จอมศาสตราพลิกดารา นิยาย บท 299

สรุปบท บทที่ 299 เป็นคนนั้นหรือ?: จอมศาสตราพลิกดารา

บทที่ 299 เป็นคนนั้นหรือ? – ตอนที่ต้องอ่านของ จอมศาสตราพลิกดารา

ตอนนี้ของ จอมศาสตราพลิกดารา โดย Internet ถือเป็นช่วงเวลาสำคัญของนิยายกำลังภายในทั้งเรื่อง ด้วยบทสนทนาทรงพลัง ความสัมพันธ์ของตัวละครที่พัฒนา และเหตุการณ์ที่เปลี่ยนโทนเรื่องอย่างสิ้นเชิง บทที่ 299 เป็นคนนั้นหรือ? จะทำให้คุณอยากอ่านต่อทันที

พวกนักรบฝ่ายธรรมพวกนี้กล้าทำเรื่องเช่นนี้ได้ ก็เป็นพวกไม่ละอายใจต่อบาปเช่นกัน

“มายังเมืองอำเภอของข้า สังหารคนของข้า แล้วจะเดินออกไปง่ายๆ ได้อย่างไร?” หลี่มู่แค่นเสียงเย็น

หลิวฉงก้าวที่สี่ขั้นเหนือมนุษย์คนนี้ มาจากสำนักเทพอย่างทุ่งปิดภูผา สมบัติบนตัวจะต้องไม่น้อยแน่นอน พัสดุชิ้นใหญ่ขนาดนี้ ซ้ำยังไม่ได้ส่งผิดที่ แต่กลับมากองให้ถึงหน้าประตู ครั้นจะไม่แกะดูแล้วส่งกลับไป เช่นนั้นก็เสียใจแย่

“ท่าน ข้าไม่รู้แผนการของคุณชายหวงเลย ข้า…” หลิวฉงทั้งโกรธทั้งตกใจ ขอร้องอ้อนวอน

ทว่าหลี่มู่ยื่นมือทันใด หนึ่งดาบทำเอาชายชราที่ดูไปแล้วดั่งเซียนสูงส่งนิ่งอึ้งอยู่ที่เดิม

หลังจากถูกจำกัดพลังฟ้าดิน ถูกสะกดปราณแท้ฟ้าประทานภายในร่างกายเอาไว้ พลังที่หลิวฉงมีในเวลานี้เป็นกำลังต่อสู้ขั้นปรมาจารย์เท่านั้น จะไปขัดขืนจอมมารหลี่ได้อย่างไร?

สถานการณ์ถูกกำหนดไว้แล้ว

“จับมัดเอาไว้ ค้นตัวพวกมันให้หมด” หลี่มู่ออกคำสั่ง

บรรดาองครักษ์ สาวใช้ และข้ารับใช้ของหวงเหวินหย่วนตกใจหวาดกลัวจนวิญญาณออกจากร่างไปนานแล้ว ไม่มีใครกล้าขัดขืน แต่ละคนยอมให้จับกุมแต่โดยดี

จอมมารหลี่จะแกะห่อพัสดุส่งด่วนทีละคน

……

สำนักกระบี่ขาวพิสุทธิ์

งานฉลองวันเกิดครบหกสิบปีของผู้อาวุโสจ้าวเจี้ยนชิงกำลังดำเนินอยู่

จ้าวเจี้ยนชิงไม่ได้มีชื่อเสียงเด่นชัดนักในยุทธจักร ถึงแม้บอกว่าในสมัยก่อนเขาหลงใหลในวิชากระบี่ ฝึกฝนอย่างหนัก แต่ความชำนาญด้านวิถีกระบี่ของเขาก็ไม่ได้ดีนัก ฝึกฝนอย่างหนักสามสิบปี แต่ยังอยู่ในขั้นยอดปรมาจารย์เท่านั้น ยังไม่เข้าสู่ขั้นฟ้าประทาน พลังแท้จริงเช่นนี้ ถ้าพูดถึงในสำนักกระบี่ขาวพิสุทธิ์แล้วอยู่ได้เพียงระดับกลางๆ กล่าวโดยทั่วไปคือเข้าสู่ระดับสูงได้ยากยิ่ง

แต่ว่า ปีที่จ้าวเจี้ยนชิงอายุได้สี่สิบปี หลังจากแต่งภรรยา กลับมีลูกชายและลูกสาวสองคน

