ตราประทับห้าธาตุพลิกนภา
แสงศักดิ์สิทธิ์ห้าสีหมุนวนราวกับม่านแสงผ้าไหมระบายลงมา สีเงินเขียวฟ้าแดงส้ม รวมเป็นเส้นพลังขนาดใหญ่หมุนวน ดุจม่านแสงหนาทึบครอบทับทั้งร่างของหลี่มู่ ปกป้องเขาไว้ตรงใจกลาง
‘เทพสังหารผมสีชาด’ จางปู้เหล่าหนังตากระตุก
เขารู้สึกได้ในพริบตา เจ้าตราห้าเหลี่ยมมุมนี้มีอะไรประหลาด มันเหมือนจะเก็บซ่อนพลังบางอย่างไว้ด้านใน ทำให้เขาตกใจอยู่รางๆ
“นี่คือลูกไม้ไพ่ตายของเจ้าสินะ?” เขากระตุ้นพลังแห่งฟ้าดิน ปราณแท้ฟ้าประทานไหลวน กลิ่นอายพุ่งขึ้นถึงจุดสูงสุด เอ่ยขึ้นว่า “ความห่างชั้นของขั้นพลัง ไม่ใช่สิ่งที่ใช้แค่สมบัติชิ้นสองชิ้นมาชดเชยได้ ก็แค่วัวหายล้อมคอกเท่านั้น ข้าให้โอกาสเจ้าครั้งสุดท้าย จงมอบเคล็ดวิชาเทพบนตัวเจ้ามาเสีย เจ้าจะได้ตายสบายหน่อย มิเช่นนั้น ทัณฑ์ทรมานของสำนักดับนิวรณ์ เจ้าจะได้ลิ้มรสมันทั้งหมด”
หลี่มู่ไม่ตอบกลับ มือทั้งสองยังอยู่ในท่าปางมือวิชาเต๋า
ตราประทับโปร่งใสหลายสายพุ่งเข้าสู่ ‘ตราประทับห้าธาตุพลิกนภา’ อย่างไม่หยุดหย่อน
ข้างในตรา ส่วนธาตุไม้สีเขียวจากทั้งห้าธาตุเริ่มเปล่งประกายแสง
ตราห้าเหลี่ยมทั้งอันมีริ้วลายสีเขียววูบวาบ แสงเขียวขยายอาณาเขตออกไป ท่ามกลางป่าไม้ในรัศมีหลายร้อยลี้ ต้นไม้ใบหญ้ามากมายสั่นไหวอย่างบ้าคลั่ง กลุ่มแสงสีเขียวระยิบระยับลอยออกมาจากในกิ่งก้าน จนท้องฟ้าราวกับเต็มไปด้วยหิ่งห้อยสีเขียว จากนั้นลอยตรงมารวมกันยัง ‘ตราประทับห้าธาตุพลิกนภา’ เหนือศีรษะของหลี่มู่
กลางป่าใหญ่แห่งนี้มีต้นไม้ขึ้นรกครึ้มสมบูรณ์ จึงเป็นสถานที่ที่ธาตุไม้ในห้าธาตุพรั่งพร้อมที่สุด
‘เทพสังหารผมสีชาด’ จางปู้เหล่าสีหน้าเปลี่ยนทันควัน
เขาสัมผัสได้ว่าพลังฟ้าดินกำลังไหลวน รวมตัว และบิดม้วนดั่งน้ำวน
และศูนย์กลางของกระแสวนนี้ ก็คือหลี่มู่
เพียงแค่พึ่งพาของภายนอกชิ้นเดียว ขั้นฟ้าประทานกลับเหนี่ยวนำพลังฟ้าดินได้อย่างนั้นหรือ?
ล้อกันเล่นใช่ไหม?!
