บทที่ 298 สาธิตให้เจ้าดู – ตอนที่ต้องอ่านของ จอมศาสตราพลิกดารา
ตอนนี้ของ จอมศาสตราพลิกดารา โดย Internet ถือเป็นช่วงเวลาสำคัญของนิยายกำลังภายในทั้งเรื่อง ด้วยบทสนทนาทรงพลัง ความสัมพันธ์ของตัวละครที่พัฒนา และเหตุการณ์ที่เปลี่ยนโทนเรื่องอย่างสิ้นเชิง บทที่ 298 สาธิตให้เจ้าดู จะทำให้คุณอยากอ่านต่อทันที
คลุกๆๆ
ศีรษะของหวงเหวินหย่วนกลิ้งไปบนพื้น
ศีรษะของหลานรองเจ้าสำนักที่คิดว่าตัวเองสูงส่ง ดูแล้วก็ไม่ต่างอะไรกับศีรษะขององครักษ์ชราหน้าบากผมขาว ตอนถูกตัดแยกเขี้ยวยิงฟัน เปรอะเปื้อนดิน ใบหน้ากระตุกเกร็ง ก่อนจะแข็งค้างไป
หลี่มู่ยกขาเตะศีรษะนี้ไปหน้าศพของผู้บริสุทธิ์ทั้งสิบหกคนนั้น
“เซ่นสังเวย”
เขาพูด
พวกเฝิงหยวนซิงรีบวางศีรษะนี้เซ่นไหว้ผู้วายชนม์ทันที
คราวนี้พวกสาวใช้ องครักษ์ และบ่าวรับใช้ที่ติดตามหวงเหวินหย่วนกลัวจนสติหลุด
พวกเขาแม้แต่ฝันก็ไม่เคยฝันถึงว่าจะเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น ต้องรู้ไว้ว่า เจ้านายของพวกเขาเป็นบุคคลผู้ยิ่งใหญ่ที่แท้จริง ภูมิหลังน่าครั่นคร้าม ยิ่งมีพลังฝึกขั้นเหนือมนุษย์ ในทั้งแผ่นดินใหญ่เสินโจวเรียกได้ว่าไร้เทียมทานแล้ว สุดท้าย…กลับถูกฆ่าตายเหมือนสุนัข
หลิวฉงเผยสีหน้าอึ้งตะลึง
เมื่อครู่เขาคิดจะห้าม แต่ไม่ทันกาลแล้ว
หลี่มู่สังหารอย่างไม่ลังเล ยกมือตวัดดาบ ไม่ให้โอกาสเขาลงมือแม้แต่น้อย
และตอนนี้…ทุกอย่างจบลงแล้ว
“หลี่มู่ เจ้าเศษสวะ เจ้าก่อเรื่องใหญ่แล้ว เจ้าจะต้องชดใช้ให้กับการกระทำของเจ้าในวันนี้” หลิวฉงยังเหลือท่าทีแบบเซียนเสียที่ไหน เขาโกรธสุดขีด หน้าตาเหี้ยมเกรียม แยกเขี้ยวขาววับ จ้องหลี่มู่พร้อมด้วยจิตสังหาร ราวสัตว์ป่าโมโหเดือดดาล
หลี่มู่เบ้ปาก “ห่วงตัวเองก่อนเถอะ”
“ทำไม? เจ้าคิดจะฆ่าข้าด้วยหรือ?” หลิวฉงแค่นเสียงเย็น “ถึงจะไม่รู้ว่าเจ้าใช้วิชามารอะไรทำให้พลังของเจ้าเพิ่มในเวลาเพียงชั่วพริบตาจนต่อกรกับข้าได้ แต่เคล็ดวิชาที่เพิ่มพลังฝึกใดๆ ก็ตามล้วนมีเวลาจำกัดทั้งสิ้น แล้วก็ยังมีผลข้างเคียงแสนสาหัสอีก เจ้าได้ใจไม่นานนักหรอก…”
ตอนนี้เขาตั้งสติกลับมาได้ จึงพอจะกลั่นกรองไม่มากก็น้อย
หลี่มู่ส่ายหน้า บอกว่า “เจ้าก็ยังไม่เข้าใจ ข้าบอกแล้วว่าในอำเภอขาวพิสุทธิ์แห่งนี้ ข้านั้นไร้เทียมทาน ต่อให้ขั้นเทวะมาก็ทำอะไรไม่ได้…หรือเจ้าไม่รู้จริงๆ ว่าอะไรเรียกว่าไร้พ่าย? ดี เช่นนั้นข้าจะสาธิตให้เจ้าดู”
หลิวฉงหัวเราะเสียงเย็น กำลังจะพูดอะไรอีก…
หลี่มู่ก็ยกมือขวา
ทันใดนั้น ท้องฟ้าเมฆลมตั้งเค้า
ท้องฟ้าเหนืออำเภอขาวพิสุทธิ์ที่แต่เดิมสดใส เมฆพลันหนาแน่น เมฆดำครึ้ม ราวมีม้าสวรรค์มากมายห้อตะบึงบนท้องฟ้า ประหนึ่งคลื่นคลั่งหอบม้วนผืนนภา ปกคลุมไปทั่วท้องฟ้าในระยะหลายร้อยลี้แทบจะในชั่วเสี้ยวความคิดของเขา
ครืน เปรี้ยง เปรี้ยง!
