วันต่อมา
อากาศครึ้มอึมครึม เมื่อคืนวานอุณหภูมิลดลงมาก น้ำค้างแข็งปูพร่างพราวทั่วเมืองฉางอัน
หลี่มู่ออกมาจากสวนสุสารทหาร กลับมายังเรือนซอมซ่อตอนรุ่งสาง
วันนี้เป็นวันที่เขาประกาศว่าจะไปอ่านคัมภีร์ที่สำนักบัณฑิตเขาเหมันต์และสำนักบัณฑิตเสียงวิหคสวรรค์ หลี่มู่กินอาหารเช้าที่สาวงามทั้งหลายเตรียมเอาไว้ จากนั้นขี่เสือดาวเบญจมาศตาเดียวตัวอ้วนออกเดินทางจากเรือนซอมซ่อ
ในอ้อมแขนของเขาอุ้มลูกจิ้งจอกสีขาวตัวนั้นเอาไว้
เจ้าตัวนี้ยิ่งดูมีฤทธิ์เดชขึ้นเรื่อยๆ หลังจากอาศัยอยู่ในเรือนซอมซ่อที่พลังวิญญาณเต็มเปี่ยมหลายวัน ขนขาวมันวาวก็ราวหยกชั้นเลิศ ดวงตาแดงก่ำดั่งทับทิม ทุกวันติดหลี่มู่เป็นที่สุด ยามหลี่มู่ไม่อยู่ก็ชอบขดตัวอยู่ในห้องหนังสือของเขา สาวน้อยทั้งหลายชอบเจ้าจิ้งจอกน่ารักงดงามตัวนี้มาก แต่ก็มีเพียงซ่างกวนอวี่ถิงคนเดียวเท่านั้นที่อุ้มมันได้บ้างเป็นบางครั้ง หากคนอื่นเข้าใกล้ เจ้าตัวน้อยจะร้องเหมือนตกใจ จากนั้นแยกเขี้ยวใส่
วันนี้หลี่มู่จะออกจากบ้าน เจ้าตัวน้อยก็เกาะขาของเขาจะตามไปให้ได้
ดังนั้นหลี่มู่จึงพาเจ้าภูตน้อยตัวนี้มาด้วย
นี่เป็นครั้งแรกที่หลี่มู่ออกมาจากตรอกไล่หมูอย่างผ่าเผยในช่วงหลายวันนี้ ดังนั้นจึงดึงความสนใจจากฝั่งต่างๆทันที นอกและในตรอกไล่หมูมีสายแฝงตัวอยู่มากมาย ล้วนจับตาดูหลี่มู่อยู่ทั้งสิ้น
ข่าวถูกส่งออกไปอย่างรวดเร็ว
หลี่มู่ขี่เสือดำเบญจมาศเดินเอ้อระเหยอยู่บนถนน
คนเดินผ่านไปมารอบๆ ที่ไม่รู้เรื่องราวล้วนส่งสายตาสงสัยใคร่รู้มา
“ท่านแม่ๆ เสือดำของเณรน่ารักจังเลย…” เด็กหญิงวัยแปดขวบที่ร้านข้างทางมองหลี่มู่ตาเป็นประกาย ในความคิดของนาง เณรน้อยผมสั้นที่ขี่เสือดำอยู่…ผ่าเผยมาก
หลี่มู่ลอบกระหยิ่มยิ้มย่อง
