นี่เป็นครั้งแรกที่ซ่างกวนอวี่ถิงเห็นภาพของหมาป่าขาวนับหมื่นตัวปรากฏขึ้นพร้อมกัน
ช่างน่าตกใจนัก
บนที่ราบหิมะอันกว้างใหญ่ ท่ามกลางลมเหมันต์หนาวเยือก หมาป่าขาวหนึ่งตัวเหมือนสายฟ้าสีเงินเส้นหนึ่ง ต้านสายลมบ้าคลั่ง ก่อให้เกิดหมอกหิมะหลายสายม้วนตัวอยู่ท่ามกลางสายลมดุจดั่งมังกรตัวยาว เป็นภาพที่ยิ่งใหญ่อลังการมาก
“หมาป่าขาวมีไหวพริบสติปัญญาที่หาได้ยาก เป็นสัตว์เทพประเภทหนึ่ง แต่ไหนแต่ไรพวกมันไม่เคยเข้าไปรังควาญคนเลี้ยงสัตว์ ไม่บุกรุกก่อกวนปศุสัตว์ บางครั้งถึงขั้นช่วยคนเลี้ยงสัตว์ขับไล่สัตว์ป่าหรือฝูงสัตว์ร้ายด้วยซ้ำ จึงมีฐานะสูงส่งสำหรับคนเลี้ยงสัตว์บนท้องทุ่งหญ้า”
เจียงชิวไป๋มองกองทัพหมาป่ามืดฟ้ามัวดินที่อยู่ห่างออกไปพลางทอดถอนใจ
สิ่งมีชีวิตใดก็แล้วแต่ที่เติบโตบนที่ราบทุ่งหญ้า ล้วนมีความเคารพยำเกรงและศรัทธาตามธรรมชาติต่อหมาป่าขาว เห็นมันเป็นสัตว์มงคล และมองเป็นเทพคุ้มครองแห่งที่ราบทุ่งหญ้า
เมื่อฟังถึงตรงนี้ ซ่างกวนอวี่ถิงก็เริ่มอยากรู้เรื่องหมาป่าขาวบ้างแล้ว
เจียงชิวไป๋กล่าวขึ้นเหมือนพูดกับตนเอง “แต่ว่าน่าแปลกจริงๆ บนที่ราบทุ่งหญ้า เมื่อไรกันที่มีฝูงหมาป่าขาวใหญ่เช่นนี้?”
หมาป่าเป็นสัตว์ที่รวมตัวเป็นฝูงอย่างแท้จริง แต่จำนวนของหมาป่าขาวเมื่อเทียบกับฝูงหมาป่าประเภทอื่นบนที่ราบทุ่งหญ้าแล้วน้อยกว่ามาก วิหารหมาป่าสำรวจและบันทึกจำนวนฝูงหมาป่าขาวเอาไว้ ในช่วงนับร้อยปีที่ผ่านมา จำนวนหมาป่าขาวมีไม่เกินหนึ่งแสนตัว จับกลุ่มเป็นฝูงประมาณหลักสิบหรือหลักร้อย กระจายอยู่ตามพื้นที่แตกต่างกันบนทุ่งหญ้ากว้างใหญ่
ฝูงหมาป่าขาวจำนวนมากที่สุดที่บันทึกไว้ในประวัติศาสตร์คือหนึ่งพันสามร้อยตัว ปรากฏขึ้นเมื่อหลายร้อยปีก่อน โดยมีราชาหมาป่าขาวที่แข็งแกร่งตัวหนึ่งรวมฝูงขึ้นมา ต่อมาถึงสลายตัวแยกย้ายไปหลังการตายของราชาหมาป่าตัวนั้น
