เพลงดาบนี้ชื่อว่า ‘คลื่นวารีถาโถม’ หลี่มู่สำแดงเป็นครั้งแรก
นี่เป็นเพลงดาบที่เอาไว้ใช้กับวิชาดาบเหินหาวโดยเฉพาะ สังเกตศึกษามาจาก ‘กระบี่สวรรค์สามสิบหกท่า’ และเพลงกระบี่ของสำนักกระบี่สวรรค์บางท่า รวบรวมบรรลุออกมา รวดเร็วดุจสายฟ้า เปลี่ยนแปลงราวภาพมายา น่าสะพรึงราวภูตผีเทพเซียน รุนแรงดั่งอุกกาบาต ในชั่วอึดใจเดียวก็ฟันออกมาได้หลายร้อยดาบ
กระบวนท่าดาบราวคลื่นถาโถม เชื่อมต่อกันเป็นชุด ดาบต่อมาจะแข็งแกร่งกว่าดาบก่อน
จนกระทั่งดาบที่หนึ่งร้อย พลังของกระบวนท่าดาบทั้งหมดก่อนหน้านี้เหมือนรวมอยู่ที่ดาบสุดท้ายนี้เอง
“เอ๋? น่าสนใจนิดๆ แฮะ”
สีหน้าของจางปู้เหล่าฉายแววตะลึง
เขายืนตระหง่านอยู่กลางอากาศ เท้าไม่มีอะไรให้เหยียบแต่กลับนิ่งดุจขุนเขา ดาบโค้งในมือฟันออกมาอย่างไม่รีบร้อนลนลาน ท่วงท่าราววารีไหลเมฆาคล้อย สูงส่งไร้มลทิน หนึ่งดาบปะทะหนึ่งดาบ และสกัดกั้นกระบวนท่าโจมตีร้อยดาบของหลี่มู่เอาไว้ได้โดยสมบูรณ์
ต่อให้เป็นดาบที่แข็งแกร่งที่สุดดาบนั้น ก็สกัดกั้นเอาไว้ได้อย่างสบายๆ
และทั้งหมดนี้ ตัวจางปู้เหล่ายืนอยู่กลางอากาศโดยไม่ขยับราวศิลาลูกมหึมา แม้แต่ผมสักเส้นก็ไม่พันยุ่งเหยิง
ฟิ้ว!
ดาบวัฏจักรพุ่งลอยกลับไปรับหลี่มู่ที่ร่วงลงมาจากท้องฟ้า
หลี่มู่ยังไม่ถึงขั้นเหนือมนุษย์ ดังนั้นย่อมไม่มีทางอยู่กลางอากาศได้เป็นเวลานานแบบจางปู้เหล่า
‘ทำไมพลังของเขาจึงมหาศาลขนาดนี้?’
หลี่มู่ตื่นตะลึง
ตัวดาบวัฏจักรเองหนักเกินหนึ่งหมื่นจิน ภายใต้การกระตุ้นเพิ่มพลังจากค่ายกลวิชาเวท พลังของวิชาดาบเหินหาวร้อยดาบเพิ่มทบเข้าไป ดาบสุดท้ายอย่างน้อยๆ ก็มีพลังถึงห้าแสนจิน ภายใต้การฟาดฟันจากวิชาดาบแบบนี้ ถึงแม้จะเป็นเทือกเขาย่อมๆ ก็ต้องกลายเป็นเศษหิน แต่จางปู้เหล่ากลับยืนตระหง่านกลางอากาศ ต่อให้เป็นผู้แข็งแกร่งขั้นเหนือมนุษย์ที่ปราณแท้ฟ้าประทานสมบูรณ์แบบ เมื่ออยู่กลางอากาศก็ไม่มีทางต้านทานการโจมตีกระบวนท่าดาบได้สบายๆ แบบนี้เช่นกัน
ต้องรู้ว่า จุดที่แข็งแกร่งโดยแท้จริงของยอดฝีมือขั้นเหนือมนุษย์อยู่ที่ทักษะเคล็ดวิชาต่อสู้ ไม่ได้อยู่ที่พลัง
หากสู้ด้วยพลังล้วนๆ พลังฝึกกายเนื้อของหลี่มู่สามารถพลิกเทือกเขาได้ ต่อให้เป็นผู้แข็งแกร่งขั้นเหนือมนุษย์ก็ฝืนสู้ได้
หากจางปู้เหล่าใช้ท่าร่างและความเร็วหลบร้อยดาบนี้ได้ หลี่มู่ยังพอจะรับได้บ้าง
วิชาดาบเหินหาวลงสนามสู้ครั้งแรก ก็ถอยกลับมามือเปล่า
หลี่มู่บังคับดาบวัฏจักร ร่อนลงยอดเขาหินที่ตั้งตระหง่านโดดเดี่ยวไกลออกไปสองลี้ราวสายรุ้ง
ดาบเหินหาวสิ้นเปลืองกำลังภายใน เมื่อสู้กับผู้แข็งแกร่งขั้นเหนือมนุษย์ หลี่มู่ไม่กล้าประมาท โบยบินกลางอากาศนานๆ ไม่ได้
เขาเบิกเนตรสวรรค์สำรวจคู่ต่อสู้ทันที
ภายใต้เนตรสวรรค์ ทุกสิ่งที่ตาเนื้อมองไม่เห็นล้วนปรากฏออกมา ข้างกายจางปู้เหล่า ภายในระยะสองลี้มีกลุ่มพลังวิญญาณในฟ้าดินที่หนืดข้นราวแอ่งอากาศ และยังมีกระแสพลังงานลับตารูปร่างเหมือนตาข่ายที่หลี่มู่ไม่เคยเห็นมาก่อนกำลังไหลไปอย่างเงียบงันในแอ่งพลังวิญญาณหนืดข้นนี้
ปัญหาจะต้องอยู่ที่กระแสพลังงานซ่อนเร้นนั่นแน่
พอหลี่มู่เห็นก็กระจ่างแจ้งทันที
อันที่จริงแอ่งพลังวิญญาณเป็นรูปลักษณ์ขอบเขตกำลังภายในของผู้แข็งแกร่งด้านวิชาต่อสู้จากการใช้เนตรสวรรค์กวาดมอง ถึงแม้จะเป็นจอมยุทธ์ขั้นปรมาจารย์ก็สามารถแผ่ขอบเขตกำลังภายในได้เหมือนกัน แต่เทียบกับผู้แข็งแกร่งขั้นเหนือมนุษย์แล้ว ขนาดของขอบเขตพลัง ความแข็งแกร่ง และความเข้มข้นของพลังวิญญาณจะแตกต่างกันเท่านั้นเอง
สิ่งที่ทำให้ผู้แข็งแกร่งขั้นเหนือมนุษย์สามารถยืนอยู่เหนือยอดฝีมือมากมายนับไม่ถ้วน จะต้องอยู่ที่กระแสพลังซ่อนเร้นรูปร่างตาข่ายชนิดนี้แน่
มันคืออะไรกันแน่?