หลายวันมานี้ หลังจากการยกระดับของพลังฝึกเขา โลกทัศน์เปิดกว้าง ความคิดเปลี่ยนไปมาก ค่อยๆ ทิ้งความระแวดระวังเหมือนเดินอยู่บนน้ำแข็งบางๆ อย่างตอนเพิ่งมาถึงโลกใบนี้ไป สภาวะจิตใจผ่อนคลายลงมาก ความตึงเครียดในใจก็หายไปเหมือนกัน
เขารู้สึกเบาสบายมาก
‘ฮ่าๆ ขี่เสือดำ ใส่เสื้อผ้าคล้ายชุดนักพรต เหมือนตัวละครตัวหนึ่งในตำนานของจีนเลย’ หลี่มู่จู่ๆ นึกขึ้นได้ว่าตัวเองเหมือนคอสเพลย์เป็นเซินกงเป้า ตัวร้ายตัวเอ้ในเรื่องห้องสิน
ในโลกของห้องสิน ประโยคที่ศิษย์น้องเซินพูดว่า ‘สหายนักพรตหยุดก่อน’ ทำให้ผู้สูงส่งทิ้งชีวิตไปบนแท่นสถาปนาเทพไม่รู้ต่อเท่าไหร่ คิดให้จริงจังแล้ว หากไม่ใช่เซินกงเป้าค้นหายอดฝีมืออย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อยเพื่อสู้กับเจียงจื่อหยาแล้วละก็ ไม่แน่ว่าจำนวนเทพบนลำดับรายชื่อเทพอาจไม่พอก็เป็นได้
เจ้านี่ก็เป็นคนประหลาดเหมือนกัน
หลี่มู่คิดพลางก้มลงมองจิ้งจอกน้อยในอ้อมแขน ในใจพลันนึกอะไรขึ้นได้ “ประกาศของหายติดไปนานขนาดนี้แล้วยังไม่มีใครมารับเจ้า เกรงว่าเจ้านายเจ้าคงไม่ต้องการเจ้าแล้วกระมัง ฮ่าๆ ในเมื่อเจ้าอยู่ข้างกายข้า ไม่อย่างนั้นข้าตั้งชื่อให้ก็แล้วกัน”
“หงิงๆ” จิ้งจอกน้อยฟังคำพูดหลี่มู่รู้เรื่อง มันร้องอย่างยินดี
หลี่มู่พูดกับมัน “เช่นนั้น หลังจากนี้เจ้าชื่อต๋าจี่ก็แล้วกัน”
จากเซินกงเป้าคิดเชื่อมโยงไปถึงต๋าจี่ ตรรกะความคิดนี้ไม่มีปัญหา
อย่างไรต๋าจี่ก็เป็นปีศาจจิ้งจอกจริงๆ นี่นา
อีกทั้งจิ้งจอกขาวก็เห็นได้ชัดว่าชอบชื่อนี้มาก มันใช้ลิ้นเล็กๆ สีชมพูเลียหน้า และใช้หัวถูฝ่ามือหลี่มู่อย่างดีใจ “จิ้วๆ จิ้วๆๆ!”
ฮี่ หวังว่าหลังจากเจ้ารู้ที่มาที่ไปของชื่อนี้แล้วจะไม่โกรธกันล่ะ
หลี่มู่คิดในใจ ไม่นานนักก็มาถึงหน้าประตูสำนักบัณฑิตเสียงวิหคสวรรค์
“เอ๋? ไม่ไปสำนักบัณฑิตเขาเหมันต์ก่อนหรือ?”