หลังจากนั้นเป็นต้นมา บนที่ราบทุ่งหญ้าก็ไม่ปรากฏฝูงหมาป่าขาวที่จำนวนเกินหนึ่งพันตัวอีกเลย
ทว่า จำนวนของฝูงหมาป่าตรงหน้านี้เกินหมื่นอย่างเห็นได้ชัด
อีกทั้งการวิ่งห้อของฝูงหมาป่าขาวนี้ยังค่อนข้างมีลำดับ ไม่วุ่นวายแม้แต่น้อย เป็นฝูงหมาป่าโตเต็มวัยที่มีระเบียบเคร่งครัดและเข้ากันได้เป็นอย่างดีฝูงหนึ่ง…นี่แปลกเอามากๆ
“พวกมันเข้ามาแล้ว” ซ่างกวนอวี่ถิงร้องขึ้นอย่างตกใจ
ฝูงหมาป่าขาวราวกับทัพทหาร พุ่งตรงมาหาทั้งสองคน ปลายปีกฝูงทั้งสองด้านตีวงโค้งเป็นระยะราวหนึ่งลี้ ประหนึ่งกองกำลังทหารม้าที่มีระเบียบวินัยเคร่ง ตรงเข้าโอบล้อมทั้งสองด้าน หากมองจากฟ้าลงมาจะเหมือนจันทร์เสี้ยว ล้อมเจียงชิวไป๋และซ่างกวนอวี่ถิงเอาไว้กลางเสี้ยวจันทร์
“ดูท่าราชาหมาป่าขาวคงอยากจะพบพวกเรา”
ในดวงตาเจียงชิวไป๋ปรากฏความสนอกสนใจ
พลังสู้รบเฉพาะตัวของหมาป่าขาวนั้นแข็งแกร่ง ราชาหมาป่าขาวเป็นสิ่งมีชีวิตที่ไม่สามารถใช้ทฤษฎีทั่วไปมาวัดได้ แม้จะเป็นราชาหมาป่าขาวในฝูงหมาป่าขาวหลายสิบตัว ก็ยังมีสติปัญญาไม่แตกต่างจากมนุษย์ผู้ใหญ่ มีพลังรบเทียบเท่ามนุษย์ขั้นฟ้าประทาน
ฝูงหมาป่าขาวขนาดใหญ่หลักพันที่บันทึกไว้ในประวัติศาสตร์นั้น ราชาหมาป่าในฝูงจะถูกเรียกว่าจักรพรรดิแห่งแสงสว่าง มีพลังรบขั้นปฐมเทวะ พรสวรรค์น่าเกรงกลัว สมาชิกในฝูงหมาป่าเหมือนกองทัพทหาร ทะยานทั่วที่ราบทุ่งหญ้า จักรวรรดิใหญ่หรือเก้าสำนักเทพก็ยังค่อนข้างหวาดกลัวราชาหมาป่าตัวนี้
เช่นนั้นราชาหมาป่าในฝูงหมาป่าขาวจำนวนเกินหมื่นตรงหน้านี้ พลังที่แท้จริงจะน่ากลัวสักเพียงไหน?
ต่อให้เป็นขั้นเทวะอย่างเจียงชิวไป๋ ในเวลานี้ก็ยังประหลาดใจอยู่บ้าง
หนำซ้ำเขายังรู้สึกสนใจราชาหมาป่าของฝูงหมาป่าขาวตัวนี้ยิ่ง
หรือว่าบนที่ราบทุ่งหญ้าจะปรากฏจักรพรรดิแห่งแสงสว่างรุ่นใหม่ขึ้นมาโดยไม่รู้ตัวแล้ว?
