เฝิงหยวนซิงเห็นดังนั้น ก็ไม่คิดปิดบังอะไรอีก เล่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นในหลายวันนี้ออกมาจนหมด โดยพยายามใช้คำอ้อมๆ ให้มากที่สุด “เมื่อครู่เกิดการปะทะกันไม่นาน ชาวบ้านกับพี่น้องหลายคนก็ถูกคนทำร้าย ทว่าเรื่องราวไม่น่าจะบังเอิญเช่นนี้ กลุ่มของคุณชายหวงน่าสงสัยขอรับ”
“ไม่ใช่น่าสงสัย แต่เป็นมันนั่นละ”
“ต้องเป็นคนสกุลหวงคนนั้นแน่นอน”
“ใต้เท้าโปรดมอบความเป็นธรรมแก่พวกข้าด้วย”
ประชาชนและญาติพี่น้องของคนตายต่างคุกเข่าลงอ้อนวอน ร้องไห้ด้วยความเจ็บปวด พวกเขารู้ดีว่าตนไม่สามารถทำอะไรคุณชายหวงได้ จึงฝากความหวังเพียงหนึ่งเดียวไว้ที่หลี่มู่
ขณะที่พูดกันนั้น เสียงเย็นชาเสียงหนึ่งดังขึ้น “เฮอะ เจ้าพวกกลับกลอก มีหลักฐานอะไร? กล้ามาใส่ร้ายป้ายสีข้า ช่างกล้าหาญชาญชัยเสียเหลือเกิน”
ทุกคนหันไปมอง
บนใบหน้าของหวงเหวินหย่วนมีรอยยิ้มบางๆ เดินอาดเข้ามาจากประตูใหญ่
ด้านหลังเขา ผู้อาวุโสหลิวผมขาวใบหน้าเปล่งปลั่ง องครักษ์ผมขาวหน้าบาก และยังมีองครักษ์อีกหลายคนเดินเข้ามา
สายตาของหลี่มู่ตกอยู่บนตัวของหวงเหวินหย่วน รู้สึกได้ถึงคลื่นพลังอันน่ากลัวยิ่ง
นี่คือผู้แข็งแกร่งขั้นเหนือมนุษย์
ขั้นเหนือมนุษย์ที่ยังอายุน้อยนัก ภูมิหลังไม่ธรรมดา
จากนั้นสายตาของหลี่มู่กวาดไปยังหลิวฉง เขามองออกทันทีว่าชายชราผมขาวหน้าอ่อนเยาว์คนนี้ต่างหาก ถึงเป็นผู้ที่มีพลังน่าเกรงขามมากที่สุด คลื่นพลังบนตัวถูกซ่อนไว้ไม่เผยออกมา ดุจบ่อน้ำลึกที่มองไม่เห็นก้น ไม่เห็นคลื่นน้ำ ฝึกฝนจนถึงขั้นพลังที่ลึกซึ้งอย่างยิ่งแล้ว สูงกว่าพลังของชายหนุ่มขั้นเหนือมนุษย์อย่างหวงเหวินหย่วนเสียอีก
ส่วนองครักษ์เฒ่าผมขาวหน้าบากผู้นั้น…เป็นผู้แข็งแกร่งระดับสูงสุดของขั้นฟ้าประทาน แต่สิ่งที่ควรสังเกตคือ บนตัวเขามีรังสีฆ่าฟันและกลิ่นคาวเลือดที่ยังไม่จางหาย น่าจะเพิ่งสังหารคนมา
ในใจของหลี่มู่ตัดสินบางอย่างได้แล้ว
“เจ้าคือหลี่มู่?” สายตาของหวงเหวินหย่วนจับจ้องทิ่มแทงมาที่หลี่มู่ หัวเราะเย็นชาก่อนเอ่ย “ข้าได้รับคำสั่งให้มารับหน้าที่เป็นขุนนางเมืองอำเภอนี้แทนเจ้า เจ้ากลับแกล้งเก็บตัวฝึกวิชา ปฏิเสธไม่ทำตามหน้าที่ เหอะๆ ใครกันที่ให้ความกล้าเจ้ามา?”
ประโยคนี้ของเขา ทำให้บรรดาประชาชนที่มามุ่งดูฮือฮาทันที
“อะไรนะ? ใต้เท้าหลี่จะไปแล้วหรือ?”
“ขุนนางเมืองคนใหม่?”