ลูกชายคนโตจ้าวอวี่ มีพรสวรรค์ด้านกระบี่ สำนักให้ความสำคัญและเพาะบ่มมาตั้งแต่ยังเล็ก พลังก้าวกระโดดอย่างรวดเร็ว กลายเป็นบุคคลระดับผู้นำในหมู่ศิษย์รุ่นใหม่ ส่วนจ้าวหลิงลูกสาวคนเล็ก รูปร่างหน้าตาสะสวยไร้ที่เปรียบ เป็นดอกไม้ที่งดงามที่สุดของสำนักกระบี่ขาวพิสุทธิ์ ไม่เพียงแต่พลังฝึกจะไม่เลว แต่นางยังมีพรสวรรค์ด้านหมอยาในระดับสูง และกลายเป็นไข่มุกส่องสว่างในกลุ่มศิษย์รุ่นใหม่ด้วยเช่นกัน

ลูกชายและลูกสาวเช่นนี้ และเพราะเป็นคนเก่าแก่ของสำนัก ไม่เคยออกนอกลู่นอกทาง มนุษย์สัมพันธ์ดีเยี่ยม ดังนั้นตำแหน่งของจ้าวเจี้ยนชิงจึงเหมือนกับเรือลอยตามกระแสน้ำขึ้น ในที่สุดหลายวันก่อนหน้านี้ จ้าวอวี่ทะลวงสู่ขั้นฟ้าประทานได้ ความรุ่งโรจน์ของลูกชายส่งให้เขาขึ้นเป็นผู้อาวุโสสำนักกระบี่ขาวพิสุทธิ์

ผู้คนได้เฉลิมฉลอง จิตใจย่อมเบิกบาน

งานฉลองครบรอบหกสิบปีของจ้าวเจี้ยนชิงครั้งนี้จึงถูกจัดขึ้นอย่างตั้งใจ

ปกติแล้วเขามีมนุษย์สัมพันธ์ดี ด้วยเหตุนี้คนจำนวนมากจึงเข้ามาร่วมอวยพร

ในนี้ ยังรวมไปถึงจ้าวเสวี่ยเจ้าสำนักกระบี่ขาวพิสุทธิ์คนปัจจุบันด้วย

จ้าวเสวี่ยอายุเจ็ดสิบปี ชื่อเสียงเลื่องลือมาเนิ่นนาน อยู่ในกลุ่มที่ประสบความสำเร็จค่อนข้างช้า สี่สิบปีก่อนหน้า ไม่มีใครรู้จัก สี่สิบปีให้หลังทะยานขึ้นผืนฟ้า กลายเป็นผู้แข็งแกร่งลำดับที่หนึ่งของสำนักกระบี่ขาวพิสุทธิ์ ต่อมาออกท่องยุทธจักร วิชากระบี่เยี่ยมยอด ฝึกฝนจนลึกซึ้ง แทบไม่เคยแพ้ใคร ถูกจัดอยู่ในลำดับที่สิบของผู้แข็งแกร่งด้านยุทธ์แห่งจักรวรรดิฉินตะวันตก และมีท่วงท่าสง่างามเช่นเดียวกับ ‘เซียนกระบี่ธุลีแดง’ หลี่กังจอมกระบี่อันดับหนึ่งของฉินตะวันตกในปีนั้น

ทว่า ยี่สิบห้าปีก่อนหน้า ในศึกที่ปะทะกับเซียนกระบี่ธุลีแดงหลี่กัง เขาพ่ายแพ้จนต้องหลบลี้กลับมายังเขาขาวพิสุทธิ์ ควบคุมดูแลสำนักกระบี่ขาวพิสุทธิ์ เก็บตัวฝึกฝนอย่างเงียบๆ ภายใต้การดูแลของเขา หลายปีนี้สำนักกระบี่ขาวพิสุทธิ์กระทำการเงียบเชียบ ชื่อเสียงในยุทธจักรไม่ชัดเจน แต่ในความเป็นจริง พลังแท้จริงของสำนักทะยานขึ้นพุ่งพรวด

เที่ยงตรงของวันหนึ่งในวสันต์ฤดู

กลิ่นสุราลอยคลุ้ง

เขตเรือนส่วนตัวของจ้าวเจี้ยนชิง เสียงผู้คนดังเซ็งแซ่

เจ้าสำนักจ้าวเสวี่ยและผู้อาวุโสในสำนักบางส่วนนั่งอยู่บนที่นั่งของแขกสำคัญ เฝ้ามองบรรดาศิษย์หัวกะทิของสำนักครึกครื้นสนุกสนาน ในใจพลอยรู้สึกยินดีไปด้วย

โดยเฉพาะจ้าวอวี่ที่ถูกภายในกำหนดไว้ให้สืบทอดเจ้าสำนักรุ่นต่อไปแล้ว ตั้งแต่กลับจากศึกเมืองฉางอัน ราวกับจู่ๆ ได้เห็นทางสว่าง ฝึกฝนจนข้ามผ่านคอขวด พลังเพิ่มขึ้นอย่างก้าวกระโดด จนเข้าสู่ขั้นฟ้าประทาน นับจากนี้เส้นทางราบรื่น ความสำเร็จในอนาคตน่ากลัวว่าจะเป็นคนรุ่นใหม่ที่เหนือกว่ารุ่นเก่า นับว่าเป็นวาสนาของสำนักกระบี่ขาวพิสุทธิ์เลยจริงๆ

