พวกนักรบฝ่ายธรรมพวกนี้กล้าทำเรื่องเช่นนี้ได้ ก็เป็นพวกไม่ละอายใจต่อบาปเช่นกัน
“มายังเมืองอำเภอของข้า สังหารคนของข้า แล้วจะเดินออกไปง่ายๆ ได้อย่างไร?” หลี่มู่แค่นเสียงเย็น
หลิวฉงก้าวที่สี่ขั้นเหนือมนุษย์คนนี้ มาจากสำนักเทพอย่างทุ่งปิดภูผา สมบัติบนตัวจะต้องไม่น้อยแน่นอน พัสดุชิ้นใหญ่ขนาดนี้ ซ้ำยังไม่ได้ส่งผิดที่ แต่กลับมากองให้ถึงหน้าประตู ครั้นจะไม่แกะดูแล้วส่งกลับไป เช่นนั้นก็เสียใจแย่
“ท่าน ข้าไม่รู้แผนการของคุณชายหวงเลย ข้า…” หลิวฉงทั้งโกรธทั้งตกใจ ขอร้องอ้อนวอน
ทว่าหลี่มู่ยื่นมือทันใด หนึ่งดาบทำเอาชายชราที่ดูไปแล้วดั่งเซียนสูงส่งนิ่งอึ้งอยู่ที่เดิม
หลังจากถูกจำกัดพลังฟ้าดิน ถูกสะกดปราณแท้ฟ้าประทานภายในร่างกายเอาไว้ พลังที่หลิวฉงมีในเวลานี้เป็นกำลังต่อสู้ขั้นปรมาจารย์เท่านั้น จะไปขัดขืนจอมมารหลี่ได้อย่างไร?
สถานการณ์ถูกกำหนดไว้แล้ว
“จับมัดเอาไว้ ค้นตัวพวกมันให้หมด” หลี่มู่ออกคำสั่ง
บรรดาองครักษ์ สาวใช้ และข้ารับใช้ของหวงเหวินหย่วนตกใจหวาดกลัวจนวิญญาณออกจากร่างไปนานแล้ว ไม่มีใครกล้าขัดขืน แต่ละคนยอมให้จับกุมแต่โดยดี
จอมมารหลี่จะแกะห่อพัสดุส่งด่วนทีละคน
……
สำนักกระบี่ขาวพิสุทธิ์
งานฉลองวันเกิดครบหกสิบปีของผู้อาวุโสจ้าวเจี้ยนชิงกำลังดำเนินอยู่
จ้าวเจี้ยนชิงไม่ได้มีชื่อเสียงเด่นชัดนักในยุทธจักร ถึงแม้บอกว่าในสมัยก่อนเขาหลงใหลในวิชากระบี่ ฝึกฝนอย่างหนัก แต่ความชำนาญด้านวิถีกระบี่ของเขาก็ไม่ได้ดีนัก ฝึกฝนอย่างหนักสามสิบปี แต่ยังอยู่ในขั้นยอดปรมาจารย์เท่านั้น ยังไม่เข้าสู่ขั้นฟ้าประทาน พลังแท้จริงเช่นนี้ ถ้าพูดถึงในสำนักกระบี่ขาวพิสุทธิ์แล้วอยู่ได้เพียงระดับกลางๆ กล่าวโดยทั่วไปคือเข้าสู่ระดับสูงได้ยากยิ่ง
แต่ว่า ปีที่จ้าวเจี้ยนชิงอายุได้สี่สิบปี หลังจากแต่งภรรยา กลับมีลูกชายและลูกสาวสองคน
ลูกชายคนโตจ้าวอวี่ มีพรสวรรค์ด้านกระบี่ สำนักให้ความสำคัญและเพาะบ่มมาตั้งแต่ยังเล็ก พลังก้าวกระโดดอย่างรวดเร็ว กลายเป็นบุคคลระดับผู้นำในหมู่ศิษย์รุ่นใหม่ ส่วนจ้าวหลิงลูกสาวคนเล็ก รูปร่างหน้าตาสะสวยไร้ที่เปรียบ เป็นดอกไม้ที่งดงามที่สุดของสำนักกระบี่ขาวพิสุทธิ์ ไม่เพียงแต่พลังฝึกจะไม่เลว แต่นางยังมีพรสวรรค์ด้านหมอยาในระดับสูง และกลายเป็นไข่มุกส่องสว่างในกลุ่มศิษย์รุ่นใหม่ด้วยเช่นกัน
