จอมศาสตราพลิกดารา นิยาย บท 330

สรุปบท บทที่ 330 ปรมาจารย์นักพรตเต้าฉงหยาง: จอมศาสตราพลิกดารา

ตอน บทที่ 330 ปรมาจารย์นักพรตเต้าฉงหยาง จาก จอมศาสตราพลิกดารา – ความลับ ความรัก และการเปลี่ยนแปลง

บทที่ 330 ปรมาจารย์นักพรตเต้าฉงหยาง คือตอนที่เปี่ยมด้วยอารมณ์และสาระในนิยายกำลังภายใน จอมศาสตราพลิกดารา ที่เขียนโดย Internet เรื่องราวดำเนินสู่จุดสำคัญ ไม่ว่าจะเป็นการเปิดเผยใจตัวละคร การตัดสินใจที่ส่งผลต่ออนาคต หรือความลับที่ซ่อนมานาน เรียกได้ว่าเป็นตอนที่นักอ่านรอคอย

ตอนนี้เจียงชิวไป๋ก็งงเป็นไก่ตาแตกเช่นกัน

บนโลกใบนี้ เรื่องที่ทำให้เขาที่เป็นเทวะอึ้งตะลึงได้มีน้อยเสียยิ่งกว่าน้อยแลว

และตอนนี้ เบื้องหน้าก็เกิดขึ้นแล้วเรื่องหนึ่ง

จินตนาการออกหรือไม่ ภาพของหมาป่าขาวที่ชาวที่ราบทุ่งหญ้ามองว่าเป็นสัตว์มงคลและสัตว์เทพ ยามเมื่อราชาหมาป่าสิบสี่ตัวปรากฏขึ้นพร้อมกันราวกับต้อนรับองค์ราชา สิ่งที่เดินออกมากลับไม่ใช่จักรพรรดิแห่งแสงสว่างรุ่นใหม่ แต่เป็นเพียงสุนัขอ้วนที่ค่อนไปทางสุนัขจรจัดเสียนี่?

เจียงชิวไป๋รู้สึกว่าโลกและทิวทัศน์ที่เขาเคยได้พบเห็น ต้องไม่ใช่สิ่งที่คนทั่วไปแทบทุกคนบนโลกนี้เทียบได้แน่นอน

แต่ถึงแม้จะเป็นเช่นนั้น เขาก็ไม่อาจจินตนาการเรื่องที่เหลวไหลแบบนี้ได้เลย

เขาคือจ้าวแห่งวิหารเทพหมาป่าคนปัจจุบัน กล่าวได้ว่าคุ้นเคยกับฝูงหมาป่าขาวบนที่ราบทุ่งหญ้าเป็นอย่างดี แต่กลับไม่เคยคิดเลยว่าสุนัขตัวหนึ่งจะควบคุมฝูงหมาป่าได้? แถมยังเป็นฝูงราชาหมาป่าขาว?

เขาอดขยี้ตาแล้วมองให้ละเอียดไม่ได้

ตรงกันข้ามกัน สุนัขประหลาดตาสองสีขนสั้นสีดำขาวไล่ระดับนั่งอยู่ท่ามกลางราชาหมาป่าทั้งสิบสี่ตัว เอียงหัวดุกดิกไปมาพลางมองประเมินเจียงชิวไป๋และซ่างกวนอวี่ถิง สายตาของมันจับจ้องอยู่ที่ร่างซ่างกวนอวี่ถิงหลายครั้ง อ้าปากหอบแฮ่กๆ แลบลิ้นยาวอย่างเคยชิน สีหน้าท่าทางดูแล้ว…เอ่อ หลากหลายยิ่งนัก

ภายใต้การขับเน้นอยู่ท่ามกลางราชาหมาป่าขาวที่องอาจดุดัน สุนัขบ้านประหลาดตาสองสีตัวนี้มองแวบแรกเหมือนนักโทษถูกคุมตัว แต่หากมองให้ละเอียด จะเห็นว่าราชาหมาป่าสีขาวทั้งสิบสี่ตัวเคารพและยำเกรงมันมาก ก้มหน้าก้มตาไม่กล้าหายใจดัง ขาหน้างอลงเล็กน้อย หากอยู่ในสังคมมนุษย์ นี่คือระดับการคุกเข่าที่ขุนนางแสดงต่อองค์ราชา นับความนอบน้อมในระดับสูงสุด และแสดงให้เห็นได้ว่าสุนัขบ้านตัวนี้คือจักรพรรดิของฝูงหมาป่าขนาดใหญ่ฝูงนี้