หลี่มู่มัวแต่พูดคุยกับจิ้งจอกขาวน้อยต๋าจี่ ไม่ทันได้สังเกตว่าเสือดำเบญจมาศพามายังสำนักบัณฑิตเสียงวิหควรรค์ก่อน
แต่ว่าไม่เป็นไร
ตอนนี้ ที่หน้าประตูสำนักบัณฑิตเสียงวิหคสวรรค์มีอาจารย์และบัณฑิตยืนรออยู่นานแล้ว เมื่อเห็นหลี่มู่ปรากฏตัวขึ้นก็เข้ามารับหน้า
ในใจของคนเมืองฉางอันนับไม่ถ้วน ชื่อของหลี่มู่นั้นซื่อสัตย์ยุติธรรมและสมบูรณ์แบบมาก พูดได้ว่าเป็นบุคคลอันดับหนึ่งของเมืองในตอนนี้ อีกทั้งตอนนั้นเขาสังหารเจี่ยจั้วเหริน ก็เป็นเพราะอาจารย์คนนั้นรนหาที่ตายเอง จากการชักนำของพวกเจ้าสำนักบัณฑิตชวี ภายในสำนักบัณฑิตเสียงวิหคสวรรค์จึงไม่ได้เป็นปฏิปักษ์อะไรกับหลี่มู่
“เจ้าสำนักชวียังไม่หายดี ไม่อาจมาต้อนรับด้วยตัวเองได้ จึงรออยู่ที่คลังคัมภีร์แล้ว คุณชายหลี่เชิญทางนี้” อาจารย์ชรามีผมและเคราหงอกขาวพูดอย่างเกรงใจ
หลี่มู่คารวะกลับ จากนั้นก็เข้าไปในสำนักบัณฑิตเสียงวิหคสวรรค์
นี่เป็นครั้งแรกที่เขาเข้ามาในสำนักบัณฑิตไส้แห้งของเมืองฉางอัน ทิวทัศน์ภายในงดงามเงียบสงบ สองข้างทางเต็มไปด้วยลูกศิษย์ของสำนักที่สวมชุดเครื่องแบบเดียวกัน ล้วนเป็นเหล่าลูกศิษย์ที่ได้ยินว่าหลี่มู่จะมา จึงมามุงดูความงดงามของเด็กหนุ่มอัจฉริยะอันดับหนึ่งของฉางอัน
เยี่ยมยอดทั้งบุ๋นและบู๊ เผยแพร่กลอนชั้นยอดและกลอนอมตะหลายบท ชื่อเลื่องลือไปทั้งเมืองฉางอัน มีตำแหน่งสูงส่ง โดยเฉพาะในใจของลูกศิษย์เหล่านี้ คนที่เลื่อมใสหลี่มู่เหมือนเหลยอินอิน ในสำนักบัณฑิตเสียงวิหคสวรรค์ก็มีเต็มไปหมด
เพียงชั่วครู่ก็มาถึงหน้าประตูคลังคัมภีร์ของสำนักบัณฑิตเสียงวิหคสวรรค์
เจ้าสำนักชวีใช้ไม้เท้าพยุงตัว อาจารย์ของสำนักบางคนตั้งแถวรอต้อนรับบนพรมหน้าประตูคลังคัมภีร์
หลังจากบทสนทนาที่เป็นพิธีรีตองแล้ว หลี่มู่ก็ได้รับอนุญาตให้เข้าไปในคลังคัมภีร์
เทียบกันแล้ว บรรยากาศของสำนักบัณฑิตเสียงวิหคสวรรค์เป็นกันเองกว่าสำนักบัณฑิตเขาเหมันต์มาก
หลี่มู่มองเห็นเหลยอินอินอยู่ท่ามกลางกลุ่มคน
สีหน้าของเด็กสาวเหมือนจะซีดหน่อยๆ
หลี่มู่รู้สึกดีกับสาวน้อยคนนี้มาก จึงถามขึ้นว่า “บัณฑิตเหลย ข้าไม่ค่อยเข้าใจสารบัญและการแบ่งประเภทของตำราในคลังคัมภีร์ ไม่ทราบว่าจะรบกวนเจ้าช่วยแนะนำข้าได้หรือไม่” นี่คือการช่วยนางทางอ้อม ให้นางไปช่วยหาตำราฝึกฝนในคลังคัมภีร์
เหลยอินอินอึ้งไป ใบหน้าฉายแววลิงโลด แต่ก็นึกอะไรขึ้นมาได้ทันที จึงกล่าวอย่างลังเล “ข้า…”
กลับเป็นเจ้าสำนักชวีที่รีบพูดขึ้นมา “ควรจะเป็นเช่นนั้น อินอิน ยังไม่รีบนำทางให้คุณชายหลี่อีก”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จอมศาสตราพลิกดารา