เสียงฟ้าฟาดสะเทือนเลื่อนลั่นดังผ่านหมู่เมฆดำ
แสงอัสนีสีม่วงหลายต่อหลายสายราวกับงูนับหมื่นเริงระบำ ย้อมเมฆดำบนท้องฟ้าจนกลายเป็นสีม่วงที่ทั้งลึกลับและลึกซึ้ง
พลังอัสนีที่รุนแรงบ้าคลั่งทำเอาหลิวฉงหน้าเปลี่ยนสีในฉับพลัน
เขาสัมผัสได้ว่าพลังอัสนีนี้ประดุจแอ่งสายฟ้า ปกคลุมทั่วทั้งเมืองอำเภอเอาไว้
ร่างของหลี่มู่ลอยขึ้นช้าๆ ราวกับเทพเซียน
ปีกสายฟ้าสีม่วงงอกขึ้นกลางหลังของเขาและสยายออก มีขนาดถึงสามสิบจั้ง ลำแสงสีม่วงพร่างพรายหมุนวนกลางอากาศ เกิดเป็นภาพมายาอักขระแสงอัสนีวับไหว เสมือนว่าเกิดขึ้นเองตามธรรมชาติ แต่ก็เหมือนกับสวรรค์สลักลงไป ช่วงที่แผ่ขยายก็หอบม้วนลมและสายฟ้าในท้องฟ้าไปด้วย
พลังมหาศาลที่ยากบรรยายทะลักออกมาจากร่างของหลี่มู่
“ลืมตาดูให้ดี นี่สิถึงจะเป็นความหมายที่แท้จริงของไร้เทียมทาน” ทั่วร่างของหลี่มู่พันโอบล้อมด้วยสายฟ้า ในดวงตาราวมหาสมุทรสีม่วงมีเส้นสายฟ้าหมุนวน ราวกับแปลงกายเป็นมหาเทพแห่งสวรรค์เก้าชั้นฟ้าที่ควบคุมอสุนี เสียงของเขาดังมาพร้อมกับอัสนีกัมปนาท
คลื่นวนสายฟ้าปรากฏขึ้นในฝ่ามือของเขา แล้วจึงดูดซับแสงอัสนี เพียงชั่วพริบตาก็กลายเป็นลูกแสงสายฟ้าขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางสามสิบจั้ง และเปลี่ยนเป็นดาบอัสนีเล่มใหญ่ภายใต้เจตจำนงของหลี่มู่ ประหนึ่งดาบอัสนีจากวชิระเทพ แฝงไว้ด้วยพลังทำลายล้าง ความรุนแรง ความน่าหวาดกลัว และพลังท่วมท้น
ยามอยู่ต่อหน้าดาบอัสนีเช่นนี้ หลิวฉงที่เป็นขั้นเหนือมนุษย์สูงสุดก้าวที่สี่ก็ตัวสั่นงันงกเหมือนลูกเป็ดท่ามกลางพายุกระหน่ำ
ความหวาดกลัวปรากฏเต็มใบหน้าของเขา ต่อให้โคจรพลังทั้งหมดต้านทาน ก็ไม่อาจควบคุมความรู้สึกต่ำต้อยเหมือนทรายเม็ดหนึ่งที่อยู่ต่อหน้าดวงดาราไม่ได้
เขาไม่สงสัยเลยแม้แต่น้อยว่า หากดาบนี้ฟันลงมา ไม่ใช่แค่ตัวเองเท่านั้น แม้แต่คนทั้งหมดในอำเภอขาวพิสุทธิ์ สรรพชีวิต ต้นไม้ใบหญ้า หินทราย สายน้ำ ทุกสรรพสิ่งในระยะหลายร้อยลี้จะกลายเป็นฝุ่นธลีและเปลี่ยนเป็นดินแดนรกร้าง
นี่ไม่ใช่พลังที่มนุษย์ควรจะมีครอบครอง
อย่างน้อยก็ไม่ใช่พลังของมนุษย์ที่ต่ำกว่าขั้นเทวะควรมีอยู่
หลี่มู่แข็งแกร่งถึงขั้นนี้เชียว?
เขาทำได้อย่างไร?
หรือว่า…เทพปีศาจนอกพิภพจุติลงมาอย่างนั้นรึ?
เสี้ยวขณะนั้น หลิวฉงเกือบจะคุกเข่าลงไปแล้ว
ส่วนประชาชน ทหาร องครักษ์ มือปราบ ขุนนาง จอมยุทธ์ และคนในอำเภอขาวพิสุทธิ์คนอื่นๆ…ทั้งยังมีองครักษ์ สาวใช้ และบ่าวรับใช้ของหวงเหวินหย่วน ทั้งหมดต่างคุกเข่ากับพื้น หมอบกราบติดดิน
“เทพเซียน”
“ใต้เท้าหลี่เป็นเทพเซียนจริงๆ ด้วย”
“ท่านเทพ รีบเก็บอภินิหารของท่านไปเถิด”
แต่คำถามคือ มีขั้นเทวะอายุน้อยแค่นี้ที่ไหนกัน?