แต่ต่อให้เป็นเช่นนั้น เจียงชิวไป๋ก็ยังคงรู้สึกขบขันมาก

เหมือนกับ…อืม เหมือนกับกองทัพที่เหี้ยมหาญเชี่ยวชาญการศึก กลุ่มขุนพลองอาจดุดัน แต่ผู้ที่บัญชาการพวกเขากลับเป็นจักรพรรดิอ้วนฉุไม่ได้เรื่อง?

ใช่แล้ว เป็นจักรพรรดิที่ไม่ได้เรื่อง

เจียงชิวไป๋รู้สึกเช่นนี้ทันที

แถมยังเป็นจักรพรรดิไม่ได้เรื่องที่หน้าตาอัปลักษณ์อีกด้วย

ทว่าปัญหาคือฝูงหมาป่าขาวไม่ใช่สังคมมนุษย์ที่ใช้สายเลือดหรือการถ่ายทอดอำนาจตัดสินตำแหน่งราชา แต่ใช้พลังและระดับพลังล้วนๆ ตัดสินระดับชั้นของกันและกัน นี่คือตำแหน่งที่ต้องฝ่าฟันเพื่อให้ได้มาอย่างแท้จริง สุนัขประหลาดตาสองสีที่ดูแล้วท่าทางเจ้าเล่ห์และประจบประแจงหน่อยๆ มีความสามารถอะไรกันแน่ ถึงได้สยบฝูงหมาป่าขาว รวบรวมฝูงหมาป่าขาวสิบสี่ตัวแห่งที่ราบทุ่งหญ้าเอาไว้ได้ ทั้งยังทำให้ราชาหมาป่าขาวพวกนี้ฟังคำสั่งของมัน

ในใจของเจียงชิวไป๋อดไม่ได้ อยากจะทดสอบพลังของสุนัขบ้านประหลาดตัวนี้สักหน่อย

และในตอนนี้เอง ก็เห็นสุนัขบ้านตาสองสีตัวนั้นเห่าอย่างดีใจ กระโดดอยู่กับที่อยู่สามสี่ที คล้ายกำลังทำท่าน่ารัก จากนั้นจึงพุ่งจากเนินหิมะมายังทั้งสองอย่างรวดเร็ว เห่าไปด้วยวิ่งไปด้วย ซ้ำยังยิ้มอย่างเป็นมิตรยิ่งให้กับพวกเขา สีหน้าแปลกประหลาดมาก แต่ก็เหมือนว่าจะ…น่ารักอยู่บ้าง?

น่ารัก?

เจ้าเป็นถึงราชาในหมู่ราชาหมาป่าขาวเชียวนะ ทำไมถึงเข้ากับคำจำพวกน่ารักได้กัน

เจียงชิวไป๋รู้สึกว่าเรื่องราววันนี้น่าหัวเราะจนเกินสมควรไปนิด

เขากุมขมับ

นี่ไม่ใช่หมาป่าขาวที่วิหารเทพหมาป่าเอามาเป็นสัญลักษณ์แน่

ไม่ใช่อย่างแน่นอน

จู่ๆ ซ่างกวนอวี่ถิงที่อยู่ข้างกายเขาก็ร้องตกใจขึ้นมา

เจียงชิวไป๋มองไปตาก็แทบจะถลนทันใด เดิมทีสุนัขประหลาดตาสองสีพุ่งมาถึงเนินหิมะได้ครึ่งทาง จู่ๆ ก็เสียหลัก หัวทิ่มไปในกองหิมะ หน้ากระแทกพื้นก่อน จากนั้นก็เห็นมันหกคะเมนตีลังกาจนมึนหัว เพราะวิ่งเร็วเกินเลยกลิ้งมาพร้อมกองหิมะ ประเดี๋ยวเดียวก็กลายเป็นก้อนหิมะลูกใหญ่กลิ้งขลุกๆ ลงมา…

ซ่างกวนอวี่ถิงหันไปมองเจียงชิวไป๋อีกครั้ง

นี่ก็คือ…สิ่งมีชีวิตที่งดงามสง่าที่สุดในที่ราบทุ่งหญ้า? จักรพรรดิแห่งแสงสว่างองค์ใหม่?

