหอหมายเลขสิบแปดตั้งแต่เมื่อใดไม่รู้ ของที่ถืออยู่ในมือก็คือกระจกฉลุลายเส้นเงินทองของตน ทั้งยังกำลังประเมินมันด้วยสีหน้าแปลกใจ
“เจ้า…เจ้าเป็นใคร? รีบคืนกระจกวิเศษของข้ามา” ‘เฒ่าอัคคี’ ตกใจ รีบร้อนตะโกนถาม
หลิวเฉิงหลงกลับหน้าเปลี่ยนสี “หลี่มู่…เจ้ากล้ากลับมา?”
เขารู้ว่าคนสวมหน้ากากผียิ้มสีเงินก็คือหลี่มู่นั่นเอง
“ทำไมถึงจะไม่กล้ากลับมา?” หลี่มู่ตอบอย่างขอไปที
เขาไม่เงยหน้าขึ้น ยังคงก้มมองกระจกกรอบฉลุลายเงินทองในมือ ประหลาดใจเป็นอย่างมาก พึมพำกับตัวเองว่า “แปลกแล้ว บนโลกใบนี้ทำไมถึงมีอาวุธเต๋าได้?” นี่มันคืออาวุธเต๋าที่ซินแสเฒ่าบอกไว้ชัดๆ ไม่ใช่ของล้ำค่าที่ใช้วิชาเล่นแร่แปรธาตุสายหลักของโลกนี้สร้างออกมาแน่นอน
หรือโลกใบนี้ก็จะมีการถ่ายทอดวิชาเต๋าเหมือนกัน?
หลี่มู่รู้สึกประหลาดใจ
วิชาเต๋ากับวิชาเวทเป็นสองแนวความคิด อย่างแรกเป็นถึงศาสตร์เซียน ส่วนอย่างหลังเป็นแค่ทักษะวิชา เป็นความเข้าใจผิวเผินในหลักการฟ้าดิน จึงเรียกได้แค่วิชาเท่านั้น
ส่วนอาวุธเต๋ามีเพียงวิชาเต๋าเท่านั้นถึงจะสร้างออกมาได้
วัตถุเหมือนมิติเก็บของหรือ ‘ระเบิดมือ’ จำพวกที่หลี่มู่สังเวยก่อนหน้านี้ ก็เป็นเพียงแค่ทักษะระดับล่างอย่างหนึ่งของเต๋า ถือเป็นอาวุธเต๋าชั้นรอง ไม่สมบูรณ์แบบ แต่กระจกกรอบฉลุลายเส้นเงินทองที่ชิงมาจากมือ ‘เฒ่าอัคคี’ บานนี้ หลี่มู่ดูแล้วเป็นอาวุธเต๋าที่สมบูรณ์
ถึงแม้จะเป็นเพียงอาวุธเต๋าระดับล่าง แต่พลังของมันก็น่าตื่นตะลึงนัก
จากคำบรรยายของซินแสเฒ่า มีแค่ ‘วิชาก่อนกำเนิด’ ขั้นสามบริบูรณ์เท่านั้นถึงจะสังเวยอาวุธเต๋าระดับล่างอย่างสมบูรณ์แบบได้ และจากที่หลี่มู่ศึกษาในตอนนี้ ‘วิชาก่อนกำเนิด’ ขั้นสามบริบูรณ์ ก็แทบจะถึงขั้นทะลวงสวรรค์แล้วกระมัง?
“กระจกบานนี้เจ้าได้มาจากไหน?” หลี่มู่เงยหน้าถาม
‘เฒ่าอัคคี’ ตอบอย่างทั้งโกรธทั้งร้อนใจ “ของชิ้นนี้เป็นมรดกตกทอดของตระกูลข้า เจ้าเป็นใคร รีบคืนข้ามา”
อันที่จริง กระจกบานนี้เขาแย่งมาจากมือนักพรตคนหนึ่งในวัดร้างโดยบังเอิญ เมื่อร้อยยี่สิบปีก่อน นักพรตผู้น่าสงสารคนนั้นช่วยเขาที่หิวจนเป็นลมกลางทางเอาไว้ ใครจะรู้ว่าเขากลับกินบนเรือน ขี้รดบนหลังคา ลอบทำร้ายนักพรตคนนั้น ชิงเงินทองและเสบียงอาหารในวัดมา หนึ่งในนั้นก็มีกระจกบานนี้
ตอนนั้น เขาเป็นแค่ซิ่วไฉความจำเสื่อม หลังจากได้กระจกบานนี้มาก็บังเอิญพบว่าในนั้นแฝงด้วยวิชาเวทบางอย่าง เขาดีใจจนแทบคลั่ง กระนั้นแล้วเขาจึงขัดเกลาตัวเอง ค่อยๆ ฝึกฝนทีละก้าวๆ ใช้เวลาถึงร้อยยี่สิบปีเต็มถึงจะมีพลังฝึกเช่นในวันนี้
“มรดกตระกูล?” หลี่มู่แค่มองก็รู้ว่าตาแก่นี่โกหก
พลังแท้จริงของกระจกบานนี้ ‘เฒ่าอัคคี’ สำแดงออกมาไม่ได้หนึ่งในร้อยเลยด้วยซ้ำ
เมื่อครู่เขาตะโกนว่าจะสยบซ่างกวนอวี่ถิง ใส่ร้ายว่าตนสมคบคิดกับปีศาจ แล้วยังมากับหลิวเฉิงหลงอีก กว่าครึ่งเป็นสุนัขรับใช้ใต้บัญชาการขององค์ชายสอง ของวิเศษแบบนี้ตกอยู่ในมือเขา รังแต่จะเอาไปใช้ในทางที่ผิด ในเมื่อเอามาแล้ว แน่นอนว่าไม่มีเหตุผลที่ต้องคืนให้ไป
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จอมศาสตราพลิกดารา