ในห่อผ้ามีเนื้อสดหนึ่งจิน และยังมีลูกอมห่อเล็กๆ อีกหนึ่งห่อ
ลูกอมนั้นเตรียมมาให้เยวี่ยเยวี่ย
นอกจากนั้นแล้ว ยังมีเครื่องแบบของสำนักที่นางใส่มาแล้วสามปีชุดหนึ่ง ซักสะอาดเรียบร้อย จุดที่ขาดเหล่านั้นล้วนใช้ฝีเข็มถี่ละเอียดปะชุนอย่างดี มองเผินๆ ดูไม่ออก แท้จริงทุกปีสำนักบัณฑิตเสียงวิหคสวรรค์จะแจกเครื่องแบบให้สองชุด แต่เหลยอินอินล้วนแลกเครื่องแบบเป็นเงินเอามาจุนเจือครอบครัว ส่วนตัวเองมีชุดเครื่องแบบชุดเดียว ใส่มาสามปีเต็มแล้ว
มารดาผู้ชราป่วยตายเมื่อปีก่อน งานศพใช้เงินไปไม่น้อยเลย
ตอนนี้ พี่ชาย น้องสาว พี่สะใภ้ และยังมีเจ้าตัวน้อยอายุสามขวบอีกหนึ่ง พูดได้ว่าพึ่งพิงอาศัยด้วยกันแล้ว
เหลยเหลาหู่เป็นชายซื่อๆ ไม่มีความสามารถหรือทักษะอะไรเลย ทำได้แค่ใช้แรงงาน แต่เพราะเหลยอินอินเป็นบัณฑิตระดับสูงของสำนักบัณฑิตเสียงวิหคสวรรค์ พี่ชายและพี่สะใภ้ก็เป็นคนจิตใจดี ครอบครัวนี้อยู่ในละแวกนี้จึงนับว่าเป็นที่รักใคร่
ชีวิตถึงแม้จะลำบาก แต่เทียบกับเมื่อก่อนแล้วดีกว่าไม่รู้ต่อเท่าไหร่ ทุกคนล้วนพอใจมาก
ความฝันของเหลยอินอินคือ หลังจากศึกษาจบแล้วจะไปเข้าร่วมสำนักคุ้มกันไม่ก็สมาพันธ์การค้าอะไรพวกนี้ บัณฑิตที่จบการศึกษาของสำนักบัณฑิตเสียงวิหคสวรรค์ อยู่ในเมืองฉางอันนับว่าหางานง่าย เจ้าสำนักผู้ชราก็เอาใจใส่บัณฑิตที่จบทุกรุ่นมาก
ทว่า…
นางก้มหน้าลง นั่งเหม่อลอยคนเดียวในบ้านครู่หนึ่ง
นั่งๆ ไป ความเศร้าในใจก็เอ่อล้นขึ้นมาอย่างอดไม่ได้ น้ำตาเกือบจะไหลออกมาอีก
นางไม่เคยรู้สึกว่าตัวเองอ่อนแอ
นางรู้สึกว่าแต่ไหนแต่ไรมา ตัวเองสามารถรวบรวมความกล้าสู้กับอำนาจและความอยุติธรรมได้
ทุกสิ่งในบริเวณบ้าน ทุกอย่างในบ้านหลังนี้ และทุกสิ่งในสำนักบัณฑิตเสียงวิหคสวรรค์ ล้วนเป็นสิ่งที่นางหวงแหนและอยากปกป้อง แต่ว่ายามที่ความโหดร้ายของชีวิตและความอำมหิตของอำนาจโจมตีมา นางถึงตระหนักได้ว่า หากคิดจะปกป้องทุกอย่างนี้ก็ต้องเสียสละอะไรบางอย่าง นั่นน่ากลัวเสียยิ่งกว่าความตาย
นางถอนหายใจอีกครั้ง
จำนวนครั้งที่ถอนหายใจของวันนี้ มากกว่าปีที่แล้วทั้งปีเสียอีก
เหลยอินอินระงับอารมณ์ของตัวเองอย่างสุดความสามารถ และเริ่มเก็บถ้วยเก็บจาน เริ่มทำกับข้าว
ฝีมือทำอาหารของนางเยี่ยมยอดมาก
เด็กในครอบครัวยากจนมักรู้ความเร็ว
หลังจากนั้นประมาณหนึ่งในสี่ชั่วยาม เมื่อเหลยเหลาหู่เลิกงานกลับมา กลิ่นหอมของเนื้อแต่ละจานในครัวก็ลอยมา เยวี่ยวเยวี่ยน้อยยืนมองตาแป๋วน้ำลายยืดอยู่ที่ประตูครัว ข้างหลังเขามีสุนัขสีน้ำตาลตัวโตและลูกสุนัขที่ยังไม่หย่านมอีกสองตัว…
วางถ้วย วางตะเกียบ ทุกคนก็นั่งประจำที่
ครอบครัวคนจนไม่มีพิธีรีตองอะไร
สุนัขสีน้ำตาลนอนหมอบอยู่ข้างโต๊ะ แทะกระดูกติดเนื้อดังกร๊อบๆ