ทำไมเหมือนล้อกันเล่นเลย?

เจียงชิวไป๋ตอนนี้จนคำพูดไปเรียบร้อย

ทำไมสุนัขตัวหนึ่งถึงได้ควบคุมฝูงหมาป่าขาวได้

หรือในที่ราบทุ่งหญ้าเกิดเรื่องใหญ่อะไรขึ้น?

ในฐานะที่เขาเป็นจ้าววิหารเทพหมาป่า ผู้กุมอำนาจหนึ่งในสำนักเทพทั้งเก้า เขาไม่อาจทนให้เรื่องแบบนี้เกิดขึ้นได้จริงๆ

สายเลือดบริสุทธิ์ของหมาป่าขาวถูกสุนัขบ้านตาสองสีตัวหนึ่งทำให้แปดเปื้อนหมดแล้ว

ทว่าพริบตาที่ความคิดนี้ผุดขึ้นมา ข้างขาก็พลันขยับ ก่อนจะมีเสียงน้ำดังขึ้น เมื่อก้มลงมองก็เห็นสุนัขบ้านตาสองสีตัวนั้นมาอยู่ข้างกายตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้ และตอนนี้มันยังยกขาหลังฉี่ใส่รองเท้าเขาอีกด้วย…

เป็นไปได้อย่างไร?

เจียงชิวไป๋ตะลึงครั้งใหญ่

ในพริบตาต่อมา สุนัขประหลาดตาสองสีก็มาปรากฏข้างกายซ่างกวนอวี่ถิงอีกครั้ง จมูกดมกลิ่นฟุดฟิด เหมือนว่าค้นพบอะไร ใบหน้าฉายแววตื่นเต้นยินดีเป็นที่สุด หางสะบัดอย่างเริงร่ายิ่งขึ้น ทั้งยังเห่าโฮ่งๆ อีกด้วย มันเดินวนรอบซ่างกวนอวี่ถิง ท่าทางดีอกดีใจมาก

และครั้งนี้ เจียงชิวไป๋ก็ยังคงมองไม่เห็นว่าสุนัขประหลาดตาสองสีตัวนี้เคลื่อนย้ายไปด้วยวิธีใดเช่นกัน

……

ดาบเดียวต้านทานคนนับร้อยนับหมื่น

เรื่องที่เกิดขึ้นที่ด่านเมืองมังกรแพร่ออกไปราวพายุลมกรด

ข่าวที่ไท่ไป๋อ๋องหลี่มู่ปรากฏตัวขึ้นที่ด่านเมืองมังกรก็กระจายออกไปอย่างบ้าคลั่งตามไปด้วย

และเรื่องที่เล่าลือออกไปดุจพายุคลั่งในขณะเดียวกันนี้ ยังมีข่าวที่ชายแดนป้องกันทั้งหลายของฉินตะวันตกถูกยึดไปกว่าครึ่งในคืนเดียว

พลังลึกลับกลุ่มหนึ่งปรากฏขึ้นจากกระแสคลื่นใต้น้ำโดยไม่มีสัญญาณเตือน ร่วมมือกับบางเผ่าของที่ราบทุ่งหญ้า วิหารเทพ และกองกำลังทหารชายแดนของซ่งเหนือ โจมตีกองกำลังทหารชายแดนของฉินตะวันตกเสียย่อยยับ จักรวรรดิฉินตะวันตกที่ไร้การคุ้มกันจากเมืองชายแดน ประตูเมืองชายแดนอันกว้างใหญ่ไพศาลก็เปิดออก นี่หมายความว่าขอแค่ซ่งเหนือและชาวที่ราบทุ่งหญ้ายินดี พวกเขาก็จะสามารถบุกรุกเข้ามาในดินแดนฉินตะวันตกได้ทุกเวลา

หากไม่ใช่ว่าไท่ไป๋อ๋องหลี่มู่ปรากฏตัวขึ้น เกรงว่าชายแดนฉินตะวันตกคงย่ำแย่ไปกว่านี้แน่นอน