หลี่มู่ขบคิดในใจ มือกลับไม่หยุดนิ่ง
ภายใต้การกระตุ้นจากพลังจิตวิญญาณ ดาบวัฏจักรแหวกอากาศไป เพลงดาบ ‘คลื่นวารีถาโถม’ ฟาดฟันออกมาอย่างบ้าคลั่งอีกครั้ง เร็วยิ่งกว่า นิ่งยิ่งกว่า การเปลี่ยนแปลงมากกว่า แล้วก็เหี้ยมโหดมากกว่า ปราณดาบสีแดงโลหิตแผ่กระจาย ฟันอากาศจนแหลกกระจุย
“ดาบเหินหาวไม่เลว แต่พลังฝึกของเจ้าต่ำเกินไป ลองอีกครั้งก็ยังเหมือนเดิม”
จางปู้เหล่ามีใจคิดจะให้หลี่มู่สิ้นหวังอย่างสิ้นเชิง จึงใช้วิธีเดิมอีกครั้ง ดาบโค้งอสุรภูมิสีเลือดในมือฟันออกมาทีละดาบๆ อย่างไม่รีบร้อน ไม่ว่าท่าดาบวัฏจักรจะบ้าคลั่ง รวดเร็ว หรือพลิกแพลงอย่างไร ก็ยากจะโจมตีเข้ามาในตาข่ายดาบของเขาได้
และสำหรับจางปู้เหล่าแล้ว เห็นได้ชัดว่านี่เป็นแค่การป้องกันอย่างง่ายๆ เท่านั้นเอง
หรือบอกได้ว่ากำลังเล่นสนุกอยู่ชัดๆ
“เป็นปัญหาที่กระแสพลังงานซ่อนเร้นนั่นจริงๆ ด้วย…”
ภายใต้เนตรสวรรค์ ทุกสิ่งไม่อาจหลบหลีกได้ หลี่มู่มองได้ชัดเจนยิ่ง การโจมตีทุกครั้งของดาบวัฏจักรมาพร้อมพลังมหาศาล ดูเหมือนดาบโค้งอสุรภูมิสีเลือดจะต้านทานเอาไว้ได้ แต่อันที่จริงพลังโจมตีกลับถูกกระจายเข้ามาในกระแสพลังซ่อนเร้นรูปร่างตาข่าย
กระแสพลังซ่อนเร้นราวเถาวัลย์ที่หยั่งรากอยู่ในฟ้าดินแห่งนี้ และพยุงร่างของจางปู้เหล่าเอาไว้ ไม่ว่ากระบวนท่าดาบวัฏจักรจะแข็งแกร่งเพียงใดล้วนถูกกระจายออกไปในฟ้าดิน แล้วจะสะเทือนจางปู้เหล่าได้อย่างไร
อีกทั้งไม่ใช่แค่นี้เท่านั้น
กระแสพลังลับตานั้นยังมอบพลังให้กับจางปู้เหล่าอย่างไม่ขาดสาย เหมือนกับดูดพลังฟ้าดินในระยะหลายพันจั้งเอามาใช้เองก็ไม่ปาน
“นี่ก็คือพลังเหนี่ยวนำฟ้าดิน?”
หลี่มู่ค่อนข้างเข้าใจแล้ว
เหตุที่ผู้แข็งแกร่งขั้นเหนือมนุษย์แข็งแกร่งไร้เทียมทาน ก็เพราะพวกเขาสามารถเหนี่ยวนำพลังในฟ้าดิน แล้วแปรเป็นวิชาสังหารได้ ฟ้าดินกว้างใหญ่ยิ่งนัก สรรพชีวิตล้วนดำรงชีวิตอยู่ในนั้น ต่อให้เป็นพลังฟ้าดินเส้นบางๆ ก็มีฤทธิ์ทำลายขุนเขาถมมหาสมุทร ใครจะต่อกรได้?
แต่ว่า ที่พูดมาก่อนหน้านี้ก็เป็นแค่คำพูดประโยคเดียวเท่านั้น รายละเอียดว่าจะเหนี่ยวนำพลังฟ้าดินออกมาได้อย่างไร ไม่มีใครอธิบายได้เข้าใจแจ่มแจ้ง
แก่นแท้ของผู้แข็งแกร่งขั้นเหนือมนุษย์ จะต้องเสาะหาออกมาเอง
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จอมศาสตราพลิกดารา