หลังกินข้าวเสร็จ เหลยอินอินก็เก็บถ้วยชาม เหลยเหลาหู่อุ้มลูกชายพลางดึงนางไว้ พูดกลั้วยิ้มว่า “น้องข้า ปีนี้เจ้าอายุสิบหกแล้ว มีคนถูกใจแล้วหรือยัง ข้ากับพี่สะใภ้เจ้าเก็บเงินไว้ก้อนหนึ่ง สินเดิมของเจ้าสาวเตรียมไว้ให้เจ้าแล้วนะ”
เหลยอินอินเขินอาย “พี่เหลาหู่ ข้ายังเด็ก…”
“พี่หวางบ้านข้างๆ ลูกสาวสิบห้า ลูกชายขวบหนึ่งแล้ว” เหลยเหลาหู่เอ่ยอย่างทึ่มๆ “หากบ้านเราไม่จน ข้าเลยแต่งงานช้าไป ไม่แน่ว่าตอนนี้เยวี่ยเยวี่ยคงเจ็ดแปดขวบแล้ว ฮ่าๆ”
เรื่องบ่นหยุมหยิมที่ปกติชวนให้คนรำคาญใจ วันนี้เหลยอินอินได้ยินแล้วกลับรู้สึกอบอุ่นเป็นที่สุด
นางจงใจหัวเราะเสียงดัง “พี่ชาย ข้าเคยบอกไปแล้วไม่ใช่หรือ? คนในดวงใจข้าจะต้องเหมือนกับคุณชายหลี่ เป็นชายหนุ่มที่เก่งกาจวิชาบุ๋นเยี่ยมยอด วิชาบู๊เยี่ยมยุทธ์ ท่านรู้จักคนแบบนี้ไหมเล่า? หากรู้จักเช่นนั้นก็แนะนำให้ข้า ข้ายินดีแต่ง”
“เหลยอิน เจ้าเด็กโง่ สมองคงจะเสียแล้วกระมัง คนอย่างคุณชายหลี่มู่เป็นเทพเซียนลงมาจากฟ้า เจ้าฝันไปเถอะ” เหลยเหลาหู่หัวเราะร่วน ทำลายจินตนาการที่ไม่เป็นจริงของน้องสาวอย่างไม่เกรงใจ
เหลยอินอินกล่าว “ชิ ข้ารู้จักคุณชายหลี่นะ”
ทุกคนหัวเราะพูดคุยกัน
เหลยเหลาหู่มองน้องสาว รู้สึกละอายใจอยู่บ้าง
หลายปีมานี้ ที่บ้านหลังนี้ยืนหยัดมาได้ หลักๆ แล้วอาศัยน้องสาว นางเป็นเหมือนเสาหลักที่คอยจัดการข้างในข้างนอกดุจหัวหน้าครอบครัว เขาที่เป็นพี่ชายกลับเหมือนตัวถ่วง นอกจากแรงงานก็ไม่มีความสามารถอื่นอีก
แน่นอนว่าเขาหวังให้น้องสาวพบคนดีๆ
ในสายตาของเหลยเหลาหู่ น้องสาวของตนคนนี้ยอดเยี่ยมที่สุด สวยที่สุด งดงามที่สุด จิตใจดีที่สุด เป็นเด็กผู้หญิงที่ดีที่สุดในโลก
ทว่าคุณชายหลี่มู่…นั่นเป็นตำนานเชียวนะ
น้องสาวจะหาคนแบบนั้น ยากยิ่งนักกระมัง?
ครู่หนึ่ง เหลยอินอินกับพี่สะใภ้สองคนก็เก็บชามไปล้าง
เหลยเหลาหู่ล้วงเงินห้าอีแปะจากกระเป๋าเสื้อออกมาเรียงเป็นแถวในมือ
นี่เป็นเงินค่าแรงที่เขาขนสินค้าทั้งวันนี้ เขาหยิบเงินสามอีแปะเก็บกลับเข้ากระเป๋าเสื้อ ส่วนนี้คือเงินที่ให้ภรรยาดูแลบ้าน สองอีแปะที่เหลือเขาเก็บเอาไว้ในกล่องไม้ข้างเตียง
เมื่อเขย่ากล่องไม้เบาๆ ก็ได้ยินเสียงหนักๆ ดังออกมา หลังจากประเมินน้ำหนักของกล่องไม้ ใบหน้าของชายหนุ่มซื่อๆ คนนี้ก็ฉายรอยยิ้มพึงพอใจ
ในกล่องมีเงินประมาณร้อยอีแปะ
เขาเก็บออมมาปีหนึ่งแล้ว
รอจนเก็บครบสองร้อยอีแปะ มากพอจะตัดชุดผ้าไหมได้ ก็จะมอบให้กับน้องสาว ถือว่าเป็นสินเดิมของนาง
จะต้องให้น้องสาวสวมเสื้อใหม่แต่งออกไปให้ได้
นี่เป็นความหวังที่เรียบง่ายที่สุดของชายหนุ่มผู้นี้
และเป็นเรื่องที่ความสามารถของเขาทำได้
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จอมศาสตราพลิกดารา