ปกติจ้าวเสวี่ยมักน่าเกรงขาม แต่วันนี้ก็ต้องดื่มหลายแก้วหน่อยอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้

ดื่มสุรากำลังครึกครื้นได้ที่

จ้าวเสวี่ยชูจอกสุรา ขณะที่กำลังจะอวยพร ในเวลานี้เอง จู่ๆ สีหน้าของเขาก็เปลี่ยนไป มองไปยังทิศตะวันออกเฉียงใต้ ใบหน้าเผยความเคร่งขรึมที่ไม่เคยปรากฏขึ้นมาก่อน

ทุกคนไม่เข้าใจความหมาย

แต่พริบตาต่อมา ทั่วทั้งสำนักกระบี่ขาวพิสุทธิ์สั่นไหวเบาๆ

ผู้แข็งแกร่งของสำนักทั้งหมดที่นี่ต่างรู้สึกได้ว่าพื้นดินใต้เท้าสั่นไหวครืนคราน เสมือนมีพลังน่ากลัวบางอย่างกำลังหลั่งไหลเข้ามา จากนั้นกลิ่นอายพลังอันแข็งแกร่งที่ยากจะเปรียบด้วยคำพูดลอยขึ้นสูงจากทิศตะวันออกเฉียงใต้ กระทั่งผู้ที่มีพลังและฝึกฝนมาอย่างพวกเขา ยังรู้สึกถึงความน่าหวาดหวั่นพรั่นพรึง

“เกิดอะไรขึ้น?”

“แผ่นดินไหว? ไม่ใช่หรอก…”

“พลังกลุ่มนี้ ช่างเหมือนกับขั้นเทวะมาจุติที่โลกมนุษย์”

“ทางนั้นมันเมืองอำเภอขาวพิสุทธิ์นี่”

ยอดฝีมือผู้แข็งแกร่งแห่งสำนักกระบี่ขาวพิสุทธิ์หน้าเปลี่ยนสีกันหมด

จ้าวเสวี่ยไม่พูดจา ร่างไหววูบกลายเป็นแสงกระบี่สายหนึ่งพุ่งทะยาน ขึ้นไปยืนบนยอดเมฆที่อยู่สูงกลางอากาศกว่าสองลี้ ภายในดวงตาทั้งคู่มีแสงศักดิ์สิทธิ์ไหลวน มองออกไปยังทิศทางที่อำเภอขาวพิสุทธิ์ตั้งอยู่

ข้างกายเมฆเคลื่อนคล้อย พลังฟ้าดินราวกับคลื่นปั่นป่วน ถาโถมโหมซัดไปยังอำเภอขาวพิสุทธิ์

ฟิ้วๆๆ!

คลื่นแสงส่องสว่าง

ผู้แข็งแกร่งขั้นเหนือมนุษย์ของสำนักกระบี่ขาวพิสุทธิ์กว่าสิบคนต่างทะยานขึ้นมาอยู่ข้างกายจ้าวเสวี่ย นี่เป็นผลลัพธ์จากการฝึกฝนอย่างเงียบๆ ในยี่สิบกว่าปีที่ผ่านมา ควรรู้ว่าเมื่อยี่สิบปีก่อน สำนักกระบี่ขาวพิสุทธิ์ก็มีขั้นเหนือมนุษย์สามคน นับรวมถึงเจ้าสำนักจ้าวเสวี่ยด้วย

ที่นั่น เหมือนกับมีพื้นที่ลับสำหรับฝึกฝนขนาดใหญ่แห่งใหม่ปรากฏขึ้น

และตอนนี้ ต่อหน้าเขายังเกิดภาพอันน่าตกตะลึงฉากนี้ขึ้นอีก หรือว่า…เป็นไปไม่ได้ หลี่มู่คนนั้นเพิ่งจะอายุแค่สิบห้า จะกระตุ้นกลิ่นอายพลังขนาดนี้ได้อย่างไร

ในใจของจ้าวเสวี่ยรู้สึกไม่สงบเล็กน้อย

เขานึกถึงสิ่งที่จ้าวหลิงพูดทั้งหมดหลังกลับมาจากอำเภอขาวพิสุทธิ์

ไม่ต้องสงสัยเลย การเปลี่ยนแปลงน่าอัศจรรย์บางอย่างที่กำลังเกิดขึ้นในอำเภอขาวพิสุทธิ์ ขุนนางเมืองหลี่มู่เด็กหนุ่มที่มารับตำแหน่งได้ไม่ถึงหนึ่งปีคนนั้นคือกุญแจสำคัญของเรื่อง เพียงแต่ว่า เขาทำสิ่งเหล่านี้ออกมาได้อย่างไรกันแน่?