ดาบเดียวของหลี่มู่ฟาดฟันจนกองทัพเผ่าหมานแห่งที่ราบทุ่งหญ้าที่อยู่ภายใต้การควบคุมจากวิหารเทพแมงมุมล่าถอยไปร้อยลี้ ทำให้พวกเขาไม่กล้าส่งทหารสอดแนมไปยังด่านเมืองมังกรหนึ่งวันเต็มๆ กระทั่งว่าภายใต้การข่มขวัญจากประโยคที่ว่า ‘ผู้ก้าวเข้ามาในด่านนี้ ตาย’ ของหลี่มู่ กองทัพจากทุ่งหญ้าก็กระเจิดกระเจิง สุดท้ายทิ้งแผนรบโจมตีด่านเมืองมังกร ถอยเข้าไปในเขตลึกของที่ราบทุ่งหญ้า

เพราะนี่เป็นถึงคำเตือนจากเทวะองค์หนึ่ง

เทวะปกป้องเมืองเมืองหนึ่ง นั่นก็หมายความว่าใครโจมตี คนนั้นตาย

ไม่ใช่แค่นั้น ขั้วอำนาจกองทัพรวมถึงเมืองอื่นๆ ที่โจมตีและยึดด่านชายแดนต่างๆ ของฉินตะวันตกก็สั่นสะท้านไปด้วยเช่นกัน

เพราะไม่มีใครรู้ว่าตกลงแล้วไท่ไป๋อ๋องหลี่มู่ลงมือเพราะสบโอกาส หรือสู้เพื่อเชื้อพระวงศ์ฉินตะวันตกจริง หากเป็นแบบหลัง เช่นนั้นสำหรับผู้บุกรุกผลลัพธ์ก็จะกลายเป็นหายนะอย่างไม่ต้องสงสัย เพราะแค่เทวะออกคำสั่ง ของที่เขากินเข้าไปก็ยังต้องคายออกมา เช่นนั้นจะเท่ากับว่าแผนการความพยายามทั้งหมดก่อนหน้านี้มลายหายสิ้น ใครจะไปทนได้กันเล่า

แต่ว่า ไม่นานนักก็มีข่าวที่ยิ่งเป็นที่ฮือฮามากกว่าลือไปทั่วแผ่นดินกว้างใหญ่

เต้าฉงหยางเจ้านายแห่งสำนักเทพเขาเมืองมรกตที่พิทักษ์จักรวรรดิซ่งเหนือจะมายังฉินตะวันตกเพื่อท้าสู้กับ ‘เก้าชั้นฟ้าปิดภูผา’ หลี่พั่วเยวี่ย บุคคลอันดับหนึ่งด้านการฝึกยุทธ์แห่งฉินตะวันตก

ข่าวนี้ช่างน่าตื่นตะลึงยิ่งนัก

ชาวที่ราบทุ่งหญ้าแห่งสำนักทุ่งปิดภูผากับนักพรตของเขาเมืองมรกต ตลอดมามีน้อยครั้งนักที่จะผูกแค้นอาฆาตกัน ต่อให้เป็นช่วงที่ฉินตะวันตกและซ่งเหนือความสัมพันธ์ย่ำแย่ที่สุดก็ตาม เมืองเขามรกตและทุ่งปิดภูผาไม่เคยมีข้อพิพาทใหญ่โตอะไรมาก ทว่าครั้งนี้ หลังจากกองกำลังชายแดนของซ่งเหนือ เผ่าหมานแห่งที่ราบทุ่งหญ้า และขั้วอำนาจลึกลับรวมสามฝ่ายร่วมมือกันโจมตีฉินตะวันตก ปรมาจารย์นักพรตเต้าฉงหยางแห่งสำนักเต๋าที่ได้ชื่อว่าเป็นที่หนึ่งในหล้าจะท้าทายเจ้าสำนักทุ่งปิดภูผา นี่ไม่ได้หมายความว่าซ่งเหนือและฉินตะวันตกเข้าสู่ยุคสงครามที่ดุเดือดที่สุดในรอบพันปีแล้วหรอกหรือ?

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จอมศาสตราพลิกดารา