“ฮึ ยืมพลังจากของนอกกาย สุดท้ายก็ไม่ใช่พลังที่แท้จริงของเจ้าหรอก…ตายซะ” เมื่อรู้สึกว่าอันตรายกำลังใกล้เข้ามา จางปู้เหล่าจึงไม่บีบให้ศัตรูคายเคล็ดวิชาออกมาแล้ว สองมือจับดาบยาวอสุราสีเลือด กระตุ้นพลังฟ้าดิน ฟาดฟันออกไปหนึ่งครั้ง “ผ่าสังหารเทพโลหิต!”
ในพริบตา ดาบดาราสีโลหิตยาวราวสามสิบจั้งฟันลงมายังทิวเขาที่หลี่มู่ยืนอยู่
ความเร็วดาบดาราไม่มากนัก มีเสียงเทพมารคำรามแว่วออกมา ราวกับคุมขังวิญญาณเทพมารตกสวรรค์เอาไว้ ดุดันโหดร้าย ไอสังหารเหลือคณนา ภายใต้ละอองสีโลหิต ทุกจุดที่ดาบดาราพุ่งผ่านล้วนพาดยาวกว่าสองลี้ ต้นไม้ด้านล่างเหี่ยวเฉา สัตว์น้อยใหญ่ล้มตาย…
ดาบดารานั่น ประหนึ่งเส้นทางแห่งความตายสายหนึ่งก็มิปาน
ส่วนหลี่มู่ถูกพลังจากดาบดารายึดอยู่กับที่ ไม่อาจเคลื่อนย้ายหรือหลบหลีก ทำได้เพียงต่อต้านซึ่งๆ หน้าเท่านั้น
นี่คือหนึ่งในวิชาสังหาร ‘สามท่าสังหารเทพ’ ไม้ตายที่ ‘เทพสังหารผมสีชาด’ ใช้ท่องไปทั่วยุทธจักร
หลี่มู่สีหน้านิ่งเรียบ เขากระตุ้น ‘ตราประทับห้าธาตุพลิกนภา’
พลังธาตุไม้ไหลเวียน เสียงราวต้นไม้เติบโตดังขึ้นทั่วฟ้า เพียงพริบตาต้นไม้โบราณสูงตระหง่านต้นหนึ่งก็ค้ำฟ้าบังตะวัน ปรากฏขึ้นด้านหลังของเขา ด้านบนต้นไม้โบราณคล้ายมีชิงหลวน พญาหงส์โบยบินทำรัง กิ่งก้านสาขาขยายตรงเข้าไปพันล้อมดาบดาราโลหิตดาบดารา
ยามดาบโลหิตสัมผัสเข้ากับกิ่งของต้นไม้โบราณ ใบไม้สีเขียวนับไม่ถ้วนแตกกระจายออกเต็มฟ้า กลายเป็นแสงสีเขียวระยิบระยับดุจดวงดาว นั่นคือพลังบริสุทธิ์ของธาตุไม้แห่งธาตุทั้งห้า
ทว่า จางปู้เหล่ากลับขำไม่ออก
เพราะความเร็วของ ‘ผ่าสังหารเทพโลหิต’ ค่อยๆ ช้าลง ช้าลงเรื่อยๆ
ท้ายสุด ดาบดาราสังหารขนาดยักษ์ยาวสามสิบจั้ง ก็ตกอยู่ท่ามกลางทะเลใบไม้สีเขียวที่ไร้ขอบเขต ถูกพันแน่น รัดจนนิ่ง และแยกส่วน…ท้ายที่สุดก็ถูกกลืนกินไป
“ผ่าพิฆาตเทพ!”
“ผ่าพิฆาตดับขันธ์!”