ดังนั้น หากเด็กหนุ่มเบื้องหน้าคนนี้ไม่ใช่ผู้แข็งแกร่งขั้นเทวะคนไหนแปลงกายท่องยุทธจักร ก็เป็นเทพปีศาจนอกพิภพที่แท้จริงมาบุกโลกมนุษย์ หากเป็นอย่างหลังก็คือหายนะชัดๆ
ในประวัติศาสตร์ของแผ่นดินใหญ่เสินโจว เมื่อร่างแท้จริงของเทพปีศาจนอกพิภพตนใดก็แล้วแต่มาเยือน จะนำหายนะใหญ่หลวงมาให้ เลือดจะนองทั่วแผ่นดินใหญ่ สรรพชีวิตจะกลายเป็นเถ้าถ่าน บาดเจ็บล้มตายเป็นเบือ สิ่งที่นำมาให้มีแต่การทำลายล้าง…เป็นเทพแห่งความวินาศลงมาเยือนที่แท้จริง
“นี่คือสิ่งที่เจ้าควรถามอย่างนั้นหรือ?” หลี่มู่ถาม
‘ไอ้บ้า ถามละเอียดขนาดนี้จะให้ข้าตอบยังไงหา’
หลิวฉงตัวสั่นหนักเข้าไปใหญ่
เขาตัวสั่น หลี่มู่ยังไม่ทันถาม ก็พูดความลับที่อยู่ในใจออกมาเอง…
“วันนี้…ล่วงเกินท่านแล้ว…ข้า…แต่ว่าเรื่องนี้เป็นความตั้งใจของผู้นำระดับสูงทุ่งปิดภูผา แผ่นดินใหญ่มีแดนศักดิ์สิทธิ์น้อย ทุกครั้งที่มีการปรากฏขึ้นใหม่ของแดนศักดิ์สิทธิ์จะเกิดการแย่งชิงยืดเยื้อ ผู้มีความสามารถจะยึดครองไป ต่อให้เป็นขั้นเทวะก็ไม่แน่ว่าจะครอบครองได้ทั้งหมด…วันนี้ในเมื่อท่านครองที่นี่ก่อน เช่นนั้นข้ากลับไปก็ทำได้แค่รายงานตามความเป็นจริง สำหรับเรื่องในภายหลัง ข้ารับประกันไม่ได้แล้ว”
แดนศักดิ์สิทธิ์?
หลังจากอึ้งไปครู่หนึ่ง หลี่มู่ก็เหมือนจะเข้าใจอะไรในทันที ในหัวมีความคิดแล่นผ่าน
มิน่าเล่า ทายาทจอมยุทธ์ที่จองหองพองขน เย่อหยิ่งอวดดีอย่างหวงเหวินหย่วน ต่อให้ออกจากสำนักมาฝึกฝนภายนอกก็ไม่น่าจะถึงกับทิ้งสถานที่ดีๆ มากมายของจักรวรรดิไป แล้วมาเป็นขุนนางเมืองอำเภอขาวพิสุทธิ์ที่ขนาดนกยังไม่บินผ่านมาขี้
ที่แท้ก็เพื่อ ‘แดนศักดิ์สิทธิ์’ ที่พวกเขาคิดกัน
ขณะหลี่มู่กำลังคิดอะไรก็มีเสียงเผละดังขึ้น ขี้นกกองหนึ่งร่วงลงที่เท้าเขา
เอ๊ะ?
เพิ่งจะคิดว่าไม่มีนกบินผ่านมาขี้ ก็โดนตบหน้าเข้าแล้ว?
เขาเงยหน้ามอง เหยี่ยวภูเขาสีเทาปีกทองตัวหนึ่งบินผ่านท้องฟ้า ถลาลมไปยังที่ไกล
‘ข้าจะจำเจ้าไว้ เจ้านก ครั้งหน้าถ้าหักหน้าข้าอีก ข้าจะย่างเจ้าซะ’
หลี่มู่คิดในใจ
กลับมาเข้าเรื่อง
ดังนั้นที่จริงแล้วทุ่งปิดภูผาสัมผัสได้ถึงการเปลี่ยนแปลงของพลังฟ้าดินในเทือกเขาขาวพิสุทธิ์ คิดว่ามีแดนศักดิ์สิทธิ์อะไรเกิดขึ้น จึงส่งคนมาจะชุบมือเปิบ? มารดามันสิ การเปลี่ยนแปลงทุกอย่างที่นี่ล้วนเป็นข้าที่เที่ยวขุดโยกย้ายอย่างกับตัวมาร์มอต พร้อมวางค่ายกลเหนี่ยวนำทีละค่ายกลต่างหา
ไอ้บ้าพวกนี้นี่คิดจะชุบมือเปิบจริงๆ ด้วย
หลี่มู่โมโหจนขำแล้ว
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จอมศาสตราพลิกดารา