จ้าวเสวี่ยยังคิดไปถึงคำรายงานของจ้าวอวี่เรื่องศึกที่ฉางอัน

ตอนนี้เอง แสงกระบี่สายหนึ่งแล่นผ่าน เป็นกระบี่หิมะขาวที่จ้าวอวี่ขึ้นขี่ ด้วยพลังทางช้างเผือก เขามาหยุดอยู่ที่ด้านข้างของทุกคน กระบี่หิมะขาวเล่มนั้นมีชื่อว่ากระบี่ขาวพิสุทธิ์ เป็นหนึ่งในสมบัติของสำนักกระบี่ขาวพิสุทธิ์ เจ้าสำนักจ้าวเสวี่ยมอบมันให้กับเขาในวันที่จ้าวอวี่ทะลวงขั้นฟ้าประทานได้

จ้าวเสวี่ยมองศิษย์ที่น่าภาคภูมิใจคนนี้ปราดหนึ่ง ที่แท้เข้าถึงแก่นการควบคุมกระบี่ขาวพิสุทธิ์ได้ไวถึงเพียงนี้ สามารถเหาะเหินได้แล้ว ทำให้เขาปลาบปลื้มใจมาก ทว่าจู่ๆ เขาก็พบว่าบางอย่างไม่ถูกต้อง ในกลิ่นอายพลังของจ้าวอวี่มีจิตแห่งกระบี่ที่แปลกตาอยู่ด้วย

“ส่งคนไปตรวจสอบที่อำเภอขาวพิสุทธิ์”

จ้าวเสวี่ยตัดสินใจ

เขามองไปที่จ้าวอวี่ เอ่ยขึ้นว่า “เสี่ยวอวี่ เจ้ามากับข้า”

แสงกระบี่แหวกอากาศ

ทุกคนต่างแยกย้ายกันไป

เรื่องสืบเสาะข่าวคราวก็ให้คนที่ชำนาญเฉพาะทางไปทำ

ที่ห้องหนังสือของเจ้าสำนักจ้าวเสวี่ย

จ้าวอวี่ใจเต้นไม่เป็นส่ำ เล่าเรื่องที่หลี่มู่มอบเคล็ดวิชา ‘กระบี่ทางช้างเผือก’ ให้ฟังทั้งหมด ท้ายที่สุดจึงกล่าวว่า “ท่านอาจารย์เจ้าสำนัก หลังจากศิษย์ได้ตำรากระบี่นี้มา ในใจก็อยากทดลอง จึงแอบไปฝึกฝนอยู่หลายวัน เดิมทีตัดสินใจว่าหลังจากงานฉลองครบรอบหกสิบปีของท่านพ่อ ข้าจะมารายงานท่าน…ท่านเจ้าสำนัก ข้าทำผิดไปแล้วใช่หรือไม่?”

จ้าวเสวี่ยยิ้มน้อยๆ ตอบกลับว่า “เจ้าไม่ได้ทำอะไรผิด กลับกันเสียด้วยซ้ำ เจ้าทำได้ดีมาก กระบี่ทางช้างเผือกเป็นวิชาขั้นสูงที่ฝึกฝนได้จนถึงขั้นทะลวงสวรรค์ ได้มาครองก็ถือเป็นวาสนาของเจ้า และนี่ก็เป็นน้ำจิตน้ำใจของหลี่มู่ เจ้าเดินทางไปเมืองฉางอันครั้งนี้ ได้เสี่ยงชีวิตไปช่วยเหลือถังฮูหยิน กระบี่ทางช้างเผือกก็ถือเป็นสิ่งตอบแทนที่เจ้าควรได้รับแล้ว”

เขาเป็นเจ้าสำนักที่ความคิดเปิดกว้าง ต้องไม่คัดค้านที่จ้าวอวี่ฝึกฝนวรยุทธ์ระดับสูงขึ้นอยู่แล้ว

นี่ก็เป็นหนึ่งในเหตุผลที่ทำให้สำนักกระบี่ขาวพิสุทธิ์ก้าวหน้าไปเงียบๆ ได้อย่างรวดเร็วในหลายปีมานี้

ตอนนี้ เขาต้องคิดดีๆ เสียแล้วว่าจะวางตัวเช่นไรต่อหลี่มู่

เพราะเขารู้สึกได้รางๆ ว่า ผู้ทรงอำนาจคนใหม่อาจถือกำเนิดขึ้นแล้ว

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จอมศาสตราพลิกดารา