ลูกชายและลูกสาวเช่นนี้ และเพราะเป็นคนเก่าแก่ของสำนัก ไม่เคยออกนอกลู่นอกทาง มนุษย์สัมพันธ์ดีเยี่ยม ดังนั้นตำแหน่งของจ้าวเจี้ยนชิงจึงเหมือนกับเรือลอยตามกระแสน้ำขึ้น ในที่สุดหลายวันก่อนหน้านี้ จ้าวอวี่ทะลวงสู่ขั้นฟ้าประทานได้ ความรุ่งโรจน์ของลูกชายส่งให้เขาขึ้นเป็นผู้อาวุโสสำนักกระบี่ขาวพิสุทธิ์
ผู้คนได้เฉลิมฉลอง จิตใจย่อมเบิกบาน
งานฉลองครบรอบหกสิบปีของจ้าวเจี้ยนชิงครั้งนี้จึงถูกจัดขึ้นอย่างตั้งใจ
ปกติแล้วเขามีมนุษย์สัมพันธ์ดี ด้วยเหตุนี้คนจำนวนมากจึงเข้ามาร่วมอวยพร
ในนี้ ยังรวมไปถึงจ้าวเสวี่ยเจ้าสำนักกระบี่ขาวพิสุทธิ์คนปัจจุบันด้วย
จ้าวเสวี่ยอายุเจ็ดสิบปี ชื่อเสียงเลื่องลือมาเนิ่นนาน อยู่ในกลุ่มที่ประสบความสำเร็จค่อนข้างช้า สี่สิบปีก่อนหน้า ไม่มีใครรู้จัก สี่สิบปีให้หลังทะยานขึ้นผืนฟ้า กลายเป็นผู้แข็งแกร่งลำดับที่หนึ่งของสำนักกระบี่ขาวพิสุทธิ์ ต่อมาออกท่องยุทธจักร วิชากระบี่เยี่ยมยอด ฝึกฝนจนลึกซึ้ง แทบไม่เคยแพ้ใคร ถูกจัดอยู่ในลำดับที่สิบของผู้แข็งแกร่งด้านยุทธ์แห่งจักรวรรดิฉินตะวันตก และมีท่วงท่าสง่างามเช่นเดียวกับ ‘เซียนกระบี่ธุลีแดง’ หลี่กังจอมกระบี่อันดับหนึ่งของฉินตะวันตกในปีนั้น
ทว่า ยี่สิบห้าปีก่อนหน้า ในศึกที่ปะทะกับเซียนกระบี่ธุลีแดงหลี่กัง เขาพ่ายแพ้จนต้องหลบลี้กลับมายังเขาขาวพิสุทธิ์ ควบคุมดูแลสำนักกระบี่ขาวพิสุทธิ์ เก็บตัวฝึกฝนอย่างเงียบๆ ภายใต้การดูแลของเขา หลายปีนี้สำนักกระบี่ขาวพิสุทธิ์กระทำการเงียบเชียบ ชื่อเสียงในยุทธจักรไม่ชัดเจน แต่ในความเป็นจริง พลังแท้จริงของสำนักทะยานขึ้นพุ่งพรวด
เที่ยงตรงของวันหนึ่งในวสันต์ฤดู
กลิ่นสุราลอยคลุ้ง
เขตเรือนส่วนตัวของจ้าวเจี้ยนชิง เสียงผู้คนดังเซ็งแซ่
เจ้าสำนักจ้าวเสวี่ยและผู้อาวุโสในสำนักบางส่วนนั่งอยู่บนที่นั่งของแขกสำคัญ เฝ้ามองบรรดาศิษย์หัวกะทิของสำนักครึกครื้นสนุกสนาน ในใจพลอยรู้สึกยินดีไปด้วย