เขาเห็นว่าซ่างกวนอวี่ถิงข้างกายเหมือนจะเริ่มกังวลเล็กน้อยจากการถูกหมาป่าฝูงนี้โอบล้อม
“ไม่ต้องกังวลไป หมาป่าขาวเป็นสัตว์เทพ ราชาหมาป่าขาวก็เหมือนการคงอยู่ของเทพเจ้า มีสติปัญญาที่สูงส่ง…” เจียงชิวไป๋เอ่ยด้วยรอยยิ้ม
ท้ายที่สุด สองคนก็ถูกฝูงหมาป่าขาวเรือนหมื่นโอบล้อมเอาไว้
ฝูงหมาป่าที่กรูมาอย่างบ้าคลั่งนิ่งสงบลงอย่างกะทันหัน
หมาป่าขาวแต่ละตัวพากันนั่งลงบนหิมะหนา เกล็ดหิมะที่ถูกพัดจนลอยเต็มฟ้าเพราะการห้อตะบึงอย่างบ้าคลั่งของพวกมันค่อยๆ โปรยปรายลงมา ภาพที่มีแต่การเคลื่อนไหวหยุดนิ่งลงในฉับพลัน มีผลกระทบต่อทัศวิสัยที่ชวนให้คนตกใจบางอย่าง
ซ่างกวนอวี่ถิงที่จิตใจสงบลงแล้วมองสำรวจอย่างละเอียด
หมาป่าขาวทุกตัวแตกต่างจากหมาป่าธรรมดาบนที่ราบทุ่งหญ้าอยู่มากโข เสมือนเป็นลูกม้าสีขาว นั่งลงบนหิมะห่างไปเกือบหนึ่งจั้ง ภายใต้ขนสีขาวบริสุทธ์ราวแสงจันทร์จะเห็นกล้ามเนื้อที่แข็งแรงอยู่รางๆ เปี่ยมด้วยสรีระร่างกายที่งดงามและเพรียวลม ราวกับสัตว์ยักษ์สงครามที่เดินออกมาจากพื้นที่สงครามแห่งอสุราก็มิปาน
นี่คือสิ่งมีชีวิตลึกลับที่รวมความงาม ความศักดิ์สิทธิ์ ความแข็งแกร่ง และความป่าเถื่อนโหดร้ายเอาไว้ด้วยกัน
พวกมันมีแรงกดดันทางสายตาที่ไม่มีอะไรมาเทียบได้
พวกมันมีดวงตาสีแดงอ่อน ภายในลูกตาคล้ายกับมีประกายแห่งปัญญาของมนุษย์กำลังวูบวาบ
หมาป่าขาวขนาดยักษ์เรือนหมื่นนั่งอยู่ที่เดิม สงบนิ่ง เป็นระเบียบ ไม่ต่างจากนายทหารชั้นเยี่ยมที่กำลังรอคำสั่งจากผู้บังคับบัญชา
ภาพที่ยิ่งใหญ่และลึกลับนี้ ทำเอาซ่างกวนอวี่ถิงร้องอุทานอยู่ในใจ
นางฝึก ‘วิชาก่อนกำเนิด’ มา คำว่า ‘ก่อนกำเนิด’ สองคำนี้ไม่เหมือนกับก่อนกำเนิดในการฝึกยุทธ์บนแผ่นดินใหญ่เสินโจว แต่เป็นวิชาเต๋าก่อนกำเนิดจากผืนฟ้าดาราสมุทร มุ่งไล่ตามต้นกำเนิดชีวิต มุ่งไล่ตามต้นกำเนิดเต๋าที่ยิ่งใหญ่ ด้วยเหตุนี้จึงมีบทบาทน่าอัศจรรย์ด้านการเปลี่ยนสภาพ ยกระดับ และขัดเกลาตนเองอย่างที่ไม่มีอะไรเทียมได้ อีกทั้งสามารถสัมผัสรู้สิ่งมีชีวิตนอกโลกได้ว่องไวเป็นที่สุด
ยกตัวอย่างเช่นครั้งนั้นที่เมืองฉางอัน จิ้งจอกน้อยต๋าจี่เข้าใกล้แต่หลี่มู่กับซ่างกวนอวี่ถิงก็เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้เช่นกัน ลูกหลานที่มีสายเลือดเก้าหางรับรู้ได้ถึงพลังก่อนกำเนิดเต๋าบนร่างของทั้งสองคน เป็นความใกล้ชิดด้านคุณสมบัติชีวิตประเภทหนึ่ง
แต่ตอนนี้ จิ้งจอกขาวตัวน้อยที่ขดตัวเงียบๆ อยู่ในอกของซ่างกวนอวี่ถิง
ชัดเจนมากว่ามันรู้สึกหวาดกลัวหมาป่าขาวที่ราบทุ่งหญ้าฝูงนี้
“บรู้วๆๆ…!”
เหล่าหมาป่ายักษ์สีขาวเงยหน้าขึ้นพร้อมกัน หอนยาวขึ้นฟ้า เสียงดังไปกว่าร้อยลี้
เจียงชิวไป๋เอ่ย “ราชาหมาป่าขาวจะปรากฏตัวแล้ว ดูจากจำนวนของฝูงหมาป่านี้ ราชาหมาป่าขาวตนนี้อย่างต่ำสุดคงอยู่ขั้นเทวะ…อืม สามารถสืบทอดฉายาจักรพรรดิแห่งแสงสว่างได้เลย”
ขั้นเทวะ?
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จอมศาสตราพลิกดารา