“ทำไมต้องโยกย้ายใต้เท้าหลี่ด้วย”
“ไม่นะ ใต้เท้าหลี่ห้ามไปนะ”
เสียงอุทานและคำวิพากษ์วิจารณ์ต่างๆ ดังขึ้นราวภูเขาไฟระเบิด ผู้คนทั้งหมดต่างรู้สึกตื่นตระหนก กระทั่งเหล่าญาติที่กำลังอยู่ในอาการเศร้าโศก ยังต้องหันมามองหลี่มู่ด้วยอาการตกตะลึงยิ่ง
พวกเขายังไม่รู้เรื่องที่หลี่มู่จะถูกปลดจากตำแหน่งขุนนางเมือง จึงรู้สึกรับไม่ได้ ไม่ง่ายเลยกว่าจะมีขุนนางดีที่ทำเพื่อประชาชนจริงๆ เช่นนี้ ในเวลาไม่กี่เดือนนี้ ในที่สุดพวกเขาก็ได้ใช้ชีวิตโดยไม่ต้องกังวลว่าจะมีใครมารังแกแล้วแท้ๆ หากหลี่มู่จากไป ต้องกลับไปมีชีวิตเช่นแต่ก่อน นั่นก็เหมือนกับฝันร้ายชัดๆ
หลี่มู่ยกมือขึ้นปราม
ชาวบ้านที่อยู่ในอาการตื่นตระหนกเงียบเสียงลงทันที
“ไม่มีอะไร ข้าจะไม่ไปจากอำเภอขาวพิสุทธิ์ ทุกคนวางใจเถิด” หลี่มู่พูดอย่างเอาจริงเอาจัง “พวกนี้เป็นแค่สิบแปดมงกุฎเท่านั้น”
หวงเหวินหย่วนได้ยิน ก็แทบจะโซเซล้มคว่ำลงมาจากบันได
ว่าอะไรนะ?
เขามองหลี่มู่อย่างคาดไม่ถึง
เรื่องนี้หลี่มู่ไม่มีทางไม่รู้ แต่กลับกล้าพูดออกมาเช่นนี้?
เขาพึ่งพาอะไรอยู่?
เจ้านี่บ้าไปแล้วกระมัง?
ส่วนชาวบ้านไม่คิดอะไรมากอีก เมื่อได้ยินคำพูดเช่นนี้ก็โห่ร้องยินดีทันที
หลี่มู่ยกมือชี้ไปที่องครักษ์ผมขาวหน้าบากด้านหลังหวงเหวินหย่วน เอ่ยขึ้นว่า “เจ้า ใช่แล้ว เจ้านั่นแหละ บนตัวเจ้ามีกลิ่นคาวเลือดคลุ้งไปหมด เพิ่งสังหารคนไปสินะ ออกมา ประชาชนกับมือปราบเคราะห์ร้ายเหล่านี้ เจ้าเป็นคนสังหารกระมัง?”
องครักษ์ชราผมขาวหน้าบากคนนั้นสีหน้าเปลี่ยน หัวเราะเย็นเยียบ และกล่าวว่า “เจ้าเด็กน้อย อย่าพูดอะไรพล่อยๆ”
หลี่มู่ยิ้มเย็นชา “กล้าทำแต่ไม่กล้ารับ? ดี ดูท่าจะต้องจับกุมเจ้า ทรมานให้หนักๆ ถึงจะยอมพูดความจริงสินะ”
องค์รักษ์ผมขาวหน้าบากราวกับได้ยินเรื่องตลกอย่างไรอย่างนั้น หัวเราะหยามเหยียดออกมา
หวงเหวินหย่วนก็ส่ายหน้าไปมา ก่อนกล่าวด้วยใบหน้าถากถางเยาะหยัน “เจ้าคนสกุลหลี่ เจ้าไม่ใช่ขุนนางเมืองอีกแล้ว ยังจะมาแสร้งทำอะไรตรงนี้อีก? ทำไม? ติดใจการเป็นขุนนางหรือ? ถึงตอนนี้ยังรู้สึกอยากใช้อำนาจ อยากไต่สวนคดีอีก?”
“เจ้าโง่อย่างเจ้ามาทางไหน ก็ไสหัวกลับไปทางนั้นเลย” หลี่มู่มองหวงเหวินหย่วน พูดอย่างไม่เกรงใจ “เดี๋ยวข้าจัดการเจ้าแก่หน้าบากขนขาวนี่ก่อน แล้วจะไปจัดการเจ้า…” ระหว่างพูด หลี่มู่มองไปยังองครักษ์เฒ่าผมขาวหน้าบาก และเอ่ยต่อว่า “เจ้าออกมาเองอย่างว่าง่ายดีกว่า หรือจะให้ข้าเข้าไปตัดขาเจ้าแล้วลากออกมา?”
เขาบันดาลโทสะแล้ว คำพูดคำจาจึงหยาบคาย ไม่เกรงใจอีกต่อไป
องครักษ์ผมขาวหน้าบากหัวเราะอย่างไม่แยแส “นับตั้งแต่ข้าเข้าร่วมทุ่งปิดภูผา ยังไม่เคยมีใครหน้าไหนกล้าพูดกับข้าเช่นนี้ ข้า…”
“นั่นเพราะเจ้ายังไม่เคยเจอคนจริงอย่างไรเล่า” หลี่มู่คร้านจะพูดจาไร้สาระ ลงมือทันที
ร่างของเขากะพริบวูบราวภูตผี เพียงพริบตาก็มาปรากฏอยู่ด้านหน้าองครักษ์ชรา ห้านิ้วดุจกรงเล็บมังกรพุ่งไปตะครุบ พลังดัชนีดุจคมมีดคว้าอากาศสร้างคลื่นพลังเป็นชั้นๆ
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จอมศาสตราพลิกดารา