โดยเฉพาะจ้าวอวี่ที่ถูกภายในกำหนดไว้ให้สืบทอดเจ้าสำนักรุ่นต่อไปแล้ว ตั้งแต่กลับจากศึกเมืองฉางอัน ราวกับจู่ๆ ได้เห็นทางสว่าง ฝึกฝนจนข้ามผ่านคอขวด พลังเพิ่มขึ้นอย่างก้าวกระโดด จนเข้าสู่ขั้นฟ้าประทาน นับจากนี้เส้นทางราบรื่น ความสำเร็จในอนาคตน่ากลัวว่าจะเป็นคนรุ่นใหม่ที่เหนือกว่ารุ่นเก่า นับว่าเป็นวาสนาของสำนักกระบี่ขาวพิสุทธิ์เลยจริงๆ
ปกติจ้าวเสวี่ยมักน่าเกรงขาม แต่วันนี้ก็ต้องดื่มหลายแก้วหน่อยอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
ดื่มสุรากำลังครึกครื้นได้ที่
จ้าวเสวี่ยชูจอกสุรา ขณะที่กำลังจะอวยพร ในเวลานี้เอง จู่ๆ สีหน้าของเขาก็เปลี่ยนไป มองไปยังทิศตะวันออกเฉียงใต้ ใบหน้าเผยความเคร่งขรึมที่ไม่เคยปรากฏขึ้นมาก่อน
ทุกคนไม่เข้าใจความหมาย
แต่พริบตาต่อมา ทั่วทั้งสำนักกระบี่ขาวพิสุทธิ์สั่นไหวเบาๆ
ผู้แข็งแกร่งของสำนักทั้งหมดที่นี่ต่างรู้สึกได้ว่าพื้นดินใต้เท้าสั่นไหวครืนคราน เสมือนมีพลังน่ากลัวบางอย่างกำลังหลั่งไหลเข้ามา จากนั้นกลิ่นอายพลังอันแข็งแกร่งที่ยากจะเปรียบด้วยคำพูดลอยขึ้นสูงจากทิศตะวันออกเฉียงใต้ กระทั่งผู้ที่มีพลังและฝึกฝนมาอย่างพวกเขา ยังรู้สึกถึงความน่าหวาดหวั่นพรั่นพรึง
“เกิดอะไรขึ้น?”
“แผ่นดินไหว? ไม่ใช่หรอก…”
“พลังกลุ่มนี้ ช่างเหมือนกับขั้นเทวะมาจุติที่โลกมนุษย์”
“ทางนั้นมันเมืองอำเภอขาวพิสุทธิ์นี่”
ยอดฝีมือผู้แข็งแกร่งแห่งสำนักกระบี่ขาวพิสุทธิ์หน้าเปลี่ยนสีกันหมด
จ้าวเสวี่ยไม่พูดจา ร่างไหววูบกลายเป็นแสงกระบี่สายหนึ่งพุ่งทะยาน ขึ้นไปยืนบนยอดเมฆที่อยู่สูงกลางอากาศกว่าสองลี้ ภายในดวงตาทั้งคู่มีแสงศักดิ์สิทธิ์ไหลวน มองออกไปยังทิศทางที่อำเภอขาวพิสุทธิ์ตั้งอยู่
ข้างกายเมฆเคลื่อนคล้อย พลังฟ้าดินราวกับคลื่นปั่นป่วน ถาโถมโหมซัดไปยังอำเภอขาวพิสุทธิ์
ฟิ้วๆๆ!
คลื่นแสงส่องสว่าง
ผู้แข็งแกร่งขั้นเหนือมนุษย์ของสำนักกระบี่ขาวพิสุทธิ์กว่าสิบคนต่างทะยานขึ้นมาอยู่ข้างกายจ้าวเสวี่ย นี่เป็นผลลัพธ์จากการฝึกฝนอย่างเงียบๆ ในยี่สิบกว่าปีที่ผ่านมา ควรรู้ว่าเมื่อยี่สิบปีก่อน สำนักกระบี่ขาวพิสุทธิ์ก็มีขั้นเหนือมนุษย์สามคน นับรวมถึงเจ้าสำนักจ้าวเสวี่ยด้วย
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จอมศาสตราพลิกดารา