จางปู้เหล่าสีหน้าเย็นเยียบ จับดาบด้วยสองมือแล้วฟันผ่าออกมาอีกสองครั้ง
และคงเป็นอีกสองท่าของ ‘สามท่าสังหารเทพ’ แน่นอน
พลังทำลายของมันด้อยกว่า ‘ผ่าสังหารเทพโลหิต’
สองกระบวนติดกัน และยังเป็นท่าต่อเนื่อง ความรุนแรงจึงไม่ใช่ง่ายๆ อย่างหนึ่งบวกหนึ่ง
ทว่าทั้งหมดไม่มีผลอะไรเลย
ต้นไม้โบราณด้านหลังหลี่มู่กิ่งใบสั่นไหว จากนั้นกิ่งสาขานับไม่ถ้วนยื่นออกไปทางจางปู้เหล่า เพียงพริบตาก็กลืนกินคมดาบยักษ์สองกระบวนนั้นไปทันที กว่าจางปู้เหล่าจะทันรู้ตัว กลับพบว่ารอบตัวถูกห้อมล้อมด้วยทะเลใบไม้สีเขียวเอาไว้ทุกทางแล้ว
“แย่ล่ะ…”
เมื่อรู้ถึงอันตรายที่กำลังเข้ามา ‘เทพสังหารผมสีชาด’ ตื่นตระหนกและโมโหพร้อมกัน
เขาคำรามพลางปล่อยวิชาลับอีกหลายต่อหลายอย่าง พยายามตอบโต้กลับอย่างบ้าคลั่ง คิดจะหนีออกจากวงล้อมทะเลใบไม้นี้ แต่กลับยิ่งจมลึกลงไปเรื่อยๆ เถาวัลย์สีเขียวแต่ละเส้นราวกับงูเหลือมดึกดำบรรพ์ พันรัดเขาเอาไว้ทั้งตัว หนามแหลมในแต่ละอันแทงทะลุเกราะป้องกัน เกราะคุ้มกาย รวมไปถึงผิวหนัง จนแทงทะลุเข้าสู่เลือดเนื้อ…
ไม่ว่าจะตัดเถาวัลย์เหล่านี้มากเพียงใด ก็จะมีเส้นที่ยังไม่ขาดเสริมเข้ามาทันที
หนามแหลมที่แทงทะลุเข้าเนื้อของเขาเสมือนมีชีวิต ไม่เพียงแต่ปล่อยพิษให้ชา แต่ยังดูดเอาสารอาหารและพลังงานจากเลือดเนื้อ ดูดกลืนเลือดลมของเขา เพียงพริบตา ท่อนแขนและขาทั้งคู่ของจางปู้เหล่าก็เหี่ยวเฉาด้วยความเร็วระดับตาเปล่าเห็น ผิวหนังเหี่ยวย่น…
“บัดซบ”
เขาคำรามลั่น ดิ้นรนงัดเอาวิธีต่างๆ ออกมาใช้
ทว่าไม่เป็นผล
ภายใต้การพันรัดและสูบกินของเถาวัลย์ ร่างกายเขาอ่อนแอลงทุกขณะ
ขั้นเหนือมนุษย์ที่สามารถดึงพลังฟ้าดินมาได้ กลับถูกเถาวัลย์สีเขียวไร้พรมแดนนี้สยบ รอบๆ เต็มไปด้วยพลังธาตุไม้ที่ข้นหนัก เท่ากับตัดขาดฟ้าดินกับตัวจางปู้เหล่าอย่างสิ้นเชิง แล้วเขาจะดึงพลังฟ้าดินมาได้อย่างไร?
ท้ายที่สุด เขาถูกดูดกลืนจนเหลือแต่หนังหุ้มกระดูก เหมือนกับศพแห้งก็มิปาน แม้แต่จะระเบิดตัวเองยังไม่สามารถทำได้
“ไม่ ข้าจะมาตายที่นี่ไม่ได้…”
จางปู้เหล่าแหงนหน้าตะโกนด้วยความโกรธ หวาดกลัวอย่างเหลือล้น
เขาไม่คิดไม่ฝันมาก่อนว่าตนเองจะต้องมาตกอยู่ในสถานการณ์เช่นนี้
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จอมศาสตราพลิกดารา